หุ้นพีอีต่ำ – Dividend Yield สูง

ช่วงตลาดหุ้นยังมีความผันผวน วอลุ่มการซื้อขายเบาบาง เหตุไร้ปัจจัยใหม่เข้ามากระตุ้น รวมถึงยังต้องติดตามปัจจัยภายนอกเป็นหลักฯ อย่างสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับจีนที่อาจจะปะทุรอบใหม่ได้ทุกเมื่อ


เส้ทนทางนักลงทุน

ช่วงตลาดหุ้นยังมีความผันผวน วอลุ่มการซื้อขายเบาบาง เหตุไร้ปัจจัยใหม่เข้ามากระตุ้น รวมถึงยังต้องติดตามปัจจัยภายนอกเป็นหลักฯ อย่างสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับจีนที่อาจจะปะทุรอบใหม่ได้ทุกเมื่อ

การลงทุนในหุ้นกลุ่มตั้งรับถือเป็นช่องทางลงทุนที่ช่วยลดความเสี่ยงได้เป็นอย่างดี คือหุ้นที่มีอัตราส่วนเงินปันผลตอบแทนสูง ประกอบกับต้องมีค่า P/E ในระดับต่ำ ซึ่งหากจะให้เหมาะสมต้องไม่เกิน 15 เท่า ถือเป็นหุ้นที่มีโอกาสปรับตัวลงน้อยกว่าตลาดฯ

นอกจากนี้ ค่าพี/อีของบริษัทที่เหมาะสมไม่ควรสูงกว่าค่าพี/อีของตลาดหลักทรัพย์ฯ… สำหรับค่าพี/อีของตลาดฯ อยู่ที่ 15.56 เท่า…

ดังนั้นทางข่าวหุ้นธุรกิจจึงทำการร่อนตะแกรงหลักทรัพย์ที่มีค่า P/E ต่ำกว่า 15 เท่า ประกอบกับค่า P/BV ต่ำ และสิ่งสำคัญคือ อัตราผลตอบแทนจากเงินปันผล (Dividend Yield) สูงกว่า 4%

ผลสรุป พบว่าจากบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET)… มีหลักทรัพย์ อาทิ AP, AH, ESSO, MCS, ORI, SPRC, LALIN, SGP, JAS, PSH, TCAP, KGI, PTTGC, QH, LANNA, BCP, SCP, FMT, SNC, LHK, IRPC, MSC, GOLD, PL, SMK, NNCL, KKP, FTE, LPN, PTT, TVO, ASEFA, ML, ASK, MFC, SCB, SIRI, SMIT, AMC, CTW, SCC, SPG, HANA, ASP, LH, CPT, HTC, MK, BR, ROJNA, IT, JCT, ALLA และ CSS เป็นต้น

หลักทรัพย์ตัวอย่างน่าสนใจ เช่น 1) บริษัท เอสโซ่ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ ESSO โดยค่า P/E อยู่ที่ 5.40 เท่า ขณะที่อัตราส่วนเงินปันผลตอบแทน 8.13% 2) บริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ ORI โดยค่า P/E อยู่ที่ 5.42 เท่า ขณะที่อัตราส่วนเงินปันผลตอบแทน 5.21% 3) บริษัทจัสมิน อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ JAS โดยค่า P/E อยู่ที่ 7 เท่า ขณะที่อัตราส่วนเงินปันผลตอบแทน 9.48%

4) บริษัท พฤกษา โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ PSH โดยค่า P/E อยู่ที่ 7.07 เท่า ขณะที่อัตราส่วนเงินปันผลตอบแทน 11.23% 5) บริษัท ทุนธนชาต จำกัด (มหาชน) หรือ TCAP โดยค่า P/E อยู่ที่ 7.85 เท่า ขณะที่อัตราส่วนเงินปันผลตอบแทน 4.21% 6) บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) หรือ PTTGC โดยค่า P/E อยู่ที่ 8.17 เท่า ขณะที่อัตราส่วนเงินปันผลตอบแทน 5.41%

7) บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ BCP โดยค่า P/E อยู่ที่ 8.61 เท่า ขณะที่อัตราส่วนเงินปันผลตอบแทน 6.37% 8) บริษัท ไออาร์พีซี จำกัด (มหาชน) หรือ IRPC โดยค่า P/E อยู่ที่ 8.91 เท่า ขณะที่อัตราส่วนเงินปันผลตอบแทน 4.79% 9) บริษัท แผ่นดินทอง พร็อพเพอร์ตี้ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) หรือ GOLD โดยค่า P/E อยู่ที่ 9.14 เท่า ขณะที่อัตราส่วนเงินปันผลตอบแทน 5.54%

10) ธนาคารเกียรตินาคิน จำกัด (มหาชน) หรือ KKP โดยค่า P/E อยู่ที่ 10.23 เท่า ขณะที่อัตราส่วนเงินปันผลตอบแทน 6.99% 11) บริษัท แอล.พี.เอ็น.ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ LPN โดยค่า P/E อยู่ที่ 10.27 เท่า ขณะที่อัตราส่วนเงินปันผลตอบแทน 6.33% 12) บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) หรือ PTT โดยค่า P/E อยู่ที่ 10.33 เท่า ขณะที่อัตราส่วนเงินปันผลตอบแทน 4.08%

13) ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) หรือ SCB โดยค่า P/E อยู่ที่ 11.08 เท่า ขณะที่อัตราส่วนเงินปันผลตอบแทน 4% 14) บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) หรือ SIRI โดยค่า P/E อยู่ที่ 11.18 เท่า ขณะที่อัตราส่วนเงินปันผลตอบแทน 8.81% และ 15) บริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน) หรือ SCC โดยค่า P/E อยู่ที่ 11.48 เท่า ขณะที่อัตราส่วนเงินปันผลตอบแทน 4.24%

นอกจากนี้ ยังมีอีกหลายบริษัทที่มีค่าพี/อีต่ำ และอัตราส่วนเงินปันผลตอบแทนสูง ซึ่งรายละเอียดดูจากตารางประกอบ

สำหรับกลยุทธ์ในการเลือกลงทุนหุ้นที่ราคาถูก ดูจากค่า P/E ต่ำ และอัตราส่วนเงินปันผลตอบแทนสูงถือว่าเป็นอีกทางเลือกหนึ่งของการลงทุนในช่วงภาวะตลาดผันผวน

Back to top button