พาราสาวะถี

เผด็จการยุคใหม่ในนามคสช. ได้วางกลไกผ่านกลเกมของเนติบริกรที่รวมหัวกันเพื่อไม่ให้การยึดอำนาจจากรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เสียของซ้ำรอยคณะรัฐประหารคมช. ดังนั้น ทุกกระบวนท่าจึงเต็มไปด้วยการวางหมากที่ซับซ้อนซ่อนเงื่อน จนกระทั่งบางครั้งก็เกิดภาวะย้อนแย้งกันเอง เห็นได้จากรัฐธรรมนูญฉบับคสช.กับกฎหมายลูกบางฉบับ


อรชุน

เผด็จการยุคใหม่ในนามคสช. ได้วางกลไกผ่านกลเกมของเนติบริกรที่รวมหัวกันเพื่อไม่ให้การยึดอำนาจจากรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เสียของซ้ำรอยคณะรัฐประหารคมช. ดังนั้น ทุกกระบวนท่าจึงเต็มไปด้วยการวางหมากที่ซับซ้อนซ่อนเงื่อน จนกระทั่งบางครั้งก็เกิดภาวะย้อนแย้งกันเอง เห็นได้จากรัฐธรรมนูญฉบับคสช.กับกฎหมายลูกบางฉบับ

อย่างไรก็ตาม ในยุคที่สื่อเกิดขึ้นอย่างดาษดื่นในนามโซเชียลมีเดีย ไม่ใช่งานง่ายที่เผด็จการจะใช้อำนาจเบ็ดเสร็จเด็ดขาดที่มีสั่งผู้คนให้ซ้ายหันขวาหัน นั่นเป็นเพราะการรู้เท่าทันหรืออ่านเกมออก จึงทำให้เกิดการทักท้วงและวิพากษ์วิจารณ์ อันนำมาซึ่งความไม่พอใจของผู้นำเผด็จการ จนถูกมองว่าเป็นการปิดกั้นสิทธิ เสรีภาพ ไม่ยอมรับความเห็นต่าง

พอจะเข้าใจได้ในความเป็นเผด็จการที่ผู้นำต้องเป็นใหญ่ ใครอย่าได้มาหือ แต่ในโลกยุคที่ประชาชนไม่ได้มุดอยู่ในรูหรือไม่รับรู้ความเป็นไปของโลก คนที่จะมาบริหารประเทศเพื่อซื้อใจประชาชนคนส่วนใหญ่ในนามคนรากหญ้า ที่ผู้นำเผด็จการไม่ชอบให้เรียกแบบนั้น จะมาคิดว่าคนเหล่านั้นกินหญ้าเหมือนอย่างที่ฝ่ายอำมาตยาธิปไตยเคยดูแคลนเหมือนในอดีตไม่ได้อีกแล้ว

การเปิดเกมรุกด้วยช่องทางโซเชียลมีเดียของผู้นำเผด็จการทั้งที่ตัวเองเคยประกาศแสดงความรังเกียจก่อนหน้า ก็ด้วยหวังว่าจะสร้างความเข้าใจและตอบโต้ข่าวด้านลบที่ถาโถมเข้าใส่รัฐบาลได้ เป็นแนวทางหนึ่งในการพลิกเกมของเผด็จการ ทว่าความเป็นจริงคนยุคใหม่ไม่ว่าจะในนามของปัญญาชนหรือคนรากหญ้า ต่างรู้กันดีว่าอะไรเป็นอะไร

ดังนั้น สิ่งที่ท่านผู้นำพล่ามผ่านรายการคืนวันศุกร์ที่ผ่านมาเกี่ยวกับ 4 วาทกรรมที่เจ้าตัวอ้างว่าบ่อนทำลายรัฐบาลนั้น แท้ที่จริงแล้ว มันเป็นขบวนการดิสเครดิต บั่นทอนความน่าเชื่อถือของรัฐบาลและเผด็จการคสช.หรือข้อเท็จจริงมันเป็นเช่นนั้นจริง ๆ กรณีแรกว่าด้วยคนยากคนจน ที่ฝ่ายการเมืองแม้กระทั่งพวกเดียวกันเองก็ต่างเห็นตรงกันว่ารัฐบาลเผด็จการไม่สามารถแก้ไขเรื่องนี้ได้

ในมุมของผู้นำเผด็จการกลับหันไปตั้งคำถามกับประชาชน ด้วยการให้ถามตัวเองว่าถ้าไม่มีเงิน หรือเงินไม่พอใช้ ไม่พอเที่ยว ไม่พอใช้จ่ายซื้อของแพง จะต้องพิจารณาแล้วว่าจะทำอย่างไร เพราะความต้องการของมนุษย์ของคนมีขีดจำกัดยาก วันนี้มีปัญหาหลายอย่างทั้งเศรษฐกิจระดับบน ระดับกลาง ระดับล่าง เกี่ยวเนื่องเชื่อมโยงกันทั้งหมด ทั้งในประเทศ นอกประเทศด้วยรัฐบาลจะทำอะไรที่แบ่งเบาได้จะช่วยเหลือให้ ถ้าไม่พยายามที่จะเข้มแข็ง ไม่พยายามพัฒนาตนเอง ไม่คิดจะพึ่งพาตนเองให้ได้ ในระยะแรกจะลำบาก

แทนที่จะคิดว่าจะทำอย่างไรให้เงินในกระเป๋าของประชาชนเพิ่มขึ้น แต่ท่านผู้นำกลับไปคิดแทนประชาชนว่า เหตุที่ยังจนเพราะใช้เงินเกินตัว ใช้ของหรู ไม่รู้ว่าไปเอาข้อมูลมาจากไหน ส่วนเรื่องการบอกให้ประชาชนใช้ชีวิตอย่างพอเพียง ตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงนั้น คนไทยส่วนใหญ่ก็ยึดแนวทางนี้ในการดำรงชีพมาโดยตลอด

ระวังจะมีคำถามย้อนกลับใครกันแน่ที่ไม่รู้จักพอเพียงและเพียงพอ แค่ข้อแรกก็น่าจะทำให้เห็นความบ่มีไก๊ของรัฐบาลที่มุ่งใช้แต่อำนาจเด็ดขาด บริหารด้วยการลอกนโยบายแบบประชานิยมแล้วนำมาจำแลงแปลงร่างให้เป็นประชารัฐเท่านั้นเอง ตลอดกว่า 4 ปีที่ผ่านมา เป็นคำตอบได้ชัดเจนว่า ฝีมือในการแก้ปัญหาปากท้องของประชาชนกับรัฐบาลเผด็จการคสช.นั้นเป็นอย่างไร

วาทกรรมด้านลบอย่างที่สองที่ท่านผู้นำเอ่ยอ้างคือ การเอื้อประโยชน์ดูแลแต่เศรษฐกิจรายใหญ่ ร่ำรวย มีเงินทอน พร้อมกับคำอธิบายว่า มันมีหลายกลไก มีการตรวจสอบ ไม่ว่าจะเรื่องของการจัดทำโครงการ การทำสัญญา การจัดทำทีโออาร์ การประกาศเข้ามาประมูลมีกฎหมายทุกตัว มีหน่วยงานตรวจสอบมากมาย เพราะฉะนั้นถ้าพูดกันไปโดยไม่รู้จริง มันก็ทำให้เกิดความเสียหาย

ยิ่งอธิบายต่อว่ารัฐบาลพยายามอย่างเต็มที่ในการปรับปรุงกฎหมาย กฎระเบียบ กระบวนการที่ส่งเสริม อำนวยความสะดวกที่จะทำให้เกิดการค้า การลงทุน มีระบบภาษี ระบบราชการ ที่เอื้อต่อการค้าเสรี เป็นส่วนหนึ่งของการยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ ทุกคนก็ต้องเข้าสู่ระบบ จดทะเบียนให้เรียบร้อย ภาษีก็เพียงเล็กน้อยไม่ได้มากมายอะไร ตามสัดส่วนของผลการประกอบการของแต่ละองค์กร ฟังแล้วดูดีจัง แต่ในทางปฏิบัติเป็นเช่นนั้นหรือไม่ คนในแวดวงย่อมรู้อยู่แก่ใจกันดี

ประเภทรวยกระจุกจนกระจาย แม้แต่พรรคการเมืองที่เคยกล่าวหาว่าอุ้มคนรวยไม่ช่วยคนจน ยังมองเห็นและน่าจะดีใจอีกต่างหากที่มีคนมารับช่วงต่อในการสร้างผลงานที่อ้างว่าจะลดความเหลื่อมล้ำแต่กลับเกิดความเหลื่อมล้ำกันมากยิ่งขึ้น วาทกรรมต่อมาเรื่องไม่มีที่ดิน ที่อยู่อาศัยเป็นของตนเอง ผู้นำเผด็จการบอกว่าบางคนเคยมีที่ดินแต่ถูกสัญญาเอารัดเอาเปรียบ รัฐก็เร่งออกกฎหมายขายฝากเพื่อขจัดจุดอ่อนช่องว่างกฎหมายในอดีต รวมทั้งลดเงื่อนไขหนี้นอกระบบ ที่เป็นสาเหตุให้เกษตรกรต้องสูญเสียที่ดินทำกิน

ดูเหมือนจะแก้ตรงจุดและได้ใจคนที่เป็นหนี้นอกระบบ แต่นั่นมันไม่ใช่ปัญหาของคนส่วนใหญ่ และยิ่งเป็นการใช้อำนาจของเผด็จการ ถามว่าถ้าเป็นรัฐบาลปกติมันจะทำแบบนี้ได้หรือไม่ สุดท้ายเรื่องการปฏิรูป น่าจะเป็นสิ่งที่ฟังคำอธิบายของท่านผู้นำแล้วเห็นถึงการหลงประเด็นและคิดว่านี่เป็นผลงานกันยิ่งใหญ่เลยก็ว่าได้

ไม่ว่าจะเป็นการอ้างการแก้ปัญหาการทำประมงผิดกฎหมายขาดการรายงานไร้การควบคุมหรือไอยูยู ปัญหาการบินจากการได้รับใบแดงจากไอเคโอ การค้ามนุษย์ และการค้างาช้าง ทั้งที่สิ่งเหล่านี้คือปัญหาเฉพาะหน้าที่ถ้าไม่แก้จะสร้างความเสียหายอย่างใหญ่หลวงให้กับประเทศ ไม่ว่ารัฐบาลไหนก็ต้องทำอยู่แล้ว หาใช่ผลงานที่คิดและสร้างขึ้นใหม่เพื่อการปฏิรูปแต่อย่างใด

ง่าย ๆ ถ้าจะมองถึงความล้มเหลวในการปฏิรูปที่คณะเผด็จการอ้างอย่างสวยหรูคือ การปฏิรูปการเมือง การเกิดพรรคเพื่อสืบทอดอำนาจ การใช้พลังดูดเพื่อนำนักการเมืองชั่วนักการเมืองเลวที่ตัวเองด่ามาเกือบ 4 ปีเข้ามาร่วมงานเพื่อหวังชัยชนะ แค่นี้ก็ทำให้เห็นแล้วว่าปฏิรูปกันจริงหรือไม่ พล่ามบอกแต่ประชาชนว่าอย่าเลือกแบบเดิมแล้วจะได้แบบเดิม แต่ตัวเองกลับเอาของเดิม ๆ มาให้ประชาชนเลือก มันหมายความว่าไง

Back to top button