เมื่อไหร่ต่างชาติหยุดขาย

นักลงทุนต่างประเทศยังขายสุทธิในตลาดหุ้นไทย


ลูบคมตลาดทุน : ธนะชัย ณ นคร

นักลงทุนต่างประเทศยังขายสุทธิในตลาดหุ้นไทย

และผ่านมาถึงตอนนี้ ยังไม่มีใครให้ข้อมูลได้ชัดเจนว่า เมื่อไหร่พวกเขาจะหยุดขาย หรือเริ่มกลับเข้ามาซื้อเมื่อไหร่

ล่าสุด ตัวเลขซื้อขายของนักลงทุนต่างชาติในเดือนพฤศจิกายน 2561 ได้ขายสุทธิไปแล้วกว่า 14,041 ล้านบาท

ประเด็นที่น่าสนใจคือ ในรอบเดือนพฤศจิกายนนี้ ตลาดหุ้นไทยถูกต่างชาติขายมากสุดเมื่อเทียบกับตลาดหุ้นในภูมิภาค และรองลงมาคือเกาหลีใต้

ส่วนตลาดหุ้นอื่น ๆ เริ่มเห็นสัญญาณการซื้อกลับมา (บ้าง) เช่น ไต้หวัน ฟิลิปปินส์ และอินโดนีเซีย

นับจากต้นปีมาถึงเมื่อวานนี้ (28 พ.ย.) ต่างชาติขายหุ้นไทยออกมาแล้ว 287,214 ล้านบาท

ตัวเลขนี้ ถือเป็นการขายมากสุดเป็นอันดับ 2 เทียบกับตลาดหุ้นในภูมิภาค

โดยตลาดหุ้นที่ถูกขายมากสุดยังเป็นไต้หวัน (แม้เดือน พ.ย. จะเริ่มซื้อกลับมาบ้างแล้ว และมากสุดในเอเชีย) คือขายราว ๆ 9.84 พันล้านเหรียญสหรัฐ

มีคำอธิบายว่า เหตุที่เป็นเช่นนั้นเพราะ ตลาดหุ้นของเราเมื่อเทียบกับภูมิภาค ของเราปรับลงมาค่อนข้างน้อย

ส่วนตลาดอื่น ๆ เขาปรับลงมาเยอะ บางตลาดลงมากว่า 20-25%

นั่นอาจเป็นสาเหตุให้ต่างชาติ กลับเข้าไปซื้อหุ้นในประเทศเหล่านั้น

นักวิเคราะห์จากหลายสำนักบอกว่า พี/อี ตลาดหุ้นไทยตอนนี้ลงมาเหลือ 14.5-15.5 เท่า

และราคาหุ้นหลาย ๆ ตัวลงมาค่อนข้างถูก

คำถามคือ ทำไมต่างชาติถึงไม่กลับเข้ามาซื้อในตลาดหุ้นบ้านเราบ้างล่ะ

มีคำอธิบายเพิ่มว่า ปัจจัยสำคัญจริง ๆ ของต่างชาติเกี่ยวกับการลงทุนในตลาดหุ้นในภูมิภาค  ยังมาจากนโยบายของผู้นำสหรัฐฯ คือ โดนัลด์ ทรัมป์ และทิศทางการปรับขึ้นดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ หรือเฟด

หากทรัมป์ ยังคงนโยบายให้เงินทุนไหลกลับ ด้วยนโยบายต่าง ๆ เช่น การปรับโครงสร้างภาษี

ฉะนั้น ต่อให้ราคาหุ้นเราถูกอย่างไร ฟันด์โฟลว์ ก็ยังคงไหลออกไป

เช่นเดียวกับนโยบายของเฟดเกี่ยวกับอัตราดอกเบี้ย

หากการประชุมของคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน หรือ FOMC ของ เฟด ที่จะประชุมในเดือนธันวาคมนี้ และยังคงยืนยันขึ้นอัตราดอกเบี้ย

ก็ยิ่งเป็นสิ่งเร้าให้ต่างชาติขนเงินกลับไปอีก

เพราะล่าสุดผลตอบแทนพันธบัตร หรือบอนด์ยีลด์ของสหรัฐฯ ขึ้นมาอยู่ที่ 3% แล้ว

และอาจปรับขึ้นไปได้อีก

จะเห็นว่าการที่หุ้นไทยจะถูก หรือแพง ซึ่งต่างชาติไม่ได้มองตรงนี้

แต่ไปมองว่า ที่ไหนให้ผลตอบแทนได้มากกว่า และมีความเสี่ยงต่ำกว่า

จากตัวเลขล่าสุดพบว่า ปัจจุบันมีนักลงทุนต่างชาติถือครองในตลาดหุ้นไทยเหลือเพียง 21-22% (ไม่รวม NVDR)

และก็มีโอกาสเป็นไปได้สูงว่า อาจจะปรับลดลงไปต่ำกว่า 20% ได้

ผมได้คุยกับ “ปริญญ์ พานิชภักดิ์” ซีอีโอ ของ บล.ซี แอล เอส เอ โบรกฯ ที่มีสัดส่วนนักลงทุนต่างชาติกว่า 97% ซึ่งเขาก็ยอมรับว่า “ต่างชาติจะยังขายหุ้นไทยต่อไป”

นับจากต้นปี ดัชนีหุ้นไทยลงมาแล้ว 6.44%

สิ้นปี 2560 ดัชนีปิดที่ 1,753.71 จุด

ล่าสุดเมื่อวานนี้ปิดที่ 1,640.63 จุด

ยังมีมุมองในเชิงบวกว่า แม้ต่างชาติจะขายหุ้นไทยออกมาอย่างหนักในปีนี้

แต่ตลาดหุ้นไทยปรับลงเพียง 6-7% ถือว่าน้อยมาก ๆ

ปัจจัยหลัก ๆ มาจากความเข้มแข็งของนักลงทุนสถาบัน  โดยเฉพาะกองทุนต่าง ๆ ที่มีความแข็งแกร่ง และมีเงินบนหน้าตัก จากเงินลงทุนของนักลงทุนที่ผ่านกองทุนเพิ่มขึ้น

ด้านนักลงทุนรายย่อยเอง ก็เก่ง และมีจำนวนมากขึ้น และเป็นจุดทำให้ตลาดหุ้นไทยรับมือกับแรงขายของต่างชาติได้

มีการวิเคราะห์ออกมาเพิ่มเติมว่า หลังการเลือกตั้ง และประเทศไทยได้รัฐบาลใหม่ น่าจะมีกองทุนจากต่างชาติเข้ามาลงทุนเพิ่มในปี 2562

ทว่า เรื่องนี้อาจจะยังไม่ใช่ปัจจัยหลัก

เพราะทั้งหมดยังต้องขึ้นอยู่กับการเดิมเกมของทรัมป์ เท่านั้น

 

Back to top button