6 หุ้นพุ่งแรงไร้จุดฉุดกระชาก! เดือน ก.ย.61

เมื่อช่วงเดือนกันยายนที่ผ่านมาภาพรวมภาวะตลาดหุ้นไทยอิงไปในทิศทางบวก โดยดัชนี SET ปรับตัวขึ้น 2.02%  หรือเพิ่มขึ้น 34.83 จุด ซึ่งเป็นผลบวกจากหุ้นขนาดใหญ่ และขนาดกลาง เนื่องจากเป็นลักษณะของการเข้าเก็งกำไรเป็นหุ้นรายตัวไป... อย่างหุ้นพื้นฐานดี  หรือมีสตอรี่!


เส้นทางนักลงทุน

เมื่อช่วงเดือนกันยายนที่ผ่านมาภาพรวมภาวะตลาดหุ้นไทยอิงไปในทิศทางบวก โดยดัชนี SET ปรับตัวขึ้น 2.02%  หรือเพิ่มขึ้น 34.83 จุด ซึ่งเป็นผลบวกจากหุ้นขนาดใหญ่ และขนาดกลาง เนื่องจากเป็นลักษณะของการเข้าเก็งกำไรเป็นหุ้นรายตัวไป… อย่างหุ้นพื้นฐานดี  หรือมีสตอรี่!

ทางข่าวหุ้นธุรกิจจึงคัดสรรหุ้นที่มีการปรับตัวขึ้นร้อนแรงช่วงเดือนกันยายน พร้อมกับราคาหุ้นมีโอกาสขึ้นต่อได้ในอนาคต  อาทิ  EA, SYNEX, COM7, RS, AEONTS และ MTC เป็นต้น

บริษัท พลังงานบริสุทธิ์ จำกัด (มหาชน) หรือ EA เมื่อช่วงระหว่าง 31 ส.ค.61 ถึง 28 ก.ย.61 ราคาหุ้นปรับตัวขึ้น 24.52% หรือบวกไป 9.50 บาท  สิ่งสำคัญราคาหุ้นยังมีโอกาสปรับตัวขึ้นต่อเนื่องจากแนวโน้มผลประกอบการงวดไตรมาส 3/2561 บริษัทคาดว่าจะเติบโตต่อเนื่องจากไตรมาส 2/2561 และจากช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากเข้าสู่ช่วงไฮซีซั่นของโรงไฟฟ้าพลังงานลม (วินด์ฟาร์ม) ที่มีกระแสลมแรงอย่างต่อเนื่อง

ขณะที่แนวโน้มผลประกอบการงวดไตรมาส 4/2561 คาดว่าจะเติบโตอย่างต่อเนื่องเช่นกัน เนื่องจากเป็นช่วงหมดฤดูฝน ทำให้โครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ (โซลาร์ฟาร์ม) สามารถผลิตไฟฟ้าได้อย่างเต็มที่ ประกอบกับเข้าสู่ฤดูหนาว ส่งผลให้มีกระแสลมแรงจึงถือเป็นปัจจัยบวกต่อวินด์ฟาร์ม ทำให้สามารถผลิตไฟฟ้าได้ดีต่อเนื่อง

ส่วนความคืบหน้าโรงไฟฟ้าพลังงานลม “โครงการหนุมาน” จังหวัดชัยภูมิ ขนาดกำลังการผลิต 260 เมกะวัตต์ (MW) คาดว่าจะจ่ายไฟฟ้าเข้าระบบเชิงพาณิชย์ (COD) ได้ตามแผนในไตรมาส 4/2561 โดยจะส่งผลให้ทางบริษัทมีกำลังการผลิตไฟฟ้าทั้งจากโซลาร์ฟาร์มและวินด์ฟาร์มเพิ่มขึ้นเป็น 664 เมกะวัตต์ ผลักดันให้รายได้และกำไรสุทธิในปี 2561-2562 จะสร้างสถิติสูงสุดใหม่ (นิวไฮ) ต่อเนื่อง ตามกำลังการผลิตไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้น

บริษัท ซินเน็ค (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ SYNEX เมื่อช่วงระหว่าง 31 ส.ค.61 ถึง 28 ก.ย.61 ราคาหุ้นปรับตัวขึ้น 22.05% หรือบวกไป 2.80 บาท ขณะเดียวกันราคาหุ้นมีโอกาสปรับตัวขึ้นต่อเนื่อง เนื่องด้วยหลายฝ่ายคาดว่าไตรมาส 3/2561 กำไรสุทธิเติบโตเพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อนจากยอดขาย smartphone และกลุ่ม Gaming ยังเป็นส่วนช่วยให้ยอดขายโตและสร้าง product mix ที่แข็งแกร่ง บนอัตรากำไรที่ฟื้นสู่ระดับปกติหลังไตรมาสก่อนถูกกดดันจากค่าเงินบาทที่อ่อนค่าเร็ว เรามองโมเมนตัมกำไรจะไปต่อได้ในไตรมาส 4/2561 ที่เป็น High season จะโดดเด่นอย่างมากหลังเริ่มขายสินค้าใหม่ทั้ง iPhone, iWatch (Apple) และ Mate20 (Huawei) ทำให้คาดกำไรสุทธิปี 2561 เท่ากับ  824 ล้านบาท

บริษัท คอมเซเว่น จำกัด (มหาชน) หรือ COM7 เมื่อช่วงระหว่าง 31 ส.ค.61 ถึง 28 ก.ย.61 ราคาหุ้นปรับตัวขึ้น 17.19% หรือบวกไป 3.30 บาท อย่างไรก็ตามราคาหุ้นยังมีโอกาสปรับตัวขึ้นต่อเนื่อง ด้วยทางบริษัทยังมีปัจจัยบวกในช่วงเวลาที่เหลือของปีนี้ เนื่องจะเห็นการเติบโตที่ดีจาก 1) ธุรกิจสินค้าไอทีเริ่มกลับมาเติบโตได้ดีตามกระแส E-Sport, Gaming ซึ่งเริ่มเห็นได้ในไตรมาส 3/2561 เป็นต้นมา ช่วยผลักดันสินค้ากลุ่มไอทีของบริษัทให้เติบโต

2) สินค้าสมาร์ตโฟน ณ ครึ่งแรกปี 2561 ยอดขายสมาร์ตโฟนไม่รวมไอโฟนอยู่ที่ 2,400 ล้านบาท ซึ่งคาดบริษัทจะสามารถทำได้ตามเป้าหมายที่ 6,000 ล้านบาท จาก แบรนด์ต่าง ๆ จะเปิดตัวสินค้าในครึ่งปีหลัง 3) COM7 เป็นอันดับ 1 ในการจำหน่ายสินค้าแบรนด์ Apple คิดเป็นสัดส่วนราว 40% ของรายได้ ล่าสุดมีการเปิดตัวสินค้าใหม่ Iphone XR, Iphone XS, Iphone XS Max และ Apple Watch Series 4 ซึ่งคาดจะเริ่มจำหน่ายในไทยได้ในเดือนพฤศจิกายนนี้

4) การเปิดช่องทางออนไลน์ Bananashopping.com อย่างเป็นทางการในไตรมาส 4/2561 ซึ่งปัจจุบันมีรายได้เพียง 2% เท่านั้น และ 5) สาขาแฟรนไชส์ ปัจจุบันเปิดไปแล้ว 30 สาขา ซึ่งในปีนี้ตั้งเป้า 100 สาขา อย่างไรก็ตาม เรามองว่าช่องทางแฟรนไชส์ยังคงไม่เห็นผลต่อรายได้และกำไร เนื่องจากยังมีสาขาที่น้อยและเพิ่งเริ่มเท่านั้น

ขณะเดียวกันทางนักวิเคราะห์ปรับประมาณการผลประกอบการของเราสำหรับปี 2561-2562 ขึ้น 9-12% โดยคาดปี 2561 จะมีกำไรสุทธิ 867 ล้านบาท (เพิ่มขึ้น 42% จากงวดเดียวกันของปีก่อน) และปี 2562 กำไรสุทธิอยู่ที่ 1,029 ล้านบาท (เพิ่มขึ้น 18.6% จากงวดเดียวกันของปีก่อน)

บริษัท อาร์เอส จำกัด (มหาชน) หรือ RS เมื่อช่วงระหว่าง 31 ส.ค.61 ถึง 28 ก.ย.61 ราคาหุ้นปรับตัวขึ้น 17.13% หรือบวกไป 3.10 บาท ขณะเดียวกันราคาหุ้นมีโอกาสปรับตัวขึ้น เนื่องจากหลายฝ่ายมองว่าบริษัทจะฟื้นตัวแข็งแกร่งในครึ่งหลังปี 2561 ยอดขายธุรกิจ MPC ของ RS คาดว่าจะกลับเข้าสู่ภาวะปกติในไตรมาส 3/2561 และทำสถิติใหม่ในไตรมาส 4/2561 พร้อมกับคาดกำไรหลักไตรมาส 4/2561 จะสูงสุดในรอบปี

บริษัท อิออน ธนสินทรัพย์ (ไทยแลนด์) จำกัด (มหาชน) หรือ AEONTS เมื่อช่วงระหว่าง 31 ส.ค.61 ถึง 28 ก.ย.61 ราคาหุ้นปรับตัวขึ้น 16.11% หรือบวกไป 29 บาท และราคาหุ้นยังมีโอกาสปรับตัวขึ้นต่อเนื่อง เพราะหลายฝ่ายมองว่ากำไรหลักครึ่งหลังปีนี้จะยิ่งแข็งแกร่งมากขึ้นไปอีก ด้วยสินเชื่อส่วนบุคคล (personal loans) ที่เริ่มมาตั้งแต่ ก.ย.61 “Happy Pay” ซึ่งลูกค้าสามารถเปลี่ยนเงินกู้แบบผ่อนชำระตามเครดิตไลน์ มาเป็นสินเชื่อส่วนบุคคล

ส่วนความเห็นว่าธุรกิจที่ต่างประเทศจะมีศักยภาพที่ดีต่อไป เพราะมีการเติบโตได้สูงเป็นเท่าตัวในปี 2561 ทั้งพม่าและกัมพูชา และยังมีการลงทุนที่ลาว อีกทั้งธุรกิจที่ต่างประเทศสามารถมีผลเป็นกำไรแล้ว

บริษัท เมืองไทย แคปปิตอล จำกัด (มหาชน) หรือ MTC เมื่อช่วงระหว่าง 31 ส.ค.61 ถึง 28 ก.ย.61 ราคาหุ้นปรับตัวขึ้น 15.57% หรือบวกไป 6.50 บาท อย่างไรก็ตามราคาหุ้นยังมีโอกาสปรับตัวขึ้นต่อเนื่องได้ เนื่องด้วยปัจจัยหนุนระยะสั้นคือการเติบโตของกำไรสุทธิที่แข็งแกร่ง และอยู่ในโมเมนตัมที่ขยายตัวต่อเมื่อเทียบจากไตรมาสก่อนอันเป็นผลจากการขยายสาขา

หุ้นที่นำเสนอข้างต้นเป็นเพียงการนำมาเป็นตัวอย่างว่าก่อนหน้าราคาหุ้นมีการปรับตัวขึ้นแรง และสิ่งสำคัญหุ้นดังกล่าวยังมีโอกาสที่จะปรับตัวขึ้นต่อได้จากปัจจัยของตัวบริษัทเองหนุน !!

Back to top button