บลูชิพเลือดสาด!
*วันนี้ “โมนิก้า” ไม่มีเวลาพูดพร่ำทำเพลงอะไรทั้งสิ้น เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นเที่ยวนี้เกี่ยวข้องกับความมั่นใจในการลงทุนล้วน ๆ จึงไม่ต้องถามหาเหตุผลที่ทำให้หุ้นบลูชิพโดนถล่มแบบไม่ปรานีปราศรัย เพราะมันไม่มีใครหยั่งรู้แรงเทขายจะหมดลงเมื่อไหร่ ? ส่งผลให้ผู้เล่นต้องรู้จักพลิกแพลงเพื่อเอาตัวรอดจากเหตุการณ์อันไม่พึงประสงค์ บรรยากาศการลงทุนถึงรู้สึกวังเวงวิเวกโหวเหวไงละค่ะ
เจาะกระดาน : โมนิก้าและทีมงาน
*วันนี้ “โมนิก้า” ไม่มีเวลาพูดพร่ำทำเพลงอะไรทั้งสิ้น เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นเที่ยวนี้เกี่ยวข้องกับความมั่นใจในการลงทุนล้วน ๆ จึงไม่ต้องถามหาเหตุผลที่ทำให้หุ้นบลูชิพโดนถล่มแบบไม่ปรานีปราศรัย เพราะมันไม่มีใครหยั่งรู้แรงเทขายจะหมดลงเมื่อไหร่ ? ส่งผลให้ผู้เล่นต้องรู้จักพลิกแพลงเพื่อเอาตัวรอดจากเหตุการณ์อันไม่พึงประสงค์ บรรยากาศการลงทุนถึงรู้สึกวังเวงวิเวกโหวเหวไงละค่ะ
*เมื่อเหตุการณ์ของตลาดหุ้นไทยถูกเดินด้วยเรื่องมันนี่เกม และผู้เล่นหลักยังผลัดกันเป็นผู้ซื้อผู้ขายต่อไปอย่างไม่มีกำหนด ผู้คนส่วนมากถึงมองตลาดหุ้นไทยอยู่ในทิศทาง side way down กันเป็นแถว และการอ่อนตัวของดัชนีลงมาปิดที่ 1,612.03 จุด ลบไป 24.45 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 3.63 หมื่นล้านบาท น่าจะเป็นการสะท้อนภาพความอ่อนปวกเปียกของแรงรับที่มีเข้ามาได้เป็นอย่างดีนะคะ
*ประเด็นดังกล่าวทำให้เดี๊ยนต้องโฟกัสไปยังฐานเดิมของหุ้นขนาดใหญ่เป็นที่แรก เพราะเป็นจุดที่นักลงทุนสถาบันหยุดขายแล้วหันกลับมาทยอยซื้อหุ้นไว้เก็งกำไรสั้น ๆ แถมเมื่อมองดูจากมูลค่าการซื้อขายที่เบาบางลงทุกวัน “โมนิก้า” มองเป็นเกมที่นักลงทุนต้องทำตัวให้ไวขึ้นกว่าเดิม เพื่อรักษาผลตอบแทนไม่ให้ติดลบมากไปกว่าที่เป็นอยู่ จึงอยากให้เข้าใจเรื่องนี้อย่างแจ่มแจ้งเจ้าค่ะ
*เหมือนกับในรายของหุ้น KBANK โดนถล่มอย่างหนักหน่วงตั้งแต่เช้าจรดเย็น ก่อนจะปิดไปที่ระดับ 192 บาท ลบไป 4.50 บาท หรือลงไป 2.30% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 2.53 พันล้านบาท “โมนิก้า” มองเป็นช็อตที่เคยเกิดขึ้นช่วงไตรมาส 2 และครั้งนี้จะเกิดขึ้นอีกครั้งก็ไม่ใช่เรื่องแปลก เดี๊ยนถึงภาวนาให้หุ้นเด้งขึ้นเหมือนกับครั้งก่อน เพื่อทำให้โมเมนตัมไม่เสียศูนย์ไปมากกว่าเดิมนะจ๊ะ
*ส่วนในรายของแบงก์ตราใบโพธิ์ SCB พยายามเด้งกลับตรงแนวรับฐานเก่าบริเวณ 133 บาท แต่สุดท้ายไม่อาจต้านแรงเทขายที่มีออกมาไม่หยุดหย่อนได้ หุ้นถึงไหลลงมาปิดที่ระดับ 133 บาท ลบไป 3.50 บาท หรือลงไป 2.55% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 1.49 พันล้านบาท “โมนิก้า” มองเป็นแรงกดดันที่อาจทำให้หุ้นทรุดตัวลงมาแถว 120 บาทอีกรอบ จึงต้องติดตามสถานการณ์วันนี้ให้ดีเป็นพิเศษพะยะค่ะ
*คล้ายกับกรณีของหุ้น LH ไหลลงมาเรื่อย ๆ นับตั้งแต่เดือน ส.ค. จนป่านนี้ก็ยังไม่หยุดลงสักทีนั้น น่าจะเป็นผลมาจากแรงเทขาย “กองทุน” ผสมกับ “ฝรั่งดอง” หุ้นถึงเสียทรงอย่างหนัก บวกกับช่วงครึ่งปีหลังมีแต่ข่าวแย่ ๆ ที่ส่งผลโดยตรงกับคนทำธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ “โมนิก้า” ถึงเชื่อเหลือเกินว่า การลงมาปิดที่ 9.90 บาท ลบไป 0.30 บาท หรือลงไป 2.95% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 674 ล้านบาท หุ้นน่าจะยังลงไม่สุดนะจะบอกให้
*สำหรับรายที่น่าเห็นใจมากเหลือเกินในเที่ยวนี้ “โมนิก้า” กลับมองไปที่หุ้น IVL ก่อนใครเพื่อน เพราะอุตส่าห์งัดเอาเรื่องปันผลทุกไตรมาสมาเป็นตัวล่อ แต่กลับไม่มีใครสนใจประเด็นดังกล่าวสักเท่าไหร่ หุ้นถึงไหลลงมาปิดที่ 53.25 บาท ลบไป 1.25 บาท หรือลงไป 2.30% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 550 ล้านบาทอย่างง่ายดายแบบนี้ สงสัยต้องกลับไปตั้งหลักแถวบริเวณ 50 บาทอีกรอบแน่ ๆ เจ้าค่ะ
*เช่นเดียวกับในรายของ MTC ภายใต้การกุมบังเหียน “ป๋าชูชาติ” น่าจะเป็นช็อตที่ทำให้รู้ว่า เมื่อบรรยากาศการลงทุนไม่เป็นใจ อะไรก็เกิดขึ้นได้ทั้งนั้น! ขนาดมีสตอรี่ดีพกมาเต็มกระเป๋า กลับไม่มีใครหันมามองประเด็นนี้เลยสักคน หุ้นถึงทรุดตัวลงมาปิดตรงแนวรับบริเวณ 47 บาท ลบไป 3.25 บาท หรือลงไป 6.50% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 663 ล้านบาทอย่างรวดเร็วแบบนี้ กลายเป็นไฟต์บังคับที่ทำให้หุ้นต้องรีบาวด์สถานเดียวนะคะ
*ส่วนรายที่ต้องลุ้นเหนื่อยมาก ๆ “โมนิก้า” คงต้องหันไปดูอาการของหุ้น SAWAD หลังลงมายืนปิดที่ระดับ 43.50 บาท ลบไป 2.50 บาท หรือลงไป 5.40% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 530 ล้านบาท พร้อมกับหลุดแนวรับสุดท้ายที่บริเวณ 44 บาทลงมาอย่างรวดเร็ว จึงเหลือทางเลือกเพียงแค่ “ต้องเด้ง” กลับขึ้นปิดเหนือระดับดังกล่าวให้ได้ และอีกหนึ่งความน่าจะเป็นคงเป็นการ “ไหลต่อ” เพื่อมาตั้งหลักบริเวณ 40 บาทนะจ๊ะ
*สำหรับรายที่กู่ไม่กลับอย่างหุ้น WORK ล้วนมาจากผลงานที่ถดถอยลงเรื่อย ๆ บวกกับมองไม่ออกเหมือนกันว่า ในอนาคตจะกลับมาทำกำไรเป็นกอบเป็นกำเมื่อไหร่ ? บรรดานกรู้ถึงสาดหุ้นทิ้งแบบไม่เห็นหัว “เสี่ยตา” กันเลยทีเดียว วานนี้ถึงเห็นหุ้นลงมายืนปิดที่ 26.50 บาท ลบไป 2.75 บาท หรือลงไป 9.40% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 112 ล้านบาท เดี๊ยนพูดได้ทันทีว่า หุ้นมีโอกาสลงต่อค่อนข้างสูง หลังหุ้นยังเทรดบนค่า P/E 30 เท่าน่ะซี
*เหมือนกับในรายของ GPSC ดันทุรังทำเรื่องที่ไม่ควรทำตลอดเวลา สถานการณ์ของบริษัทถึงย่ำแย่เกินจะบรรยายได้ ภาพของหุ้นถึงอยู่ในทิศทาง side way down อย่างชัดเจน “โมนิก้า” ถึงไม่แปลกใจที่หุ้นลงมายืนปิดที่ระดับ 54 บาท ลบไป 0.50 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 90 ล้านบาท เพราะทุกคนเขามองเหมือนกันว่า หุ้นอาจไม่เซ็กซี่อีกแล้ว จึงไม่มีความจำเป็นต้องกอดหุ้นอีกต่อไปนะจ๊ะ