ฟื้นตัวยาก
*ดูเหมือนภาพสถานการณ์ของตลาดหุ้นไทยจะอยู่ในช่วงหมดแรงอย่างที่ “โมนิก้า” คิดเอาไว้ไม่มีผิด เพราะหลาย ๆ ปัจจัยในตลาดหุ้นยังอยู่ในช่วงตื้อ ๆ ตัน ๆ การปรับตัวลงมาอยู่ที่ระดับ 1,672.42 จุด ลบไป 19.09 จุด ด้วยมูลค่าซื้อขาย 5 หมื่นล้านบาท จึงเป็นสัญญาณเตือนให้นักลงทุนรู้ว่าการลงทุนในนาทีนี้หมดความน่าสนใจ ดัชนีที่ปรับตัวลงลึกไปถึง 19 จุดจึงบ่งบอกได้ว่าหุ้นไทยตอนนี้ยังไม่มีใครเอา
เจาะกระดาน : โมนิก้าและทีมงาน
*ดูเหมือนภาพสถานการณ์ของตลาดหุ้นไทยจะอยู่ในช่วงหมดแรงอย่างที่ “โมนิก้า” คิดเอาไว้ไม่มีผิด เพราะหลาย ๆ ปัจจัยในตลาดหุ้นยังอยู่ในช่วงตื้อ ๆ ตัน ๆ การปรับตัวลงมาอยู่ที่ระดับ 1,672.42 จุด ลบไป 19.09 จุด ด้วยมูลค่าซื้อขาย 5 หมื่นล้านบาท จึงเป็นสัญญาณเตือนให้นักลงทุนรู้ว่าการลงทุนในนาทีนี้หมดความน่าสนใจ ดัชนีที่ปรับตัวลงลึกไปถึง 19 จุดจึงบ่งบอกได้ว่าหุ้นไทยตอนนี้ยังไม่มีใครเอา
*สังเกตเห็นได้จากแรงขายของต่างชาติวานนี้อีก 3.4 พันล้านบาท ฟากกองทุนตัวแสบและปอบผีฟ้ายังอิด ๆ ออด ๆ เคาะหุ้นแบบไม่เต็มใจต่างกับที่ออกมาโพนทะนาอย่างลิบลับ จึงเป็นคำตอบว่าตลาดหุ้นไทยทำไมถึงไม่มีแรงซื้อไหลกลับเข้ามาให้เห็น นับเป็นภาพที่สะท้อนว่าดัชนีมาถึงจุดที่จะฟื้นตัวยาก ตอนนี้สิ่งที่ต้องจับตาคือหากดัชนีหลุด 1,670 จุดหุ้นมีสิทธิ์จะร่วงต่อยาวนะซิเจ้าคะ
*เมื่อหันมามองหุ้นกลุ่มหลักที่เป็นตัวขับเคลื่อนดัชนีอย่างหุ้นบลูชิพ วันนี้สิ่งที่น้องโมได้เห็นเป็นการต่อแถวเรียงคิวรอขึ้นเครื่องหมาย XD กันหน้าสลอน ไล่เรียงมาตั้งแต่ BANPU BMDS BBL KBANK คงเป็นตัวกดดัชนีให้ดิ่งลงไปอีก ใครที่จะเข้าเก็บดัชนีในช่วงนี้ “เดี๊ยน” ว่ามันคงน่ากลัวไปหน่อยล่ะมั้ง ! เพราะหากสิ่งที่คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้เป็นเหมือนกับที่มองกันไว้ มันเสี่ยงเกินไปที่จะตามไล่เคาะซื้อเจ้าค่ะ
*ในรายของ GFPT หุ้นปักหัวลงมาอย่างเห็นได้ชัดหลังจากโดนแรงขายสาดออกมาเต็มคราบจนหุ้นร่วงลงมากองอยู่ที่ 14.20 บาท ลบไป 0.90 บาท หรือลบไป 5.96% ด้วยมูลค่าซื้อขาย 126.78 ล้านบาท แรงขายที่ถล่มลงมาแบบไม่ดูดำดูดีบอกให้ “โมนิก้า” รู้ว่าสงครามแดงเดือดนี้ยังไม่จบ เมื่อแรงขายยังไม่มีทีท่าจะหมด ใครที่ยังไม่เผ่นอยู่ไหวหรือเปล่า ?…ถามใจตัวเองดูก่อนนะเจ้าคะ
*เทรนด์การเคลื่อนไหวของ JAS ที่สวนภาวะตลาดจนสามารถขึ้นไปแตะจุดสูงสุดที่ 5.35 บาทได้ และมาปิดที่ระดับ 5.25 บาท บวกไป 0.10 บาท หรือขึ้นไป 1.94% ด้วยมูลค่าซื้อขาย 178.99 ล้านบาท อาจทำให้หลายคนหันมาสนใจหุ้นตัวนี้กันมากขึ้น แต่สิ่งที่แฟนคลับ “โมนิก้า” ต้องอ่านให้ออกเป็นเรื่องการเข้าเล่นหุ้นให้ถูกจังหวะ เมื่อภาวการณ์ลงทุนยังไม่น่าเล่น แถมแนวต้าน 5.41 บาท ยังเป็นด่านหินหากไม่มีแรงซื้อดันกลับขึ้นมาคงไม่เห็นความเปลี่ยนแปลงของหุ้นตัวนี้น่ะสิเจ้าคะ
*สำหรับ PTG เป็นอีกรายที่ถูกเทขายจนราคาหุ้นไหลลงต่อเนื่อง แต่วานนี้กลับแสดงอภินิหารปรับตัวขึ้นสวนภาวะตลาดมาที่ 11.60 บาท บวกไป 0.10 บาท หรือ 0.87% ด้วยมูลค่าซื้อขาย 463.60 ล้านบาท การได้เห็นราคาดีดกลับอีกครั้งหลังจากกองอยู่แถว ๆ 11 บาทจากยอดเดิมที่เคยทำไว้ที่ 33 บาท ฉายภาพให้ “เดี๊ยน” เห็นว่าราคาวันนี้มันต่ำกว่าแวลูของหุ้นค่อนข้างเยอะ สิ่งที่รอวันนี้คงมีเพียงแค่จังหวะที่จะรอวันฟื้นคืนชีพเท่านั้นเจ้าค่ะ
*มาดูหุ้นติดลมบนแบบฉุดไม่อยู่อย่าง CHG ที่มีสตอรี่ปัจจัยฤดูกาลหนุนต่อเนื่อง วานนี้หุ้นกระชากขึ้นมาปิดที่ระดับ 2.64 บาท บวกไป 0.02 บาท หรือ 0.76% ด้วยมูลค่าซื้อขาย 187.26 ล้านบาท เป็นจังหวะของนักเล่นที่เคยเคาะขวาแบบสุดซอยคงต้องย้อนกลับมาดูพื้นฐานของหุ้นในวันนี้ว่าแพงไปหรือยัง ? ในเมื่อเริ่มเห็นอัพไซด์จากราคาเป้าหมายของกูรูหลายสถาบันเริ่มมีจำกัดคงถึงเวลาที่ต้องเฝ้าระวังมากขึ้นเจ้าค่ะ
*ส่วนในรายของ THANA หลังประกาศพับแผนร่วมทุนกับ TAKUNI ที่ก่อนหน้านี้วาดฝันเอาไว้ถึงการร่วมกันพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ให้โตก้าวกระโดด ก็ถึงคราวต้องย้อนกลับมามองความเป็นจริงว่าสิ่งที่คิดไว้ยังไงก็ไม่รุ่ง เม็ดเงินลงทุนที่ได้ไม่คุ้มเสียต้องขอเบรกโปรเจกต์เอาไว้งานนี้เลยเจอแรงขายถล่มทลายฉุดราคาไหลมาปิดที่ระดับ 2.68 บาท ลบไป 0.14 บาท หรือลบไป 4.96% ด้วยมูลค่าซื้อขาย 9.04 ล้านบาท ส่วนราคาหุ้น TAKUNI ยังนิ่งไม่ไหวติงอยู่ที่ 0.86 บาท ยังไงล่ะเจ้าคะ
*ปิดท้ายกันที่ SCG ที่วานนี้ลงมาปิดที่ 4.58 บาท ลบไป 0.10 บาท หรือลงไป 2.14% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 7.35 หมื่นบาท “โมนิก้า” ขอแปะป้ายเตือนเอาไว้สักนิดสำหรับใครที่อยากจะเข้าไปคลุกวงในกับหุ้นตัวนี้ เพราะเมื่อดูสัญญาณทางเทคนิคแล้วก็ทำให้เห็นลักษณะอย่างหนึ่งของหุ้นตัวนี้ได้อย่างเด่นชัด นั่นคือการ “เปิดสูง-ปิดต่ำ” อยู่ร่ำไป แถมยังเป็นหุ้นที่ไร้สภาพคล่องใครที่เผลอเข้าไปรุมอาจจะเจ็บตัวเอาได้ง่าย ๆ นะเจ้าคะ