ACAP ไม่ปัง ?
ประเด็นที่น่าเป็นห่วงสำหรับหุ้น ACAP อยู่ที่ความสามารถในการทำกำไรจะโตขึ้นอย่างมีนัยสำคัญขนาดไหน ? เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นในช่วง 2 ปีหลังเป็นเรื่องของกำไรลดลงอย่างฮวบฮาบ ซึ่งสร้างความวิตกกังวลให้กับนักลงทุนที่ติดหุ้นในราคาสูง เพราะมองไม่เห็นหนทางที่จะทำให้หุ้นวิ่งกลับขึ้นไปหายอดเดิมอย่างไร ?
ตีแผ่บจ.ดัง
คุณสมคิด จากหนองแขม กรุงเทพฯ เล่าถึงสถานการณ์ของหุ้น ACAP หรือ บริษัท เอเชีย แคปปิตอล กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) ในช่วงหลังไม่เปรี้ยงปร้างเหมือนเมื่อ 3 ปีก่อน ซึ่งผมเข้าใจว่าทั้งหมดเกิดจากผลประกอบการไม่เติบโตโดดเด่นเหมือนเมื่อก่อน อีกทั้งหนทางการทำธุรกิจในอนาคตก็ไม่สดใสเหมือนในอดีต จึงเกิดความสงสัยว่าหุ้นตัวนี้จะทะยานขึ้นไปได้อย่างไร ? เพราะไม่มีปัจจัยบวกเข้ามาช่วยกระตุ้นความมั่นใจเลยสักเรื่อง ผมถึงต้องการให้อาจารย์ช่วยประเมินสถานภาพของหุ้นตัวนี้ด้วยครับ
ประเด็นที่น่าเป็นห่วงสำหรับหุ้น ACAP หรือ บริษัท เอเชีย แคปปิตอล กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) อยู่ที่ความสามารถในการทำกำไรจะโตขึ้นอย่างมีนัยสำคัญขนาดไหน ? เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นในช่วง 2 ปีหลังเป็นเรื่องของกำไรลดลงอย่างฮวบฮาบ ซึ่งสร้างความวิตกกังวลให้กับนักลงทุนที่ติดหุ้นในราคาสูง เพราะมองไม่เห็นหนทางที่จะทำให้หุ้นวิ่งกลับขึ้นไปหายอดเดิมอย่างไร ?
ยิ่งมองในมุมของตัวเลขกำไรที่พีกสุด ๆ ต่อจากนั้นลดลงเกินครึ่งหนึ่งในปีนี้ ย่อมเป็นเรื่องที่อาจารย์รู้สึกไม่สบายเป็นอย่างยิ่ง ประกอบกับตัวบริษัทเคยมีข่าวด้านลบเกี่ยวกับการฟ้องร้อง ซึ่งเป็นผลต่อเนื่องจากการทำธุรกิจ ก็เป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่ทำให้นักลงทุนถอยห่างจากหุ้นตัวนี้
เนื่องจากคนส่วนใหญ่วิตกกังวลถึงความโปร่งใสในการทำธุรกิจ และไม่มั่นใจในทิศทางของการทำธุรกิจจะราบรื่นเหมือนเมื่อก่อน จึงเป็นประเด็นที่ทำให้ขาลุยถอยจากหุ้นตัวนี้มากขึ้นเรื่อย ๆ ส่งผลให้สภาพของหุ้นแห้งเหี่ยวเฉาลงอย่างชัดเจนครับ
สิ่งที่ต้องคิดถัดมาคือ เมื่อราคาหุ้นเริ่มขยับขึ้นรอบใหม่ มันทำให้นักเล่นเกิดอารมณ์ร่วมเป็นจำนวนมาก เพียงแต่อารมณ์ดังกล่าวจะเป็นไปในทิศทางเดียวกับผลประกอบการที่จะแสดงออกมาในอนาคตขนาดไหน ?
นี่คือเรื่องที่นักลงทุนต้องติดตามดูกันเอาเอง ประกอบกับช่วงหลังผู้บริหารไม่ได้ออกมาให้ข่าวเหมือนเมื่อก่อน เลยไม่มีใครรู้ถึงทิศทางของบริษัทจะเป็นไปในทางไหน ซึ่งทำให้หุ้นตัวนี้ดูอึมครึมในสายตาของอาจารย์ จึงขอให้นักลงทุนหันมาดูงบการเงินด้านล่างเพื่อประเมินราคาเป้าหมายคร่าว ๆ กันเอาเอง
ในที่นี้อาจารย์ขอใช้สมการ P/E 20 (กำไรไม่โต) เพื่อทำให้เห็นภาพในมุมดีสุดเป็นอย่างไร ? และเมื่อนำตัวเลขกำไรต่อหุ้นในครึ่งปีแรกที่ทำได้ในระดับ 0.27 บาท มาคิดเป็นแบบเส้นตรงโดยใส่ความเชื่อลงไปว่า ในครึ่งปีหลังจะทำกำไรได้เท่ากับครึ่งปีแรก ตัวเลขกำไรต่อหุ้นจะพุ่งขึ้นมาที่ 0.54 บาทนะครับ
ต่อจากนั้นนำมาเทียบกับ P/E 20 เท่า (กำไรต่อหุ้น 0.54 คูณ 20 เท่า) จะได้ราคาดีสุดแค่ระดับ 10.80 บาทเท่านั้น!
ขณะเดียวกัน นักลงทุนต้องเผื่อใจด้วยว่า หากตัวเลขกำไรต่อหุ้นไม่โตเหมือนที่คาดการณ์ไว้ ควรจะปรับราคาเป้าหมายดังกล่าวลง 30-40% ก็จะทำให้ราคาเป้าหมายในเที่ยวนี้เหลือแค่ระดับ 6.50-7.50 บาท ซึ่งเป็นระดับที่ราคาหุ้นปัจจุบันกำลังย่ำฐานอยู่นั่นเอง
อาจารย์เลยขอสรุปและตั้งคำถามว่า นักลงทุนเชื่อในทฤษฎีดังกล่าวแค่ไหน ?
สภาแมงเม่า : ดร.สมชาย
…