พาราสาวะถี
วันนี้ย้อนไปเมื่อ 12 ปีที่แล้วเกิดคณะรัฐประหารที่ชื่อว่าคมช.ภายใต้การนำของ “บิ๊กบัง” พลเอกสนธิ บุญยรัตกลิน ยึดอำนาจจาก พันตำรวจโททักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีที่อยู่ระหว่างการเดินทางไปร่วมประชุมสมัชชาสหประชาชาติที่นิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา เป็นการฉีกทิ้งรัฐธรรมนูญฉบับประชาชนที่ทำให้ไทยถูกยกเป็นประเทศแม่แบบในการพัฒนาประชาธิปไตยในภูมิภาคอาเซียนไปด้วย
อรชุน
วันนี้ย้อนไปเมื่อ 12 ปีที่แล้วเกิดคณะรัฐประหารที่ชื่อว่าคมช.ภายใต้การนำของ “บิ๊กบัง” พลเอกสนธิ บุญยรัตกลิน ยึดอำนาจจาก พันตำรวจโททักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีที่อยู่ระหว่างการเดินทางไปร่วมประชุมสมัชชาสหประชาชาติที่นิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา เป็นการฉีกทิ้งรัฐธรรมนูญฉบับประชาชนที่ทำให้ไทยถูกยกเป็นประเทศแม่แบบในการพัฒนาประชาธิปไตยในภูมิภาคอาเซียนไปด้วย
เวลาผ่านไปจากที่มียศทางตำรวจวันนี้ทักษิณถูกถอดยศ มีคำนำหน้าว่านาย โดยวันวานเจ้าตัวได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก รำลึกถึงเหตุการณ์ 12 ปีแห่งการถูกยึดอำนาจ โดยลากเอาการรัฐประหารหนล่าสุดเข้ามาด้วย จากการที่บอกว่าปฏิวัติ 2 ครั้งใน 12 ปี ปฏิวัตินายกฯ ที่เป็นพี่น้องกันและได้รับความนิยมสูงสุดในประวัติศาสตร์การเมืองไทย
แค่ประโยคนี้ถือเป็นการเรียกแขกได้อย่างดีแน่นอน จะต้องมีพวกต่อต้านระบอบทักษิณพาเหรดกันออกมาตอบโต้ เพราะนี่คือการสร้างความหมั่นไส้ให้พวกที่รวมหัวกันล้มกระดานรัฐบาลในเครือข่ายนายใหญ่มานับตั้งแต่ยุคพรรคพลังประชาชนจนกระทั่งมาถึง ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร กระนั้นก็ตามคนแดนไกลหาได้สนใจประเด็นเช่นนี้ไม่
เห็นได้จากประโยคที่บอกว่า แน่นอนมีคนได้ดีและร่ำรวยจากการปฏิวัติทั้ง 2 ครั้ง แต่คนที่แย่ลงในหลายมิติมีมากกว่า และไม่สำคัญเท่ากับประเทศไทยที่เรารักถูกมองแย่ลงในสายตาคนทั้งโลก ถึงเวลาแล้วหรือยังที่จะหันหน้ามาปรึกษาหารือกันเพื่อบ้านเมือง หรือว่าจะตะแบงฟาดฟันกันฝ่ายเดียว ทั้ง ๆ ที่เป็นเพียงแค่ความคิดเห็นที่ต่างกัน ชอบไม่เหมือนกัน
บางคนต้องถึงกับชีวิต บางคนเจ็บป่วย บางคนติดคุก บางคนถูกกลั่นแกล้งทางธุรกิจ ทางอาชีพและตำแหน่งหน้าที่ราชการ จนอยากจะตะโกนแรง ๆ ว่าเราคนไทยด้วยกันไม่ใช่หรือ แน่นอนสิ่งที่ทักษิณบอกมันล้วนแล้วแต่เป็นความจริง และยิ่งปฏิเสธไม่ได้เมื่อนายใหญ่สะกิดต่อไปว่า วันนี้ให้ทุกคนลองวางใจให้เป็นกลาง แล้วหลับตานึกว่าจากวันนั้นถึงวันนี้ คิดว่าประเทศไทยเจริญขึ้นแล้วหรือไม่
ไม่ว่าจะเป็นระบบการศึกษา ระบบราชการบริการประชาชน ยาเสพติด การสาธารณสุข กระบวนการยุติธรรม เศรษฐกิจของประชาชนรวมถึงความสุขของตัวเองและคนรอบตัว สุดท้ายคือศักดิ์ศรีประเทศและความภูมิใจของทุกคน วันนี้เราช้ำกันพอแล้วหรือยัง ประเทศช้ำพอแล้วหรือยัง รอยยิ้มของไทยที่เรียกว่ายิ้มสยามหายไปไหนหมด
ก่อนจะตามมาด้วยการโชว์วิสัยทัศน์ แล้วจะอยู่กันแบบนี้ ในขณะที่โลกกำลังเอาสมองไปคิดค้นสิ่งใหม่ นำความเจริญให้แต่ละประเทศ แต่ประเทศไทยกำลังล้าหลังในทุก ๆ ด้าน ถ้าเปิดใจกว้าง ไม่เป็นกบน้อยในกะลา เราจะรู้ว่าเราต้องปรับปรุงและพัฒนาอีกเยอะ เทคโนโลยีที่ทั้งโลกกำลังใช้ประโยชน์ มันกำลังจะไล่ล่าประเทศที่ปรับตัวไม่ทันและไม่คิดปรับตัว
ไม่เพียงเท่านั้น ยังมีลูกออดอ้อน ถึงแม้ว่าตนมีอายุที่กำลังก้าวเข้าปีที่ 70 แล้ว แต่เสียดายประสบการณ์ที่สั่งสมมาทั้งชีวิต โดยเฉพาะอย่างยิ่ง 12 ปีที่ออกมา ซึ่งน่าจะเป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติและประชาชน และครบรสด้วยการเรียกคะแนนสงสารกับข้อความที่ว่า ในโอกาสครบรอบ 12 ปีนี้ ตนขอเปิดอกว่าเสียใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นกับประเทศไทยเป็นอย่างยิ่ง
นอกจากนั้น ตนยังต้องสูญเสียความสุข ความอบอุ่นในครอบครัว ที่พ่อแม่ลูกเคยอยู่ด้วยกันอย่างอบอุ่นมาตลอด ต้องมาพรากจากกัน ตนเสียใจที่คนที่รักตน สนับสนุนตนถูกรังแก แต่คงไม่เสียใจเท่าประเทศที่ตนรัก แผ่นดินที่ตนเกิดและเติบโตมา ซึ่งครั้งหนึ่งได้ทำหน้าที่นายกรัฐมนตรี ต้องมาตกอยู่ในสภาวะแบบนี้ เขียนข่าวรอได้เลย บรรดาแกนนำและสมุนของพวกต่อต้านระบอบทักษิณจะซัดกลับว่าอย่างไร
หนีไม่พ้นทั้งเรื่องของประชานิยม ทุนสามานย์ การทุจริตคอร์รัปชั่นและอีกสารพัดข้อกล่าวหา ดีที่ว่าไม่ได้พาดพิงคณะเผด็จการชุดปัจจุบัน แต่คงจะมีการออกมาโต้บ้างเรื่องที่คนกลุ่มหนึ่งร่ำรวยและได้ดีจากการรัฐประหาร สิ่งที่จะขาดไม่ได้คงหนีไม่พ้นการกวักมือเรียกให้ทักษิณกล้ากลับมาต่อสู้ตามกระบวนการยุติธรรม เพราะนี่คือคาถาหนังเหนียวคาถาเดียวของพวกล้มระบอบทักษิณและเครือข่าย
ยังคงเล่นลิ้นสนุกสนานสำหรับ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่ล่าสุดหลังประชุมครม.สัญจรจังหวัดเพชรบูรณ์ ตอบคำถามนักข่าวประเด็นประกาศจุดยืนทางการเมือง สนใจอะไรกับตน ตนบอกว่าหลังพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งส.ส.และการได้มาซึ่งส.ว.ประกาศในราชกิจจานุเบกษา แต่ไม่ได้บอกว่าจะปีนี้หรือปีหน้า เพราะไม่ว่าปีไหนก็ถือว่าหลังทั้งหมด
ไม่เพียงเท่านั้นยังตามมาด้วยลีลายียวนกวนประสาท “ผมจะพูดเมื่อไรก็เรื่องของผม ผมตัดสินใจเอง เรื่องอะไรผมจะออกมาให้โดนด่าตั้งแต่วันนี้ ไม่บอกหรอก ปล่อยให้งง” คงจะชอบอกชอบใจที่ปั่นหัวนักข่าวได้ แต่คงไม่มีใครอึ้งกิมกี่ ที่น่าสงสารคงจะเป็นบรรดาพวกกองหนุนมากกว่า คิดว่าจะได้เปิดตัวเชียร์กันเต็มที่ เอากันให้ออกนอกหน้าไปเลย ยังคงต้องรอต่อไป แต่คงไม่มีอะไรเหนือความคาดหมาย สืบทอดอำนาจชัวร์
ส่วนประเด็นเรื่องปลดล็อก ข้อเรียกร้องของพรรคการเมืองที่ออกมาเป็นระลอก คงไม่ได้ทำให้ท่านผู้นำเปลี่ยนใจ เพราะทุกอย่างถูกวางไว้เป็นขั้นตอนตามแผนการที่เตรียมกันมาอย่างดี ที่ต้องรับศึกหนักหนีไม่พ้นกกต.ซึ่งต้องรับบทหนังหน้าไฟ คอยตอบคำถามของพรรคการเมือง วงหารือ 28 กันยายนนี้ คงจะมีสิ่งที่ตอบได้และไม่รู้จะตอบยังไง
ยิ่งได้ฟัง วิษณุ เครืองาม ยิ่งเห็นภาพชัดเข้าไปอีก ทุกเรื่องเวลานี้ให้ไปถามกกต. ถ้ากกต.ตอบไม่ได้ให้ประสานมาจะไปถามคสช.ให้ นี่ไง! บทพิสูจน์อำนาจอันเบ็ดเสร็จเด็ดขาด ย้ำนักย้ำหนาเลือกตั้งเป็นไปตามโรดแมปซึ่งความจริงทุกอย่างต้องให้เป็นเรื่องของกกต. แม้กระทั่งการกำหนดวันเลือกตั้ง หากยึดตามกฎหมายรัฐบาลเป็นผู้เสนอออกพระราชกฤษฎีกาโดยมีกกต.เป็นผู้กำหนดวันเลือกตั้ง แต่สิ่งที่เห็นและเป็นไป ทุกอย่างอยู่ที่ความพอใจของรัฏฐาธิปัตย์ จะจัดเมื่อไหร่และต้องการอย่างไรองค์กรอิสระดังว่าต้องฟังคณะเผด็จการอย่างเดียวเท่านั้น