เกิดอะไรกับหุ้น KBANK
เมื่อวานนี้ (26 พ.ย.) หุ้นธนาคารกสิกรไทย หรือ KBANK ราคาดีดกลับมาได้เล็กน้อย
ลูบคมตลาดทุน : ธนะชัย ณ นคร
เมื่อวานนี้ (26 พ.ย.) หุ้นธนาคารกสิกรไทย หรือ KBANK ราคาดีดกลับมาได้เล็กน้อย
ปิดตลาดบวก 1.00 บาท มาที่ 193.50 บาท
ก่อนหน้านี้หรือเมื่อวันที่ 22 พ.ย.ที่ผ่านมา ราคาหุ้นกสิกรไทย ลงมาปิด 190.50 บาท ต่ำสุดในรอบเกือบ 5 เดือน
แต่หากดูเส้นกราฟราคาหุ้นแล้วพบว่า นับจากกลางเดือนกันยายนเป็นต้นมา ราคาร่วงลงมาตลอด จากระดับ 215 บาท ลงมาเหลือกว่า 190 บาทในขณะนี้
หรือลงมาแล้วราว ๆ 11.50-12.00%
ในช่วงเดือนกันยายนที่ราคาหุ้นปรับลงมา เพราะมีข่าวว่า กสิกรไทยจะแจ้งผลประกอบการออกมา “ต่ำกว่าคาดการณ์” ของนักวิเคราะห์ทำให้นักลงทุนต่างพากันขายหุ้นออกจากพอร์ต
ทว่า พอแจ้งผลประกอบการไตรมาส 3/2561 มีกำไรสุทธิ 9,743 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2.85%
และ 9 เดือนแรก กำไรสุทธิ 31,426 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 8.89%
ตัวเลขนี้ถือว่ามากกว่าที่ตลาดได้คาดหมายกันไว้ครับ
ทำให้ราคาหุ้นกสิกรไทย ฟื้นกลับขึ้นมาได้บ้าง และยังคงยืนเหนือระดับ 200 บาท
หลังจากนั้นเพียงไม่กี่วัน เมื่อผู้บริหารกสิกรไทยนำโดย “เสี่ยปั้น” นายบัญฑูร ล่ำซำ ให้ข้อมูลกับนักวิเคราะห์เกี่ยวกับการบริหารหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้หรือ NPL ในปี 2562
ด้วยการระบุว่า NPL ปีหน้า จะขยับขึ้น จากการวางกรอบไว้ที่ 3.3-3.7% จากปี 2561 ที่คาดอยู่ระดับ 3.3%
เพียงเท่านี้แหละ ราคาหุ้นหลุด 200 บาท และเป็นจุดเริ่มต้นของ “สัญญาณทางเทคนิค” ราคาหุ้นเสียทันที
แต่ต่อมามีคำอธิบายเข้ามาเพิ่มเติม เพื่อสร้างความเข้าใจกับนักลงทุนว่า NPL ที่เพิ่มขึ้นมาจาก กสิกรไทยจะบริหารจัดการ NPL เอง โดยเฉพาะสินเชื่อที่มีหลักประกัน ซึ่งจะทำให้ได้รับผลตอบแทนที่ดีขึ้น
ส่วนนักวิเคราะห์เองก็ออกมาให้ข้อมูลเพิ่มเป็นทำนองว่า น่าจะเป็นโอกาสดีมากกว่าการขายหนี้เสียออกไปแบบราคาถูก ๆ
หลังจากนั้นราคาหุ้นวิ่งกลับขึ้นมายืนเหนือ 200 บาทได้อีกครั้ง
และทำท่าว่าจะดีดกลับขึ้นไปมากกว่า 210 บาท
แต่กลับไม่ได้เป็นเช่นนั้น
ราคาหุ้นกลับร่วงลงนับจากวันที่ 8-9 พ.ย.เป็นต้นมา และปรับลงมาเรื่อย ๆ กระทั่งต่ำกว่า 200 บาทอีกครั้ง ด้วยสาเหตุที่ยังไม่ทราบแน่ชัดว่าเกิดจากปัจจัยอะไร
หลังจากนั้นไม่กี่วัน เมื่อสภาพัฒน์เผยตัวเลขจีดีพี ไตรมาส 3/61 ขยายตัวเพียง 3.3% ต่ำกว่าที่คาดกันไว้ที่ 4.3%
ปัจจัยหลัก ๆ มาจากการส่งออก และท่องเที่ยวหดตัว
ทำให้ราคาหุ้นกสิกรไทย ทรุดตัวลงอีก
เหตุผลก็คือว่า นักลงทุนอาจจะกังวลเกี่ยวกับการปล่อยสินเชื่อทำได้ยากขึ้นเมื่อจีดีพีปรับลง
และยังกังวลถึงเรื่องหนี้ NPL จากส่งออก และท่องเที่ยวว่าจะเกิดปัญหาตามมา
ว่ากันว่า กสิกรไทยนั้น นักลงทุนสถาบัน หรือกองทุนต่าง ๆ ถือหุ้นกันเยอะมาก
เช่นเดียวกับนักลงทุนต่างประเทศ ที่ยังคงมองหุ้น KBANK เป็นหุ้นที่น่าสนใจอันดับต้น ๆ ของกระดานหุ้นไทย
ช่วงที่ราคาหุ้นลงมา ว่ากันว่า อาจจะมีบางกองทุนที่สบช่อง “ปรับพอร์ต” ขายหุ้นออกมาด้วย (ก่อนจะซื้อกลับในช่วง 1-2 วันที่ผ่านมา) เพราะสังเกตได้จากมูลค่าการเทรดมากกว่าปกติ หรือหลายพันล้านบาท
ลำพังรายย่อยอย่างเดียว ไม่น่าจะมีมูลค่าการเทรดเพิ่มขึ้นเท่านี้ได้
ผ่านมาถึงวันนี้ ราคาหุ้นกสิกรไทย น่าจะซึมซับกับข่าวร้ายไปพอสมควร ขณะที่ข่าวร้ายบางข่าวเป็นเพียง “ข่าวลือ” และบางข่าวก็เป็น “ความกังวล” เกินไป
แนวรับของหุ้น KBANK ที่ 190.00 บาท ถูกมองว่า มีความแข็งแกร่งมาก
สินเชื่อเดือนตุลาคมเติบโต 1.4% เมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้า และเติบโตเป็นอันดับ 2 ของกลุ่มธนาคาร
ดอกเบี้ยที่กำลังอยู่ในช่วงขาขึ้น จากที่ ธปท.ส่งสัญญาณขึ้นดอกเบี้ยนโยบายอีก 0.25% (เป็น 1.75%) ส่งผลดีต่อกสิกรไทย เพราะน่าจะปรับขึ้นดอกเบี้ยเงินกู้ได้ทันที
ส่วนดอกเบี้ยเงินฝากจะเพิ่มในอัตราที่น้อยกว่า
นักวิเคราะห์มองว่าราคาหุ้นปัจจุบัน เป็นจุดของการ “เข้าลงทุนได้”
เมื่อวานนี้ “พี่กอง” หรือกองทุนน่าจะเริ่มทยอยเก็บหุ้นกันแล้ว