แตกแบงก์พันเป็น 1,200
จำเลยคดีกบฏที่ยังไม่ไปรายงานตัว ชี้ว่าพรรคเพื่อ... ใช้ยุทธการแตกแบงก์พันเป็นแบงก์ร้อย หวังกวาด ส.ส. 300 คน อาจเข้าข่ายฮั้วทางการเมือง แม้ไม่ผิดกฎหมาย ไม่ผิดรัฐธรรมนูญ
ทายท้าวิชามาร : ใบตองแห้ง
จำเลยคดีกบฏที่ยังไม่ไปรายงานตัว ชี้ว่าพรรคเพื่อ… ใช้ยุทธการแตกแบงก์พันเป็นแบงก์ร้อย หวังกวาด ส.ส. 300 คน อาจเข้าข่ายฮั้วทางการเมือง แม้ไม่ผิดกฎหมาย ไม่ผิดรัฐธรรมนูญ
แหม่ ไม่รู้จะ… ทำไม คนฟังก็รู้ว่าหมายถึงเพื่อไทย ซึ่งลูก ๆ หลาน ๆ เพิ่งไปตั้งพรรคใหม่ เมื่อท่านคณบดีรับประกันว่าไม่ผิดรัฐธรรมนูญ เขาก็ย่อมทำได้
จะว่าฉลาดเกมส์โกงไหม ก็ใครล่ะเขียนรัฐธรรมนูญ ให้ คสช.ตั้ง ส.ว.250 คนมาเลือกกันเองเห็น ๆ แล้วยังบอกว่าหน้าไม่ด้าน นักการเมืองก็ต้องพลิกแพลงทุกวิถีทาง
ระบบเลือกตั้งมีชัย ให้เอาคะแนนผู้สมัคร ส.ส.ทั้งประเทศ 350 เขตรวมกัน คำนวณสัดส่วนแต่ละพรรคควรได้ สมมติผู้มาใช้สิทธิหักบัตรเสียโหวตโน เหลือ 40 ล้านเสียง เพื่อไทยได้ 16 ล้านเสียง ก็จะได้ ส.ส. 200 คน ถ้าได้ ส.ส.เขตไปแล้ว 197 คนก็จะได้ปาร์ตี้ลิสต์ 3 คน แต่ถ้าได้ ส.ส.เขต 201 คน ก็ไม่ได้ปาร์ตี้ลิสต์เลย
ผู้สันทัดกรณีทั้งในและนอกพรรคคำนวณออกมาตรงกัน เพื่อไทยน่าจะได้ ส.ส.เขตใกล้เคียงกับสัดส่วนที่ควรได้ เพราะเลือกตั้งครั้งนี้แข่งขันสูง แต่ละเขตน่าจะชนะไม่เยอะ อย่างเก่ง 5-60,000 คะแนน
ฉะนั้น สมมตินะ สมมติ เพื่อไทยเอาจริงเอาจัง เฉพาะ 220-240 เขตที่มั่นใจหรือมีลุ้น แล้วสละ 110-130 เขตที่แพ้แหง ๆ เปิดทางให้คนเลือกเพื่อไทยหันไปเลือกพรรคอื่นในฝั่งประชาธิปไตย พรรคเหล่านั้นก็จะได้คะแนนเป็นกอบเป็นกำ 2 ล้านกว่าเสียงขึ้นไป คำนวณ ส.ส.ได้ร่วม 30 คน
ถามว่าถ้าทำอย่างนั้นจริงผิดตรงไหน เพราะไม่ได้บังคับประชาชน สั่งซ้ายหันขวาหัน ชาวบ้านก็มีตัวเลือกเยอะไป ไม่เลือกไทยรักษาชาติ เพื่อชาติ เพื่อธรรม อาจเลือกอนาคตใหม่ เสรีรวมไทย พูดง่าย ๆ ตลาดเปิด ประชาธิปัตย์ พลังประชารัฐ หรือพรรคขัดขวางเลือกตั้ง อยากช่วงชิงก็ได้
ถ้าตัดสินใจอย่างนี้จริง เพื่อไทยก็เสี่ยงหลายด้าน เช่น ถ้าประเมินผิด กลายเป็นชนะถล่มทลาย ก็น่าเสียดายโอกาสได้ ส.ส.เกินครึ่ง การแตกแบงก์เท่ากับลดทอนพลัง และเครดิตตัวเอง จากพรรคอันดับหนึ่งซึ่งมีทุกอย่างพร้อมพรั่งถ้าประชาชนสับสนก็อาจแพ้ ส.ส.เขต ในจุดที่สูสีกัน
ยิ่งกว่านั้น อย่าลืมนะ แกนนำเพื่อไทยต้องเสียสละ เพราะจะยิ่งไม่ได้ ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ซักคนเดียว แม้แต่แคนดิเดทนายกฯ อย่างเจ๊หน่อย “เรียกแม่ได้ไหม” ถ้าไม่ได้เป็นรัฐบาล เพื่อไทยเป็นฝ่ายค้าน ก็ไม่ได้เข้าสภา ต้องมานั่งแถลงข่าวที่พรรค ปล่อยให้ ส.ส.เขต ประยุทธ์ ศิริพานิชย์, สามารถ แก้วมีชัย ฯลฯ เป็นผู้นำฝ่ายค้าน
อยากแตกแบงก์พันเป็นแบงก์ร้อย แต่ได้เกินเป็น 1,100-1,200 การลงทุนต้องมีความเสี่ยง ก็ยอมรับไป
ว่าที่จริง การตัดสินใจเชิงยุทธศาสตร์แบบนี้ ไม่ใช่เพื่อไทยกำหนด ภายใต้ระบบบัตรใบเดียว ไม่มีบัตรปาร์ตี้ลิสต์ แต่ละขั้วแตกพรรคหลากหลาย ประชาชนต้องตัดสินใจเชิงยุทธศาสตร์อยู่ดี
ยกตัวอย่าง คนอยากเลือกอนาคตใหม่ แต่อยากให้ฝ่ายประชาธิปไตยชนะ ถ้าอยู่ในเขตเพื่อไทยสูสี ก็ตัดสินใจลำบาก สุดท้ายอาจเลือกเพื่อไทย แต่ถ้าอยู่เขตเพื่อไทยชนะห่าง หรือแพ้แหง ก็ตัดสินใจง่าย
เช่นกัน คนอยากเลือกพรรคกำนัน แต่ยังห่วง ปชป. ถ้าเป็น กทม.ก็ต้อง ปชป.ไว้ก่อน แต่ถ้าเป็นภาคใต้ ยังไง ๆ ก็เสาไฟฟ้า หรือเหนืออีสาน ยังไงแพ้แหง ๆ ลุงกำนันก็ต้องอ้อน เลือกพรรคผมบ้างนะ
สำคัญว่าประชาชนจะเลือกหรือเข็ดหลาบ เท่านั้นเองแตกแบงก์ยังไง ถ้าคนไม่เลือก มีแต่ไล่ ก็ไม่มีกำไรมีแต่ขาดทุน