กองทุนไล่ช้อนหุ้น
* หากคิดจากสูตรลงทุนแบบง่าย ๆ จะเห็นว่า ในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมากองทุนยังเป็นผู้ซื้อสุทธิของตลาดหุ้นไทยเหมือนเดิม เพียงแต่การซื้อในช่วงหลังออกไปในแนวถอยรับเป็นส่วนใหญ่ ดัชนีถึงขยับขึ้นไปได้ไม่ไกลสักที และทำให้ภาพของการเคลื่อนตัวยังเป็นแบบเดิม ๆ จนนักเล่นเกิดอาการเบื่อ ๆ เซ็ง ๆ กันอย่างถ้วนหน้านั้น กลายเป็นไฟต์บังคับที่ทำให้นักเล่นต้องหันมาจับกลยุทธ์ select buy ไงละคะ
เจาะกระดาน : โมนิก้าและทีมงาน
* หากคิดจากสูตรลงทุนแบบง่าย ๆ จะเห็นว่า ในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมากองทุนยังเป็นผู้ซื้อสุทธิของตลาดหุ้นไทยเหมือนเดิม เพียงแต่การซื้อในช่วงหลังออกไปในแนวถอยรับเป็นส่วนใหญ่ ดัชนีถึงขยับขึ้นไปได้ไม่ไกลสักที และทำให้ภาพของการเคลื่อนตัวยังเป็นแบบเดิม ๆ จนนักเล่นเกิดอาการเบื่อ ๆ เซ็ง ๆ กันอย่างถ้วนหน้านั้น กลายเป็นไฟต์บังคับที่ทำให้นักเล่นต้องหันมาจับกลยุทธ์ select buy ไงละคะ
* ด้วยเหตุนี้ถึงทำให้ “โมนิก้า” ค่อนข้างให้ความสนใจในหุ้นบลูชิพมากเป็นพิเศษ เพราะเป็นหุ้นเป้าหมายที่กองทุนจะตะลุยใส่แบบสุดซอยในเดือนหน้า เดี๊ยนถึงพยายามให้นักเล่นมองกรอบการเล่นบริเวณ 1,600-1,700 จุดให้ขึ้นใจ เพราะเริ่มมีแรงซื้อเข้ามาในหุ้นกลุ่มดังกล่าวให้เห็นแบบประปราย ซึ่งเป็นการส่งสัญญาณเตือนให้นักเล่นเตรียมพร้อมเข้าเล่นพะยะค่ะ
* วันนี้ถึงต้องมองดัชนีขึ้นมาปิดที่ 1,634.27 จุด บวกไป 3.50 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 3.68 หมื่นล้านบาท มันมีอะไรน่ากลัวกว่าเมื่อก่อนไหม ? หากไม่มีอะไรต้องกังวลก็ควรไหลตามน้ำไปเลย เพราะตัวเลขบอกไว้อย่างชัดเจนว่า กองทุนเก็บหุ้นมาตั้งแต่ต้นปี 2561 จนมียอดซื้อสะสมมากถึง 1.73 แสนล้านบาท ขณะที่เดือน พ.ย. ยังโชว์ยอดซื้อสุทธิอีก 9.76 พันล้านบาท เดี๊ยนถึงมองเป็นจังหวะของการจัดชุดใหญ่ไฟกะพริบนะจะบอกให้
* เหมือนกับในรายของ AMATA วนลูปไปมาในกรอบ 21-25 บาทเป็นเวลาเดือนครึ่ง แถมมีแพตเทิร์นเคลื่อนตัวเป็นแบบ W-Shape อย่างชัดเจน “โมนิก้า” เลยอยากให้นักเล่นมองการขยับตัวขึ้นมาปิดที่ 23.50 บาท บวกไป 0.30 บาท หรือขึ้นไป 1.30% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 497 ล้านบาท น่าจะเป็นจังหวะของการเข้าทำสั้น ๆ ของคนที่ยังมีไฟอยู่ หลังนักเล่นสถาบันยังคงทยอยเก็บหุ้นเป็นระยะน่ะซี
* เม้าท์ถึงประเด็นนี้ขึ้นมาทั้งที “โมนิก้า” ต้องหันมามองหุ้น SAWAD เพื่อบอกเล่าสถานการณ์ที่เปลี่ยนไปจากเดิมให้แฟนคลับได้รู้สักหน่อย เพราะในช่วงปลายเดือน พ.ย. หุ้นยังป้วนเปี้ยนแถว 40 บาทอยู่เลย มาวันนี้หุ้นขึ้นมายืนอยู่ที่ระดับ 49.25 บาท บวกไป 1.25 บาท หรือขึ้นไป 2.60% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 710 ล้านบาท มันหมายความว่า หุ้นกำลังยกตัวเองขึ้นไปสร้างฐานเหนือระดับ 50 บาท โดยมีสตอรี่กำไรโตเป็นตัวหนุนเจ้าค่ะ
* ส่วนรายที่มีกำไรโตแบเบอร์มาตั้งแต่หัววันอย่างเช่น EA ยังคงเป็นทีเด็ดที่ “โมนิก้า” ชอบแนะนำให้เล่นรอบเป็นประจำ บวกกับแวลูที่กูรูสำนักต่าง ๆ ให้ไว้อยู่บริเวณ 60 บาท จึงมีความเป็นไปได้ที่หุ้นจะทะยานขึ้นไปทำ Triple Top บริเวณราคา 51.50 บาทในไม่ช้า เดี๊ยนถึงมองการปิดที่ 48 บาท บวกไป 0.25 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 518 ล้านบาท ยังเป็นจังหวะที่ลุยได้เมื่อฟ้าเปิดนะจะบอกให้
* ประเด็นดังกล่าวสอดคล้องกับเรื่องราคาน้ำมันลดลงต่อเนื่อง กลายเป็นสถานการณ์ที่ช่วยให้ AAV ได้มีโอกาสออกมาโลดแล่นบนกระดานหุ้นอีกครั้งนั้น “โมนิก้า” กลับมองเป็นเกมสั้น ๆ ที่นักเล่นต้องหัดทำตัวให้ไว เพราะหุ้นประเภทนี้ไม่เคยรู้จักคำว่า “ฟื้นตัวอย่างยั่งยืน” พร้อมกับทำให้ราคาปิดที่ 4.20 บาท บวกไป 0.14 บาท หรือขึ้นไป 3.45% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 312 ล้านบาท น่าจะเป็นเพียงเด้งรับข่าวแล้วเลิกจ้า!
* นอกจากนี้ ยังอยากให้มอง BJC ที่ว่าแน่ ๆ แจ๋ว ๆ ยังไปไม่เป็นเมื่อภาวะการลงทุนไม่เป็นใจ แต่หุ้นก็ยังสามารถรักษาฐานแนวรับเดิมบริเวณ 50 บาทได้อย่างเหนียวแน่น “โมนิก้า” กลับมองเป็นโอกาสของพวกมือไวใจกล้า หลังหุ้นทิ้งตัวลงจาก 56 บาทอย่างรวดเร็ว เลยเชื่อว่า หุ้นจะไต่ระดับขึ้นไปหาบริเวณดังกล่าวอย่างช้า ๆ บวกกับหุ้นเพิ่งขึ้นมาปิดที่ 52 บาท บวกไป 0.25 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 731 ล้านบาท มันเป็นจังหวะที่ต้องเล่นจริง ๆ นะคะ
* คล้ายกับกรณีของ BCP ถูกถล่มราคาลงมาหนักหลายรอบ แต่ยังรักษาฐานที่มั่นบริเวณ 31 บาทได้อย่างเหนียวแน่น “โมนิก้า” ถึงมองเป็นหุ้นที่กองทุนจะหวนกลับเข้ามาไล่ราคาอีกรอบ เพราะฐานกำไรของบริษัทยังมี growth ให้เห็นเป็นระยะ บวกกับวันนี้หุ้นเทรดบนค่า P/E 8.20 เท่าอีกต่างหาก เดี๊ยนถึงมองราคาปิดที่ 34 บาท บวกไป 1.75 บาท หรือขึ้นไป 5.40% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 275 ล้านบาท ยังมีแก๊ปให้เล่นพอสมควรนะจ๊ะ
* ส่วนรายที่เหนื่อยมากกว่าเจ้าอื่น “โมนิก้า” ขอโฟกัสไปที่หุ้น CENTEL เพื่อเป็นการย้ำหัวหมุดให้เห็นว่า ธุรกิจไม่เฟื่องฟูเหมือนเมื่อก่อน บวกกับจำนวนนักท่องเที่ยวลดลงในช่วงที่ผ่านมา กลายเป็นแรงกดดันต่อผลกำไรอย่างมีนัยสำคัญ เดี๊ยนเลยมองการเด้งขึ้นมาปิดที่ 42 บาท บวกไป 1.25 บาท หรือขึ้นไป 3% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 185 ล้านบาท มันเป็นช็อตที่ดูกันอีกนิดหนึ่ง แต่เผอิญหุ้นเจอแนวต้านมาขวางตรงบริเวณ 43 บาทเสียก่อน จึงกลายเป็นช็อตที่ต้องชั่งใจให้ดีนะตัวเอง!