พาราสาวะถี
เป็นประเด็นดราม่ากรณีหัวหน้าวงเกิร์ลกรุ๊ปชื่อดัง เฌอปราง BNK48 หรือเฌอปราง อารีย์กุล ผู้มาช่วยเรียกเรตติ้งรายการเดินหน้าประเทศไทย ถูก รังสิมันต์ โรม เรียกร้องให้เลิกรับใช้เผด็จการ แต่มีการขยายผลไปในเชิงลบ วันนี้ทั้ง พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ และ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา พากันออกมาอุ้ม ขนาดถึงขั้นที่ว่าท่านผู้นำบอกให้สาวน้อยวัยใสอย่ายอมแพ้พวกไร้ศีลธรรม
อรชุน
เป็นประเด็นดราม่ากรณีหัวหน้าวงเกิร์ลกรุ๊ปชื่อดัง เฌอปราง BNK48 หรือเฌอปราง อารีย์กุล ผู้มาช่วยเรียกเรตติ้งรายการเดินหน้าประเทศไทย ถูก รังสิมันต์ โรม เรียกร้องให้เลิกรับใช้เผด็จการ แต่มีการขยายผลไปในเชิงลบ วันนี้ทั้ง พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ และ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา พากันออกมาอุ้ม ขนาดถึงขั้นที่ว่าท่านผู้นำบอกให้สาวน้อยวัยใสอย่ายอมแพ้พวกไร้ศีลธรรม
ไปไกลกันขนาดนั้น กลายเป็นว่าคนเห็นต่างจากรัฐบาลใครตั้งข้อสังเกตหรือแสดงความเห็นต่างเป็นพวกคนชั่วคนเลวไปเสียทั้งหมด เช่นนี้แล้วถนนสายปรองดองที่เป็นข้ออ้างของการรัฐประหารเมื่อพฤษภาคม 2557 มันจะเกิดขึ้นได้และเดินไปพร้อมกันได้อย่างไร ไม่เพียงแค่ประเด็นนี้ ยังมีกรณี จตุพร พรหมพันธุ์ เสนอให้กลุ่มการเมืองพรรคการเมืองจับมือหารือกันให้ตกผลึกแล้วนำข้อเสนอไปคุยกับผู้มีอำนาจ
ในความเห็นของประธานนปช.ก็เพราะหวังว่าประเทศจะไม่เจอทางตันเหมือนเหตุการณ์พฤษภาทมิฬ ซึ่งเจ้าตัวเคยอยู่ร่วมในเหตุการณ์ พอมีนักข่าวไปถามท่านผู้นำเท่านั้นแหละ ตอกกลับตอบโต้ดุเดือดถึงบอกให้ถอดหัวแล้วไปสงบเสงี่ยมเจียมตัวสู้คดีให้จบดีกว่า พร้อมยกเอาสิ่งที่บอกว่าคนที่พูดก็คือส่วนหนึ่งของการสร้างความขัดแย้งมิใช่หรือ
ถ้าเช่นนั้น หากมีคนย้อนถามกลับไปว่าแล้วใครกันที่อยู่เบื้องหลังของการสร้างวิกฤติเทียม เพื่อให้บ้านเมืองเดินไปสู่ความขัดแย้ง โดยมีเป้าหมายปลายทางคือการก้าวขึ้นเสพสุขในอำนาจ นี่คือตัวอย่างของการไม่ปล่อยวาง หัวใจเต็มไปด้วยอคติแค่ได้ยินชื่อคนที่ตัวเองไม่ชอบขี้หน้าก็ของขึ้นแล้ว บางครั้งมันก็สะท้อนภาวะของความเป็นผู้นำที่ดีได้อยู่เหมือนกัน
มากไปกว่านั้น ฐานะที่อาสาเข้ามาเป็นกรรมการหากจิตใจไม่เที่ยงธรรมเสียแล้ว การที่จะให้คนยอมรับและเดินไปสู่เป้าหมายอันสำคัญของตัวเองนั้นจึงเป็นเรื่องยากลำบากยิ่ง ความจริงหากเป็นผู้มีศีลธรรมจริงดังว่า น่าจะเคยได้ยินได้ฟังหรือได้อ่านคำสอนของพระเกจิดัง หลวงพ่อคูณ ปริสุทโธ ที่เตือนสติคนที่จะเป็นผู้นำคนในหลายวาระหลายโอกาสมาบ้าง เพื่อจะได้เป็นสิ่งที่คอยกระตุ้นสำเหนียกให้นึกถึงหรือพึงคิดก่อนที่จะแสดงอาการอย่างหนึ่งอย่างใดออกไป
คำสอนหนึ่งของหลวงพ่อคูณคือ “ถ้ามึงไม่คิดสกปรกใจมึงจะไม่บอด ไอ้คนใจบอดมันใจคับแคบตระหนี่ถี่เหนียว มองคนอื่นเขาเลวหมด แต่ไม่เคยมองดูตัวเอง แต่ถ้ามึงใจไม่บอด ต่อให้แต่งตัวโกโรโกโสยังไง ใคร ๆ เขาก็อยากคบมึง” อีกหนึ่งคำสอนที่คู่กันคือ “หากมึงคิดเป็นผู้นำของแผ่นดิน องค์กรหรือครอบครัวที่ดี มึงต้องทำตัวเหมือนกระโถน ยอมรับได้ทุกสิ่งทุกอย่าง ทั้งเรื่องดีเลว เรื่องดีมึงเก็บไว้กับตัว เรื่องเลวมึงทิ้งไว้ตรงนั้น แม้เขาถูกหรือผิด มึงก็ต้องรับฟัง ค่อย ๆ บอกให้เขาแก้ไข”
เป็นคำสอนง่าย ๆ ที่สามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้ทันที เป็นเครื่องเตือนสติของคนที่อยู่ในฐานะผู้สื่อสารให้สังคมเกิดความเปลี่ยนแปลงอย่างหนึ่งอย่างใด ไม่ใช่ว่าเมื่อโมโหหัวร้อนแล้วนึกจะพูดอะไรก็พ่นออกไป แล้วมาขอโทษกันภายหลัง เช่นนั้นมันเป็นพฤติกรรมของพวกเด็ก ๆ ที่ไร้ความรับผิดชอบกระทำ แต่คนที่มีสถานะทางสังคมที่เหนือกว่าใครต้องไม่มีสิ่งเหล่านี้
หรือถ้าคำสอนของหลวงพ่อคูณมันยากเกินกว่าที่จะเข้าใจ ก็ลองไปอ่านคำสอนตามต้นไม้ในวัดที่หนึ่งที่ใดที่สามารถเข้าใจได้ง่าย ๆ เลย ณ ตอนนั้นดูก็ได้ เช่น “คนโง่เก็บใจไว้ที่ปาก คนฉลาดเก็บปากไว้ที่ใจ” เท่านี้ก็น่าจะทำให้คนทั่วไปได้เห็นอาการนิ่งหรือการคิดก่อนพูดหรือการงดระบายอารมณ์ของคนที่มีอำนาจได้แล้ว น่าเสียดายที่คนซึ่งอ้างว่ามีหิริโอตัปปะ ละอายและเกรงกลัวต่อบาป แต่กลับไม่ละอายหรือเกรงกลัวว่าคำพูดหรือสิ่งที่แสดงออกต่อสาธาณะนั้นมันเหมาะสมหรือไม่
การเมืองเรื่องภายในพรรคประชาธิปัตย์ นาทีนี้ต้องจับตาต่อความเคลื่อนไหวทุกย่างก้าว “เสี่ยจ้อน” อลงกรณ์ พลบุตร ยังกั๊กท่าทีเรื่องที่มีสมาชิกชักชวนให้กลับบ้านหลังเดิมเพิ่มเติมคือไปชิงเก้าอี้หัวหน้าพรรคจาก อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นปรากฏการณ์ที่ไม่ธรรมดาแน่นอน ถึงขนาดที่ วัชระ เพชรทอง ต้องออกมาบอกว่านี่คือความพยายามของคสช.ที่จะส่งนอมินีเข้ามายึดพรรคทำลายหล่อใหญ่
แต่น้ำหนักที่วัชระยกมาประกอบนั้นมันดูเบาและออกจะเขลาไปนิด ๆ เพราะผู้มีอำนาจคงไม่ได้มองเห็นว่าอภิสิทธิ์จะเป็นขวากหนามหรืออุปสรรคของการจะกลับมาสืบทอดอำนาจ และคงไม่มีใครบ้าพอที่จะเข้าไปยึดพรรคที่ก็รู้อยู่ว่ามีอัตลักษณ์อย่างไรเพื่อให้มาเป็นพวกของตัวเอง และสุ่มเสี่ยงว่าจะถูกหักหน้าเมื่อไหร่ไม่รู้ ที่สำคัญการที่ท่านผู้นำเคยบอกว่า หลังเลือกตั้งอย่าเปลี่ยนท่าทีก็แล้วกัน นั่นย่อมมีนัยความหมายทางการเมืองเป็นอย่างยิ่ง
อย่างไรก็ตาม การจะกลับมาของเสี่ยจ้อนจากเดิมที่ดูท่าว่าจะเป็นไปได้ยาก แต่พอเจ้าตัวโยนข้อเสนอ 5 กฎเหล็ก เป็นทางเลือกให้สมาชิกพรรคเก่าแก่พิจารณาทำสัญญาประชาคมกันก่อนก้าวสู่โหมดเลือกตั้ง มันก่อให้เกิดการติดตามและมีคำถามตัวโตขึ้นมาทันที กระนั้นก็ตาม สิ่งที่คนถือหางอภิสิทธิ์สบายใจได้คงเป็นสถานะของอลงกรณ์ที่วันนี้ไม่ได้ยึดโยงหรือมีความเกี่ยวพันกันใด ๆ ทุกสิ่งที่เสนอจึงเป็นเพียงเรื่องของคนนอกและไม่รู้หรืออาจจะยากที่จะได้รับการตอบสนอง
ที่น่าสนใจคงเป็นคนใน เป็นผู้อาวุโสของพรรคมากกว่า ข้อเรียกร้องดัง ๆ ที่โยนมาจาก “หมอผี” สัมพันธ์ ทองสมัคร ต่างหากที่ต้องขีดเส้นใต้ เหตุใดจึงเรียกร้องให้อภิสิทธิ์ลาออกจากหัวหน้าพรรคแล้วให้ ชวน หลีกภัย นั่งเป็นรักษาการหัวหน้า เพื่อนำพาพรรคเข้าสู่สนามเลือกตั้งครั้งที่กำลังจะเกิดขึ้น หลังเสร็จภารกิจแล้วค่อยมาพิจารณาเลือกหัวหน้ากันอีกที อภิสิทธิ์หรือใครก็เสนอตัวให้สมาชิกเลือกได้ทั้งนั้น
คงไม่ใช่ข้อเสนอลอย ๆ ฐานะผู้คร่ำหวอดในวงการเมืองมายาวนาน ความเห็นของหมอผีน่าจะมีสัญญาณบางอย่างที่จะมีผลต่อการเลือกตั้ง โดยเฉพาะในพื้นที่ภาคใต้ การชูยี่ห้อชวนเป็นทางแก้เหมือนยาสามัญประจำประชาธิปัตย์ เฉกเช่นกับที่คสช.มีม.44 เป็นยาวิเศษ การเสนอออฟชันเช่นนี้อาจจะเป็นไปได้ว่าถ้าอภิสิทธิ์ยังเป็นผู้นำ พื้นที่กทม.วันนี้ก็ไม่รู้จะหมู่หรือจ่า ยังจะทำให้พรรคมีโอกาสเสียเก้าอี้ในพื้นที่ภาคใต้ตามไปด้วย นี่คือการเมืองยุคปฏิรูปที่ไม่ใช่แค่เพื่อไทยที่ถูกกระทำแต่พรรคเก่าแก่ก็โดนหางเลขไปด้วย