วันนี้(หุ้น)ไปต่อ

เมื่อวานนี้ตลาดหุ้นช่วงเช้ากับบ่ายอยู่กันคนละอารมณ์


ลูบคมตลาดทุน : ธนะชัย ณ นคร

เมื่อวานนี้ตลาดหุ้นช่วงเช้ากับบ่ายอยู่กันคนละอารมณ์

เปิดตลาดภาคเช้าดัชนีหลุด 1,600 จุด หรือลงไปต่ำสุด 1,598.97 จุด แต่มีแรงซื้อกลับเข้ามา (เทคนิเคิลรีบาวด์) ทำให้ดัชนีประคองตัวบริเวณระดับ 1,600 จุดได้

และพอช่วงเวลา 10.30 น. เป็นต้นมา กระทรวงพาณิชย์เผยการส่งออกเดือนตุลาคม 61 ขยายตัว 8.7%

ตัวเลขนี้ถือว่ามากกว่าคาดการณ์กันไว้ที่  3.5–4.0%

และส่งผล 10 เดือนแรก (ม.ค.-ต.ค.61) ส่งออกขยายตัว 8.19% ส่วนนำเข้าขยายตัว 14.78%

แม้การขยายตัวของการนำเข้าสินค้าจะมากกว่าส่งออก แต่มูลค่านำเข้าจะน้อยกว่า ทำให้ดุลการค้ายังเกินดุลกว่า 2,558.9 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 84,447 ล้านบาท

ส่งออกที่ออกมาสวยแบบนี้ ทำให้มีแรงซื้อกลับเข้ามายังตลาดหุ้นทันที

เปิดตลาดมาภาคบ่าย ดัชนีขึ้นไปสูงสุด 1,622.14 (+10.11 จุด)  ก่อนจะลงมาปิด 1,617.33 จุด +5.30 จุด มูลค่าการซื้อขายขยับขึ้นมาเป็น 46,966 ล้านบาท

ดัชนีที่ย่อตัวช่วงท้ายตลาดถือว่าเป็นเรื่องที่ดี

เพราะหากยังวิ่งแรงต่อไป อาจมีแรงขายทำกำไรกันออกมาได้ โดยเฉพาะทางฝั่งกองทุน

แนวโน้มวันนี้ นักวิเคราะห์ต่างมองว่า ตลาดหุ้นยังไปต่อได้นะ

เพียงแต่จะเคลื่อนไหวในกรอบแคบ เพราะปัจจัยบวก “มีอยู่จำกัด” และยังต้องลุ้นว่า เมื่อคืนนี้ผู้นำสหรัฐฯ ได้ออกมาพูด “เขย่าขวัญ” โดยเฉพาะกับประเทศจีน อะไรอีกหรือไม่

รวมถึงประเด็นอังกฤษจะแยกตัวออกมาจากสหภาพยุโรป

แนวรับก็ 1,600 จุดนั่นแหละ

ก่อนหน้านี้ เคยเขียนบอกไว้แล้วว่า บรรดานักวิเคราะห์เขาฟันธงกันมาแล้ว ดัชนีไม่น่าจะหลุด 1,600 จุด

และก็เป็นเช่นนั้นจริง ๆ

อย่างเมื่อวานนี้ จะเห็นว่ามีแรงรับซื้อเข้ามาจำนวนมากช่วงที่หลุด 1,600 จุด

ถือเป็นระดับที่นักลงทุน “กล้า” ที่จะเข้าไป “ซื้อ” และนักวิเคราะห์ต่างก็แนะนำให้เข้าลงทุนช่วงดัชนีลงมาประมาณนี้

ประเด็นที่น่าสนใจคือ ปกติเวลาหุ้นขึ้น เราจะเห็นรายย่อยเป็นฝั่งขาย และนักลงทุนสถาบันจะซื้อ

แต่เมื่อวานนี้รายย่อยกลับซื้อ และสถาบันทั้งในประเทศ ต่างประเทศกลับขายกันออกมา

เข้าใจว่า น่าจะคันไม้ คันมือ นั่งทับมือขวาเอาไว้ หลังจากต้อง wait & see อยู่หลายวัน และทำให้มูลค่าการซื้อขายเบาบางลงไปก่อนหน้านี้

ลองเข้าไปดูการซื้อขายย้อนหลังพบว่า นักลงทุนสถาบันหรือกองทุนในประเทศ เขาขายติดต่อกันมา 6 วันทำแล้ว

หรือตั้งแต่ก่อนงาน SET in the city 2018 ปลายสัปดาห์ก่อน เลยมาจนกระทั่งงานจบไปแล้ว ก็ยังขายอยู่ (ตั้งแต่ต้นปีมาถึง 21 พ.ย. ยังซื้อสุทธิ 1.65 แสนล้านบาท)

ได้คุยกับผู้จัดการกองทุนแห่งหนึ่ง

เขาบอกว่า กองทุนก็ “ปรับพอร์ต” เป็นเรื่องปกติ

หรืออาจจะขายหุ้นออกมาบ้าง แต่อยากให้มองภาพรวมทั้งปี หรือระยะยาว จะเห็นว่า “เรายังซื้อ” และซื้อเยอะด้วย

และหากกองทุนไม่ได้ซื้อ หรือเข้ามารับซื้อ ป่านนี้หุ้นไทยน่าจะร่วงหลุดไปไหนต่อไหนแล้ว จากที่นักลงทุนต่างประเทศขายออกมาแล้วเกือบ 2.81 แสนล้านบาทในปีนี้

นักวิเคราะห์มองว่า แรงขายของต่างชาติเริ่มแผ่วลงแล้ว

และบางวันเริ่มเห็นการซื้อกลับบ้าง

ปัจจุบันสัดส่วนการถือครองหุ้นของต่างชาติในตลาดหุ้นไทยลงมาเหลือประมาณ 22-23% (ไม่รวม NVDR)

ตัวเลขนี้น่าจะต่ำสุดนับจากวิกฤตแฮมเบอร์เกอร์

แต่ถึงแม้ต่างชาติอาจจะมีการขายออกมาเพิ่มเติม ก็น่าจะเห็นแรงซื้อจากกองทุน โดยเฉพาะจากกองทุน LTF ที่จะเข้ามาในช่วงปลายเดือน พ.ย.และ ธ.ค.นี้เข้ามาช่วยประคอง

หุ้นวันนี้ที่แนะนำกันยังเป็นกลุ่มธนาคาร เช่น BBL

รวมถึงหุ้นในกลุ่มรับเหมาอย่าง CK และ STEC รวมถึงหุ้นยอดนิยมรับอีอีซี คือ AMATA

Back to top button