ไม่โตก็ต้องตาย ?
*ประเด็นของการเล่นหุ้นเที่ยวนี้ไม่มีอะไรต้องกังวลจนเกินเหตุ เพราะยุทธวิธี “เคาะซ้าย เคาะขวา” ยังดำเนินต่อไปเรื่อย ๆ โดยมีตัวเร้าอารมณ์จากในประเทศ และนอกประเทศ ดัชนีถึงสวิงไปมาตลอดทั้งวันตลอดทั้งสัปดาห์ และตลอดหนึ่งเดือนเต็ม ๆ “โมนิก้า” ถึงอยากให้แฟนคลับเข้าใจบริบทของการเล่นหุ้นเที่ยวนี้มีอะไรที่น่าสนใจหลายอย่าง ซึ่งขึ้นอยู่กับผู้เล่นจะหยิบยกประเด็นไหนขึ้นมาเล่นพะยะค่ะ
เจาะกระดาน : โมนิก้าและทีมงาน
*ประเด็นของการเล่นหุ้นเที่ยวนี้ไม่มีอะไรต้องกังวลจนเกินเหตุ เพราะยุทธวิธี “เคาะซ้าย เคาะขวา” ยังดำเนินต่อไปเรื่อย ๆ โดยมีตัวเร้าอารมณ์จากในประเทศ และนอกประเทศ ดัชนีถึงสวิงไปมาตลอดทั้งวันตลอดทั้งสัปดาห์ และตลอดหนึ่งเดือนเต็ม ๆ “โมนิก้า” ถึงอยากให้แฟนคลับเข้าใจบริบทของการเล่นหุ้นเที่ยวนี้มีอะไรที่น่าสนใจหลายอย่าง ซึ่งขึ้นอยู่กับผู้เล่นจะหยิบยกประเด็นไหนขึ้นมาเล่นพะยะค่ะ
*สำหรับตัวอีฉันขอมองเรื่อง growth เป็นที่ตั้งของการประเมินแวลูหุ้นแต่ละตัว เพราะเป็นเพียงเรื่องเดียวที่ทำให้ “โมนิก้า” รู้สึกอุ่นใจเมื่อพูดถึงเรื่องดังกล่าว และยังทำให้นักเล่นได้เห็นทิศทางของหุ้นจะไปทางไหนอีกด้วย จึงกลายเป็นประเด็นที่ทำให้จั่วหัวออกไปในแนวฮาร์ดคอร์ เพื่อช่วยเตือนสติให้นักลงทุนเห็นว่า หากบริษัทไม่โต..หุ้นจะดิ่งเหวสถานเดียวนะจะบอกให้
*ด้วยเหตุนี้อย่าได้แปลกใจที่ดัชนีแกว่งตัวสะเปะสะปะตั้งแต่เปิดเทรด จนดัชนีลงไปทำจุดต่ำสุดที่บริเวณ 1,645.21 จุด ก่อนจะไหลลงมาปิดที่ 1,638.83 จุด ลบไป 13.47 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 4.41 หมื่นล้านบาท “โมนิก้า” มองเป็นสถานการณ์ที่อันตรายสำหรับพวกที่ “คิดช้า ทำช้า” เพราะการเล่นหุ้นวันนี้ยังต้องต่อสู้กับนักเล่นที่เป็นโรบอต ซึ่งได้เปรียบแมงเม่าทุกประตูหน้าต่างนะซี
*เรื่องดังกล่าวทำให้ “โมนิก้า” ต้องหันมามองหุ้นที่มีสตอรี่โตเด่นสุดขึ้นมาพูดก่อนใครเพื่อน และในเที่ยวนี้ยังเทใจให้หมดหน้าตักไปกับหุ้น GULF เพราะการขยายตัวของธุรกิจเป็นอะไรที่จับต้องได้ บวกกับข้อมูลในสารสนเทศบอกไว้ชัดเจนว่า 5 ปีจากนี้จะโตไม่หยุด เดี๊ยนถึงมองราคาปิดที่ 76.75 บาท ลบไป 0.75 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 820 ล้านบาท ยังเล่นได้สบาย ๆ นะคะ
*หุ้นอีกหนึ่งตัวที่ชิว ๆ และรอแค่ภาวะลงทุนเป็นใจ ก็จะออกวิ่งแรลลี่อีกรอบ “โมนิก้า” คงเทน้ำหนักไปที่หุ้น EA เป็นตัวถัดมาในทันที เพราะมีเรื่องกำไรโตเป็นแบ็กอัพไม่ต่ำกว่า 2 ปี ผสานกับโครงการในอนาคตน่าจะปังสุด ๆ เดี๊ยนถึงมองการยืนปิดที่ระดับ 49 บาท บวกไป 0.50 บาท หรือขึ้นไป 1% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 595 ล้านบาท น่าจะเป็นช็อตที่ทยอยเก็บของได้ สบายบรื๋อ..สะดือโบ๋ พะยะค่ะ
*ส่วนในรายของ STEC บวกสวนตลาดหุ้นด้วยการขึ้นมาปิดที่ 24.60 บาท บวกไป 0.30 บาท หรือขึ้นไป 1.20% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 484 ล้านบาท “โมนิก้า” มองเป็นเรื่องของไทม์ไลน์มากกว่าพื้นฐาน นักเล่นถึงกระโจนใส่มือเป็นระวิง บวกกับหมดกังวลเรื่องตัวเลขกำไร หุ้นถึงกลับมาป้วนเปี้ยนแถว 27 บาทอีกรอบ และการไปต่อของหุ้นจะขึ้นอยู่กับตลาดให้แวลูขนาดไหนนะตัวเอง
*เม้าท์ถึงเรื่องการให้แวลูขึ้นมาทั้งที “โมนิก้า” คงต้องรีบโฟกัสไปที่หุ้นโรงหมอ BDMS หลังสวนกระแสตลาดหุ้นขึ้นมาปิดที่ 25.25 บาท บวกไป 0.65 บาท หรือขึ้นไป 2.65% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 1.77 พันล้านบาท ซึ่งเป็นการเทรดบนค่า P/E 40 เท่า มันทำให้สถานการณ์ของหุ้นดูสุ่มเสี่ยงเกินไปมาก แถมตัวเลขกำไร 9 เดือนไม่โตอย่างที่ควรจะเป็นแบบนี้ ใครอยากลุยต่อก็เชิญตามสบาย เพราะเดี๊ยนขอหลบเข้าข้างทางก่อนจ้า !
*ตรงกันข้ามกับในรายของ HANA เพราะทันทีที่ประกาศงบไตรมาส 3 ออกมาดีกว่าที่คาด แรงกดดันที่เคยถาโถมใส่หุ้นก็มลายหายไปหมดสิ้น หุ้นถึงกระชากขึ้นมาปิดที่ 35.50 บาท บวกไป 2.25 บาท หรือขึ้นไป 6.80% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 167 ล้านบาท น่าจะเป็นเพียงแค่จุดเริ่มต้นของการเล่นรอบใหม่ เพราะก่อนหน้านี้เคยเคาะขวาวนไปแถวบริเวณ 40 บาทนะจ๊ะ
*เม้าท์ถึงเรื่องนี้ขึ้นมาทั้งที “โมนิก้า” ขอหันไปดูหุ้น CHO เพื่อทำให้นักเล่นได้เห็นอาการฟ้าเปิดมันช่างสดใสเสียจริง ๆ ยิ่งเห็นข่าว ขสมก. เรียกให้ไปรับเงินค่ารถเมล์เอ็นจีวีงวดแรกจำนวน 100 คัน ต่อจากนั้น ขสมก.จะทยอยรับรถเมล์เดือนละ 100 คันไปเรื่อย ๆ จนทุกอย่างเสร็จสิ้นในไตรมาส 1 ปี 62 มันหมายความว่า บริษัทจะบันทึกกำไรก้อนโต หุ้นถึงวิ่งขึ้นมาปิดที่ 1.45 บาท บวกไป 0.09 บาท หรือขึ้นไป 6.60% มันช่างเหมาะให้แมงเม่าเคาะขวาจริง ๆ จ้า!
*ส่วนรายที่ต้องถอยกรูดไม่เป็นท่า “โมนิก้า” ขอมองไปที่หุ้น MVP อย่างรวดเร็ว เพราะทันทีที่แสดงงบไตรมาส 3 ขาดทุนสูงเป็นจำนวน 54 ล้านบาท ก็ทำให้นักลงทุนสาดหุ้นออกมาไม่เลี้ยงเหมือนกัน จนหุ้นลงมาปิดที่ 1.83 บาท ลบไป 0.61 บาท หรือลงไป 25% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 235 ล้านบาท ซึ่งเป็นระดับที่ต่ำกว่า IPO 1.90 บาท เป็นครั้งแรกแบบนี้..ภาษาหุ้นเขาเรียกช็อตนี้ว่า หมดสตอรี่ต้องเลิกวงเจ้าค่ะ
*เช่นเดียวกับในรายของ ACAP ภายใต้การกุมบังเหียนของหนูน้อย “สุกัญญา” ก็มีสภาพเละเป็นโจ๊กเหมือนกับรายข้างต้น หลังกำไรในไตรมาส 3 ลดฮวบเหลือแค่ 7 ล้านบาท ขณะที่ช่วงเดียวกันของปีก่อนทำได้มากถึง 60 ล้านบาท หุ้นถึงรูดไถลลงมากองอยู่ที่ 4.72 บาท ลบไป 0.73 บาท หรือลงไป 13.40% เดี๊ยนมองเป็นช็อตที่ทำให้หุ้นทรุดตัวลงอีก เพราะเมื่อดูจาก Forward P/E มันไม่มีทางเป็นอื่นไปได้หรอกค่ะ