3 หุ้นโรงแรมเด้งรับช่วงไฮซีซั่นท่องเที่ยว
แม้ในช่วงไตรมาส 3 ปี 2561 จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติเที่ยวไทยจะลดลงก็ตาม แต่ศูนย์วิจัยกสิกรไทย มองสถานการณ์ตลาดนักท่องเที่ยวต่างชาติเที่ยวไทยไตรมาสสุดท้ายของปี 2561 น่าจะมีการเติบโตที่ดีขึ้น
เส้นทางนักลงทุน
แม้ในช่วงไตรมาส 3 ปี 2561 จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติเที่ยวไทยจะลดลงก็ตาม แต่ศูนย์วิจัยกสิกรไทย มองสถานการณ์ตลาดนักท่องเที่ยวต่างชาติเที่ยวไทยไตรมาสสุดท้ายของปี 2561 น่าจะมีการเติบโตที่ดีขึ้น โดยคาดว่านักท่องเที่ยวต่างชาติเที่ยวไทยในไตรมาส 4 ปี 2561 นี้ น่าจะมีจำนวนประมาณ 9.56 ล้านคน เติบโตร้อยละ 3.0 จากงวดเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากเป็นช่วงฤดูกาลท่องเที่ยวของไทย (High Season) นั่นเอง สิ่งสำคัญตลาดการท่องเที่ยวไทยยังพอมีปัจจัยเข้ามาสนับสนุนการเติบโต จากอานิสงส์การเป็นเจ้าภาพจัดงานระดับโลก และการฟื้นตัวของนักท่องเที่ยวตลาดหลักอย่างนักท่องเที่ยวรัสเซีย ส่วนนักท่องเที่ยวจีนน่าจะกลับมาเที่ยวไทยมากยิ่งขึ้นเมื่อเทียบกับในไตรมาส 3ขณะที่คาดว่าจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติเที่ยวไทยทั้งปี 2561 จะอยู่ที่ประมาณ 37.99 ล้านคน เติบโตร้อยละ 6.7 จากปี 2560
ในส่วนของรายได้จากนักท่องเที่ยวต่างชาติเที่ยวไทยน่าจะมีมูลค่าประมาณ 2.0 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 9.2 จากปี 2560 ดังนั้น จากการเข้าสู่ช่วง High Season ของการท่องเที่ยว เชื่อว่านักท่องเที่ยวรัสเซียจะมาเที่ยวไทยมากขึ้น รวมถึงนักท่องเที่ยวประเทศต่าง ๆ ไม่ว่าเป็นกลุ่มเอเชียใต้ เกาหลีใต้ และประเทศกลุ่ม CLMV (กัมพูชา ลาว เมียนมา และเวียดนาม) ซึ่งคาดว่าจะทดแทนนักเที่ยวเที่ยวจีนที่หายไปบางส่วน…และอาจเป็นโอกาสที่นักท่องเที่ยวจีนจะกลับมาเที่ยวไทยดังเดิมของช่วงเทศกาลการท่องเที่ยว
อีกทั้งมาตรการลดภาษีกระตุ้นการท่องเที่ยวเมืองรองในปี 2561 สำหรับนักท่องเที่ยวไทย สนับสนุนจากภาครัฐที่ให้ไทยเที่ยวไทย ส่วนนี้ก็จะช่วยกระตุ้นให้การท่องเที่ยวเติบโตขึ้นอีกได้
ทั้งนี้มองหลักทรัพย์ที่อยู่ในตลาดหลักทรัพย์ฯ ที่คาดว่าจะได้รับประโยชน์ยังคงเป็นกลุ่มธุรกิจโรงแรม โดยเฉพาะ 3 บิ๊กใหญ่ธุรกิจโรงแรม อาทิ บริษัท ดิ เอราวัณ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ ERW, บริษัท ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ MINT และ บริษัท โรงแรมเซ็นทรัลพลาซา จำกัด (มหาชน) หรือ CENTEL เป็นต้น
สำหรับ บริษัท ดิ เอราวัณ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ ERW เชื่อว่าในไตรมาส 4 จะกลับมาโดดเด่น อีกทั้งเนื่องจากเป็นช่วง High Season ของการท่องเที่ยว รวมทั้งเป็นช่วง Golden Week วันชาติของจีนเมื่อช่วง 1-7 ต.ค. 2561 แม้ว่าอัตราการเติบโตของชาวจีนจะชะลอตัวลงบ้าง แต่ก็ยังเติบโตได้ราว 13.2% จากงวดเดียวกันของปีก่อน ขณะที่ยอดสะสม 9 เดือนแรก ที่ 8.37 ล้านราย
ผลดังกล่าวทำให้ยังคงคาดรายได้รวมปี 2561 ของ ERW ที่ 6.9 พันล้านบาท เติบโต 13% จากงวดเดียวกันของปีก่อน และกำไรสุทธิที่ 612 ล้านบาท โดยคาดว่ากำไรจากงวด 9 เดือนแรก จะนับเป็น 62% ของที่คาดการณ์ โดยในไตรมาส 4 ปี 2561 จะมีโรงแรมเปิดให้บริการ 4 แห่ง โดยเป็นเครือ Hop Inn 2 แห่ง (ไทยและฟิลิปปินส์) และการเปิดโรงแรมระดับ Mid-Scale 2 แห่ง (Novotel & Ibis Styles) ในช่วงเดือน ต.ค. 2561
นอกจากนี้ในปี 2562 คาด ERW จะมีการเติบโตทางรายได้ที่ 12% จากงวดเดียวกันของปีก่อน และสำหรับ JW Marriot ที่มีสัดส่วนรายได้เกือบ 20% ของ ERW จะเปิดให้บริการเต็ม 100% ในช่วงไตรมาส 4 ปี 2561 โดย 70% ของ Room Inventory จะเป็นห้องที่ได้รับการปรับปรุงแล้ว และสามารถเพิ่ม ADR ได้ Double Digitts
ดังนั้นการขยายฐานโรงแรมกลุ่ม Midscale และกลุ่ม Budget Hotel ที่มีความสามารถในการปรับเพิ่ม ADR ได้อย่างต่อเนื่อง ทำให้คาดว่าปี 2561 RevPar จะมีการเติบโตราว 4-5% จากงวดเดียวกันของปีก่อน และมาตรการลดภาษีกระตุ้นการท่องเที่ยวเมืองรองในปี 2561 ส่งผลให้ ERW ได้รับอานิสงส์อย่างเต็มที่จากการเปิดโรงแรม Hop Inn ในจังหวัดเมืองรองกว่า 10 แห่ง และเนื่องจากมีโรงแรมกระจายตัวทั่วประเทศและเป็นกลุ่มที่มี Demand เติบโตโดดเด่น
ขณะที่นักวิเคราะห์บล.ทรีนีตี้ ยังคงแนะนำ “ซื้อ” ที่ราคาเป้าหมายปี 2562 ที่ 10.15 บาท
ส่วน บริษัท ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ MINT เชื่อว่าอาจจะดีขึ้นตามฤดูกาลท่องเที่ยว และที่สำคัญได้รับอานิสงส์จากกลยุทธ์การกระจายความเสี่ยงที่ดี ปัจจุบันรายได้มาจากไทย 50% ส่วนที่เหลือมาจากต่างประเทศ โดยประเทศที่ธุรกิจโรงแรมดี คือ แอฟริกา ส่วนที่ดีขึ้นคือ ไทย มัลดีฟส์ และบราซิล ด้านการทำเทนเดอร์ออฟเฟอร์ หุ้น NH Hotel Group จะเริ่มต้นตั้งแต่เดือนนี้ซึ่งมองว่าเป็นดีลที่ดี
ขณะที่นักวิเคราะห์ บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส ยังคงแนะนำ “ซื้อ” ด้วยราคาพื้นฐาน 46 บาท
อีกทั้ง บริษัท โรงแรมเซ็นทรัลพลาซา จำกัด (มหาชน) หรือ CENTEL เชื่อว่าในไตรมาส 4 ปี 2561 อาจรับอานิสงส์จากฤดูกาลท่องเที่ยวของไทยพร้อมลุ้นมาตรการกระตุ้นนักท่องเที่ยวจีนจากทางการ นอกจากนี้ยังเป็นบริษัทที่น่าจะได้รับประโยชน์สูงจากการฟื้นตัวของธุรกิจอาหารโดยเฉพาะในต่างจังหวัด เนื่องจากได้รับรายได้จากธุรกิจร้านอาหารนั้นมาจากในประเทศไทยทั้งหมด (35% ของรายได้จากอาหารในกรุงเทพฯ และ 65% จากในต่างจังหวัด)
แม้ว่าระยะกลางยังกังวลกับแผนปิดปรับปรุงโรงแรมครั้งใหญ่จำนวน 3 แห่งในปี 2562-2563 ได้แก่ 1) Centara Grand Central World (20% ของรายได้จากโรงแรม) ในไตรมาส 1 ปี 2562–ไตรมาส 4 ปี 2563 2) Centara Grand Samui (5% ของรายได้จากโรงแรม) ในไตรมาส 2 ปี 2562-ไตรมาส 2 ปี 2563 และ 3) Centara Grand Resort & Villas Hua Hin (7% ของรายได้จากโรงแรม)
ขณะที่นักวิเคราะห์ บล.บัวหลวง แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 52 บาท
ดังนั้น ด้วยเข้าสู่ช่วง High Season ของการท่องเที่ยวอาจช่วยผลักดันให้ทั้งสามหุ้นกลับมาเติบโตอีกครั้ง !!!