พรรคทหารเพิ่มชีส

พรรคพลังประชารัฐเปิดขุมกำลังหลัก ขุนพลตัวจริง กลุ่มสามมิตร 60 ชีวิต นำโดยสมศักดิ์ เทพสุทิน, สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ หายหน้าไปหนึ่งมิตรคือ สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ ซึ่งอ้างว่าไม่รู้ไม่เห็น ไม่รู้สื่อจับไปเป็น 3 ส. “สามมิตร” ได้อย่างไร


ทายท้าวิชามาร : ใบตองแห้ง

พรรคพลังประชารัฐเปิดขุมกำลังหลัก ขุนพลตัวจริง กลุ่มสามมิตร 60 ชีวิต นำโดยสมศักดิ์ เทพสุทิน, สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ หายหน้าไปหนึ่งมิตรคือ สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ ซึ่งอ้างว่าไม่รู้ไม่เห็น ไม่รู้สื่อจับไปเป็น 3 ส. “สามมิตร” ได้อย่างไร

สมคิดไม่รู้ไม่เห็น (จริงนะ) เห็นแต่สี่รัฐมนตรี อุตตม สาวนายน, สนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์, สุวิทย์ เมษินทรีย์, กอบศักดิ์ ภูตระกูล คลุกคลีอดีต ส.ส.ไทยรักไทย พลังประชาชน เพื่อไทย รวมไปถึงประชาธิปัตย์ อดีต กปปส. อดีต นปช. ลูกกำนันเป๊าะ ลูกกำนันเซี๊ยะ ทายาทอดิเรกสาร ฯลฯ

มองผู้สมัครแต่ละพื้นที่ พลังประชารัฐก็ไม่ต่างจากพรรคสามัคคีธรรม แต่รู้จักฟิวชั่น เพิ่มชีส โรยสมุนไพร ให้ถูกจริตคนไทย เช่นกรรมการบริหารพรรคมีนักธุรกิจ นักเศรษฐศาสตร์ ผู้ช่วยรัฐมนตรี มีตัวแทนตลาดน้ำ เกษตรอินทรีย์ ประชาสังคม สมาชิกพรรคก็มีศิลปิน คนรุ่นใหม่ ไปจนสมาคมคนตาบอด

แต่ถามจริง ใครเชื่อบ้างว่าพลังประชารัฐจะได้คะแนนเป็นกอบเป็นกำจากชวน ชูจันทร์, กลุ่มเกษตรกร สภาองค์กรชุมชน (เครือข่ายหมอพลเดช ปิ่นประทีป) หรือคนรุ่นใหม่จากสถาบันพลังประชารัฐอะไรนั่น นี่คือคนที่จะเลือกสมศักดิ์ เทพสุทิน ยังงั้นหรือ

ของจริงคืออดีต ส.ส. ที่ผ่านสนามมาโชกโชน รู้กลเม็ดเด็ดพราย รู้วิธีได้คะแนน ภายใต้ระบบเลือกตั้งที่ย้อนยุคไปก่อนรัฐธรรมนูญ 2540 บวกกับความเชื่อว่าการเป็นพรรคของสี่รัฐมนตรี ที่มุ่งหนุนผู้นำรัฐประหารกลับมาครองอำนาจยาวนาน จะช่วยให้ได้แต้มต่อในการแข่งขัน

ภาพประชาสังคม คนรุ่นใหม่ จึงเอาไว้โรยหน้าให้ดูสวยงาม ปิดข้อครหาว่าจะใช้อำนาจเกื้อหนุนหรือใช้วิธีการเก่า ๆ เอาชนะเลือกตั้ง เสียมากกว่า

มันก็คล้ายปัจจุบันที่ สมคิด อุตตม สนธิรัตน์ สุวิทย์ กอบศักดิ์ ทำตัวเป็นเทคโนแครตผู้หวังดี ชักชวนคนมองไปข้างหน้า พัฒนาไทยแลนด์ 4.0 ทั้งที่ตั้งมาจากรัฐประหาร ซึ่งใช้อำนาจรุนแรงกับคนเห็นต่าง อุ้มเข้าค่ายทหารโดยไม่ต้องมีหมายจับหมายค้น

แต่บรรดานักการเมืองพลังประชารัฐก็ช่วยกันเถียง ไม่ใช่เผด็จการ ไม่ได้สืบทอดอำนาจ เพราะผ่านการเลือกตั้ง เป็นไปตามกติกา (คือให้ 250 ส.ว.ร่วมเลือกนายกฯ)

คนไทยที่เคยต่อต้าน รสช.ก็คล้อยตามว่า เอานะ ขอให้ชนะมาอย่างแฟร์ ๆ ก็แล้วกัน ทั้งที่เขียนกติกาให้กรรมการลงไปเตะบอลแข่งได้ ก็ยังเชื่อว่าแฟร์ ใช้ ม.44 เหนือ กกต. ให้ขยายเวลาประกาศแบ่งเขตเลือกตั้ง ก็ยังเชื่อว่าบริสุทธิ์ใจ แบ่งเขตไว้ 3 แบบ ทำประชาพิจารณ์ นี่ถ้าโผล่มาเป็นแบบที่ 4 ก็ยังมีคนอีกเยอะที่เชื่อว่า กกต.เป็นกลาง ไม่โกงแหง ๆ

มองอีกมุมหนึ่ง พลังประชารัฐอาจอ้างได้ว่า ก๊อปมาจากไทยรักไทย เพราะตอนตั้งพรรค ทักษิณก็ระดมนักคิด ภาคธุรกิจ ประชาสังคม คนเก่ง ๆ มากมาย มาช่วยกำหนดนโยบาย พร้อมกับกวาดต้อน ส.ส.เก่า ๆ เข้าพรรค

แต่ไทยรักไทยชนะด้วยนโยบาย ปี 48 ยิ่งชนะถล่มทลายเพราะนโยบายเห็นผล นี่อยู่มาเกือบ 5 ปี คนยังบ่นเรื่องปากท้อง แล้วจะอ้างอะไร

ที่สำคัญ ปี 44 ไทยรักไทยไม่ได้เป็นรัฐบาล ไม่สามารถใช้อำนาจเอาเปรียบใคร ไทยรักไทยชนะเพราะรัฐธรรมนูญประชาธิปไตย 2540 เปิดโอกาส ไม่ได้ตั้งพรรคเพื่อสืบทอดอำนาจรัฐประหาร คงเปรียบเทียบไม่ได้ว่านี่เป็นพรรคทหาร (หรือพรรคมาร) แบบสามัคคีธรรมฟิวชั่นกับไทยรักไทย

ก็เป็นแค่วิวัฒนาการของพรรคมาร เอ๊ย พรรคทหาร 26 ปีผ่านไปต้องโรยหน้าบ้าง

Back to top button