รถ EV ฝันที่ยังไม่ตื่น.!
จากเป้าหมายประเทศไทยจะมีรถ EV จำนวน 1.2 ล้านคัน ภายในปี 2579 ทำให้เกิดกระแส “EV ฟีเวอร์” ที่มีการพูดถึงจากวงแคบไปสู่วงกว้าง..ชนิดพูดกันถึงขั้นว่า “ตลาดรถยนต์น้ำมัน” จะล้มหายตายจากไปเลย เมื่อรถ EV เข้ามาแทนที่..! แวดวงผู้ประกอบการต่าง ๆ เริ่มขยับปรับแผนรถเข้าสู่ธุรกิจนี้กันขนานใหญ่..!?
สำนักข่าวรัชดา
จากเป้าหมายประเทศไทยจะมีรถ EV จำนวน 1.2 ล้านคัน ภายในปี 2579 ทำให้เกิดกระแส “EV ฟีเวอร์” ที่มีการพูดถึงจากวงแคบไปสู่วงกว้าง..ชนิดพูดกันถึงขั้นว่า “ตลาดรถยนต์น้ำมัน” จะล้มหายตายจากไปเลย เมื่อรถ EV เข้ามาแทนที่..! แวดวงผู้ประกอบการต่าง ๆ เริ่มขยับปรับแผนรถเข้าสู่ธุรกิจนี้กันขนานใหญ่..!?
ว่ากันว่าปี 2560 รถ EV และ Plug-in hybrid ที่วิ่งอยู่บนท้องถนนมีจำนวนกว่า 3 ล้านคันทั่วโลก และตั้งความหวังว่าจะเพิ่มขึ้นในอนาคต จนมาทดแทนรถยนต์ที่ใช้น้ำมันเป็นเชื้อเพลิง ด้วยเงื่อนไขแบบโลกสวยว่า “ช่วยลดมลภาวะให้โลกและประหยัดค่าน้ำมัน” นั่นเอง
แต่มาถึงประเทศไทย ตอนนี้รถ EV ยังไม่เห็นอะไรเป็นรูปธรรมชัดเจนมากนัก..ผู้ประกอบการที่บอกว่าจะมีการนำรถ EV เข้ามาขาย..ก็เงียบไป..!? ผู้ประกอบการบางรายบอกว่าผลิตรถ EV ได้แล้ว..ก็เงียบไป.!? คนที่เคยบอกว่าอนาคตรถยนต์ที่ใช้น้ำมัน-ก๊าซฯ จะไม่มีอีกแล้ว..ก็เงียบไป..!?
จึงทำให้สับสนกันว่า “กระแส EV ฟีเวอร์” มันหายไปแล้วใช่หรือไม่..และเมื่อไหร่รถ EV จะมาซะที..!?
รัฐบาลไทย..มีการกำหนดกรอบการส่งเสริมรถ EV เป็น 4 ระยะด้วยกัน คือ…
ระยะที่ 1) ช่วงปี 2559-2560 เป็นขั้นของการเตรียมความพร้อมด้านกฎหมายการขออนุญาตและการสนับสนุนการวิจัยเรื่องแบตเตอรี่ รวมถึงการเตรียมความพร้อมด้านสถานีชาร์จไฟฟ้าและด้านอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง
ระยะที่ 2) ช่วงปี 2561-2563 ดำเนินการเชิงวิจัยอย่างเข้มข้นต่อเนื่อง ทั้งเรื่องสมรรถนะแบตเตอรี่ มอเตอร์ รวมทั้งเพิ่มจำนวนรถและจุด Charging Station ให้เพียงพอ
ระยะที่ 3) ช่วงปี 2564-2578 เป็นช่วงขยายผลการศึกษาให้ได้ตามเป้าที่ตั้งไว้
ระยะที่ 4) ช่วงปี 2579 เป็นต้นไป คาดหวังว่ารถยนต์ไฟฟ้าจะเข้ามาแทนที่รถน้ำมันได้อย่างเต็มที่
แต่ทว่า..ปัญหาใหญ่รถ EV ในประเทศไทย นั่นคือ..ปัญหาสถานีชาร์จ แม้ปัจจุบันมีจุดชาร์จไฟติดตั้งตามห้างสรรพสินค้าหรือสำนักงานต่าง ๆ บ้างแล้วก็ตาม แต่ไม่สามารถใช้งานได้กับรถทุกรุ่น เพราะมีหัวชาร์จต่างกันไป ตามมาด้วยปัญหาการใช้เวลาชาร์จนานเกินไป เพราะรถ EV (ขนานแท้) มาพร้อมแบตเตอรี่ที่มีประจุไฟมากกว่ารถไฮบริดทั่วไป ต้องใช้เวลาชาร์จนานไปด้วย
ต่อเนื่องเรื่องปัญหาระยะทางวิ่งจำกัด แม้ประเทศยุโรปและอเมริกา จะผลิตรถ EV ที่สามารถขับขี่ได้ระยะทาง 250-320 กิโลเมตรเท่านั้น..นี่ยังไม่รวมสภาพอากาศประเทศไทยที่ร้อนมาก ทำให้ระบบแอร์ใช้พลังงานไฟฟ้ามากกว่าประเทศผู้ผลิตอย่างยุโรปและอเมริกา..นั่นหมายถึงระยะทางขับขี่จะถูกลดทอนลงไปอีก และที่สำคัญปัญหาราคาสูงเกินไป ล่าสุดรถ EV Nissan Leaf (ถูกสุดตอนนี้) ราคาเริ่มต้น 1 ล้านบาท แต่แบตเตอรี่ที่ให้ระยะทางวิ่งเพียง 135 กิโลเมตรเท่านั้น ในเชิงการตลาดดูแล้วยังไม่คุ้มค่าที่จะลงทุน..!!??
นั่นจึงทำให้รถ EV เป็นเพียงความฝัน (ตามกระแส) ที่ละเมอกันเป็นครั้งเป็นคราวเท่านั้นเอง..!?
…อิ อิ อิ…