KTB หนี้เก่า..กำไรใหม่
จาก “หนี้เก่า” ที่ถูกจัดเป็นหนี้สงสัยจะสูญ (NPL) ประมาณ 10,000 ล้านบาท กำลังพลิกกลับกลายเป็น “กำไรใหม่” ให้ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KTB เมื่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง มีคำสั่งให้กรมบังคับคดีประกาศขายทอดตลาดที่ดินบริษัท เอคิว เอสเตท จำกัด (มหาชน) หรือ AQ จำนวน 4,300 ไร่
สำนักข่าวรัชดา
จาก “หนี้เก่า” ที่ถูกจัดเป็นหนี้สงสัยจะสูญ (NPL) ประมาณ 10,000 ล้านบาท กำลังพลิกกลับกลายเป็น “กำไรใหม่” ให้ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KTB เมื่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง มีคำสั่งให้กรมบังคับคดีประกาศขายทอดตลาดที่ดินบริษัท เอคิว เอสเตท จำกัด (มหาชน) หรือ AQ จำนวน 4,300 ไร่
เพื่อเป็นการชำระหนี้คืนให้ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KTB มูลค่า 10,004 ล้านบาท ในฐานะเจ้าหนี้ตามคำสั่งศาลฯดังกล่าว โดยกรมบังคับคดี กำหนดขายทอดตลาดทรัพย์ 4 นัด คือ ครั้งที่ 1 วันที่ 17 ต.ค. 61 ครั้งที่ 2 วันที่ 7 พ.ย. 61 ครั้งที่ 3 วันที่ 28 พ.ย. 61 และครั้งที่ 4 วันที่ 19 ธ.ค. 61
เรื่องนี้จริง ๆ ควรจบตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมาแล้ว แต่ “นายวิโรจน์ นวลแข” อดีตกรรมการผู้จัดการใหญ่ KTB (จำเลยที่ 3) ที่อยู่ระหว่างถูกจำคุกได้ยื่นคำร้องของดการขายทอดตลาดต่อศาลฯ จึงเป็นผลให้ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาฯ มีคําสั่งให้งดการบังคับคดีขายที่ดินทอดตลาดไว้ก่อน
คดีดังกล่าวเกิดจากธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KTB อนุมัติเงินสินเชื่อ วงเงิน 9,900 ล้านบาท ให้กับบริษัท โกลเด้น เทคโนโลยี อินดัสเทรียล พาร์ค จำกัด ในกลุ่มบริษัท กฤษดามหานคร จำกัด (มหาชน) หรือ KMC ล่าสุดเปลี่ยนชื่อเป็นบริษัท เอคิว เอสเตท จำกัด (มหาชน) หรือ AQ เพื่อนำเงินไปซื้อที่ดิน 4,300 ไร่ บริเวณใกล้สนามบินสุวรรณภูมิ จังหวัดสมุทรปราการ
หนี้สินก้อนดังกล่าว KTB จัดอยู่ในกลุ่มหนี้สงสัยจะสูญ แต่ไม่ได้มีการตั้งสำรองและที่ผ่านมา AQ ได้ชำระค่าเสื่อมบางส่วนประมาณ 1,600 ล้านบาทแล้ว หากเร่งการขายที่ดิน 4,300 ไร่ได้เร็ว KTB จะสามารถรับรู้เป็นกำไรพิเศษหรือว่านำมาลดการตั้งสำรองเพิ่มเติมได้
ในแง่ของ AQ ก่อนหน้านี้ “วิรัตน์ เอี้ยวอักษร” ซีอีโอใหญ่ ระบุชัดว่า ที่ดิน 4,300 ไร่ มีศักยภาพมาก เพราะที่ตั้งอยู่ใกล้เขตระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) และใกล้กับสนามบินสุวรรณภูมิ ล่าสุดมีผู้สนใจหลายรายแสดงความต้องการจะเข้าร่วมประมูลจำนวนมาก
หากว่าการขายที่ดิน 4,300 ไร่สำเร็จ บริษัทจะนำเงินไปชำระคืน KTB ที่ยังมีมูลหนี้เหลืออยู่ 8,360 ล้านบาท ช่วงปลายปีนี้ หรืออย่างช้าต้นปี 2562 ทำให้ผลขาดทุนสะสมลดเหลือ 3,310 ล้านบาท จากปัจจุบันมีผลขาดทุนสะสม 6,370 ล้านบาท โดยขาดทุนสะสมที่เกิดขึ้น มาจากการบันทึกตั้งสำรองหนี้สินคดี KTB ประมาณ 3,000 ล้านบาท
เอาเป็นว่าเรื่องที่ดิน AQ เป็น “หนี้เก่า” ติดค้างมาตั้งแต่สมัย KMC ก่อนโน้น..ที่ KTB เฝ้ารอวันบันทึกเป็น “กำไร(พิเศษ)ใหม่” จะมากหรือน้อยอาจไม่ใช่ประเด็นประเมินกันได้ไม่ยาก..ปัญหาอยู่ที่จะเมื่อไหร่เท่านั้นเอง..!!?
เมื่อดูจากไทม์ไลน์การขายที่ดินทอดตลาด..ไตรมาส 1/62 น่าจะชัดเจนกระมัง..!!??
..อิ อิ อิ..