ประชารัฐอุ้มวินมอไซค์
เฮ้อ! เห็นมาตรการกลวง ๆ แก้ปัญหานักท่องเที่ยวมาเที่ยวไทยน้อยลงโดยเฉพาะนักท่องเที่ยวจีน ให้รู้สึกละเหี่ยใจว่านี่คือทางแก้ปัญหาแล้วหรือ และจะเกาถูกที่คันไหม
ขี่พายุทะลุฟ้า : ชาญชัย สงวนวงศ์
เฮ้อ! เห็นมาตรการกลวง ๆ แก้ปัญหานักท่องเที่ยวมาเที่ยวไทยน้อยลงโดยเฉพาะนักท่องเที่ยวจีน ให้รู้สึกละเหี่ยใจว่านี่คือทางแก้ปัญหาแล้วหรือ และจะเกาถูกที่คันไหม
การยกเว้นค่าธรรมเนียมทำวีซ่า ณ ด่านตรวจคนเข้าเมือง (Visa on Arrival) ช่วงเวลาโปรโมชั่น 60 วัน (1 ธ.ค. 2561-31 ม.ค. 2562) มันจะจูงใจให้นักท่องเที่ยวมาไทยเพิ่มขึ้นจริงหรือ
ความจริง ก่อนหน้านี้คนในรัฐบาลด้วยกันเองอย่างเช่น วีระศักดิ์ โควสุรัตน์ รัฐมนตรีท่องเที่ยวฯ ก็เคยได้ออกมาท้วงติงนะว่า ทำอย่างไรจะให้ต่างชาติมั่นใจในระบบรักษาความปลอดภัยของเรามากกว่า
น่าจะแก้ปัญหาได้ตรงจุดที่สุด
ธรรมชาติของการเดินทางท่องเที่ยวนั้น นักท่องเที่ยวเขาไม่ได้คิดวางแผนตระเตรียมกันแค่เดือน-สองเดือนหรอก แต่ต้องวางแผนกันเป็น 3-6 เดือนขึ้นไป การมีโปรโมชั่นทำวีซ่าหน้าด่านฟรีแค่เดือน ธ.ค.-ม.ค.คงไม่ช่วยเพิ่มยอดนักท่องเที่ยวสักเท่าไหร่
ปัญหาสำคัญก็คือ เขามาแล้วจะมาเจอระบบรักษาความปลอดภัยให้นักท่องเที่ยวแบบเดิม ๆ หรือมาเจอปัญหาผู้ใหญ่ที่พูดจาส่งเดชให้ร้ายนักท่องเที่ยวแบบเดิม ๆ อีกไหม
หรือจะยกเลิกวีซ่าให้นักท่องเที่ยวจีนไปเลย ก็น่าจะแก้ปัญหาได้ตรงจุดมากกว่านะ
ผมมาสะดุดมาตรการกลวง ๆ ขึ้นมาอีกมาตรการหนึ่งก็เรื่อง คิดจะลดราคาน้ำมันเบนซิน 3 บาท/ลิตรให้แก่วินมอเตอร์ไซค์รับจ้าง จำนวน 40,000 คนที่ขึ้นทะเบียนคนจนเอาไว้นี่แหละ
เป็นมาตรการเอาใจคนรากหญ้าที่หวังผลทางการเมืองชัด ๆ แต่ต้องแลกเปลี่ยนกับการทำลายหลักการทุกกฎ
เขาจะเริ่มมาตรการอุ้มวินมอเตอร์ไซค์กันตั้งแต่ 15 ธ.ค.นี้ เงินน่ะไม่เท่าไหร่ คาดจะต้องใช้เงินอุดหนุนเดือนละประมาณ 18 ล้านบาท หรือปีหนึ่งในราว 216 ล้านบาท แต่ก็อย่างว่าแหละมันทำลายหลักการโดยสิ้นเชิง
“ประชานิยม” ของนักการเมืองชิดซ้าย ถูก “ประชารัฐ” ของทหาร เบียดตกถนนไปเลย นโยบายพลังงานที่ปลดล็อกให้ราคาสะท้อนไปตามกลไกตลาด ต้องกลับมาเดินถอยหลังเข้าคลองอีกครั้ง
ปตท.ได้รับมอบหมายจากกระทรวงพลังงานให้เป็น “เจ้าภาพ” แบกรับการจำหน่ายน้ำมันในราคาอุดหนุนคราวนี้ ผมก็ยังสงสัยว่า ผู้บริหารปตท.จะหาเหตุผลชี้แจงต่อผู้ถือหุ้นยังไง
จะบอกว่าต้องทำบุญบริจาคปีละ 200 กว่าล้านบาทให้แก่วินมอเตอร์ไซค์กระนั้นหรือ
ในประการต่อมา มันเป็นการทำลายหลักการค้าเสรีระหว่างผู้ประกอบการค้าน้ำมันด้วยกัน เพราะวินมอเตอร์ไซค์ที่เข้าเกณฑ์อุดหนุน ก็จะแห่กันไปเติมน้ำมันที่ปั๊มปตท.กันหมด ปั๊มอื่น ๆ ก็ต้องสูญเสียลูกค้าไป
ยิ่งหากท่านประยุทธ์กลับมาเป็นรัฐบาลอีก ก็คงจะต้องสืบต่อนโยบายนี้ไปอีกนาน ปตท.คงอ่วมอรทัยแน่ และจะเกิดความไม่เป็นธรรมทางการค้าไปอีกนาน
นอกจากนั้น ในความเป็นจริงเวลานี้ ราคาน้ำมันในตลาดโลก ก็ไม่ได้เป็นช่วงขาขึ้นอะไรแล้ว ราคาน้ำมันเบนซินในประเทศที่มอเตอร์ไซค์ใช้ ก็หลุดต่ำกว่า 30 บาทมาแล้ว
ความจำเป็นที่จะเข้าไปช่วยเหลือมอเตอร์ไซค์รับจ้าง ก็เหลือน้อยลงจากราคาน้ำมันที่อ่อนตัวลงมามาก เพราะตอนคิดมาตรการกลวง ๆ นี้ ราคาน้ำมันดิบโลกอยู่ที่ 70 เหรียญฯ แต่ตอนนี้อ่อนตัวลงมาอยู่ที่ 61-62 เหรียญแล้ว
ผมว่า ไม่ใช่รัฐบาลไร้เดียงสา แก้ปัญหาผิดทางหรอก แต่แรงจูงใจในเรื่องของการหาเสียงช่วงโค้งสุดท้ายนั้นมีมากกว่า เรื่องจะทำลายหลักการบริษัทมหาชนของปตท.ที่ต้องรับผิดชอบต่อผู้ถือหุ้น หรือการย้อนยุคเอานโยบายอุดหนุนมาใช้ ก็คงไม่สนแล้ว
ต้องการจะแสดงให้เห็นว่าห่วงใยรากหญ้าวินมอเตอร์ไซค์เหมือนกัน ไม่ใช่อุ้มชูเอาใจแต่นายทุนใหญ่