PRM อนาคตสดใส

มีการคาดการณ์กันว่าจะได้เห็นแนวโน้มของ PRM ดีขึ้นโดยเฉพาะผลประกอบการในช่วงไตรมาส 4 ปี 2561... และยังเติบโตต่อเนื่องในปีหน้า เนื่องจากสถานการณ์ต่าง ๆ เริ่มเป็นใจ


คุณค่าบริษัท

มีการคาดการณ์กันว่าจะได้เห็นแนวโน้มของ บริษัท พริมา มารีน จำกัด (มหาชน) หรือ PRM ดีขึ้น โดยเฉพาะผลประกอบการในช่วงไตรมาส 4 ปี 2561… และยังเติบโตต่อเนื่องในปีหน้า เนื่องจากสถานการณ์ต่าง ๆ เริ่มเป็นใจ

  1. ธุรกิจเรือขนส่งในประเทศ เข้าสู่ช่วง High Season ในการขนส่งจากความต้องการใช้น้ำมันในประเทศที่ยังคงเติบโตเฉลี่ย 3% ต่อปี โดยปัจจุบันมีเรือทั้งหมด 27 ลำ 84,000 DWT และมีแผนที่จะเพิ่มเรืออีก 1 ลำในไตรมาส 4 ปี 2561 และ 3 ลำในไตรมาส 1 ปี 2562
  2. เรือ Aframax คาดขาดทุนลดลงจากค่าขนส่งและค่าเช่าที่สูงขึ้น 3. เรือ FSU คาดระดับ Utilization ยังอยู่ระดับ 90% 4. เรือ Offshore หมดสัญญากับทาง PTTEP ซึ่งคาดจะเริ่มสัญญาใหม่ได้ในไตรมาส 1 ปี 2562

ขณะเดียวกัน ทางนักวิเคราะห์คาดกำไรสุทธิช่วงปี 2561-2562 ของ PRM อยู่ที่ 788 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 9.7% จากงวดเดียวกันของปีก่อน และ 982 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 25% จากงวดเดียวกันของปีก่อน

โดยการเติบโตในระดับสูงในปี 2562 เป็นผลมาจากการรับรู้รายได้เต็มปีจาก Big Sea กลยุทธ์ของบริษัทที่ปรับเปลี่ยนในช่วงที่ผ่านมา และสถานการณ์ของแต่ละธุรกิจที่เริ่มฟื้นตัวขึ้น

ส่วนผลการดำเนินงานไตรมาส 3 สิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2561 บริษัทมีรายได้จากการให้บริการขยับขึ้นมาอยู่ที่ 1,195.76 ล้านบาท จากงวดเดียวกันของปีก่อน 1,132.01 ล้านบาท ส่งผลให้บริษัทมีกำไรขยับขึ้นมาอยู่ที่ 218.47 ล้านบาท หรือ 0.09 บาทต่อหุ้น จากงวดเดียวกันของปีก่อน 141.43 ล้านบาท หรือ 0.07 บาทต่อหุ้น  ซึ่งส่วนใหญ่มาจากธุรกิจเรือขนส่งฯ ในประเทศที่มีรายได้เพิ่มขึ้น หลังจากกลุ่มบริษัทฯ ได้เข้าควบรวมกิจการของ บริษัท บิ๊ก ซี จำกัด ในสัดส่วนร้อยละ 70 ซึ่งทำให้สามารถขยายกองเรือเพิ่มขึ้นอีก 13 ลำพร้อมกับขยายฐานลูกค้า

ขณะที่ผลการดำเนินงานงวด 9 เดือน สิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2561 บริษัทมีรายได้จากการให้บริการทั้งสิ้น 3,320.49 ล้านบาท จากงวดเดียวกันของปีก่อน 3,424.75 ล้านบาท ทำให้ผลกำไรของบริษัททำได้เพียง 558.15 ล้านบาท หรือ 0.22 บาทต่อหุ้น จากงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไร 614.76 ล้านบาท หรือ 0.30 บาทต่อหุ้น

เมื่อวิเคราะห์ฐานะทางการเงินยังคงดูดี เนื่องจากบริษัทมีสินทรัพย์หมุนเวียน 1,596.24  ล้านบาท เมื่อเทียบกับหนี้สินหมุนเวียน 1,684.78  ล้านบาท ได้ค่า CURRENT RATIO อยู่ที่ระดับ 0.95 เท่า ถือว่าสภาพคล่องพอในการขยายธุรกิจ อีกทั้งเมื่อพิจารณาหนี้สินของบริษัทไม่น่าเป็นห่วง เพราะมีหนี้สินรวมเพียง 4,188.74  ล้านบาท นำมาเทียบกับส่วนของผู้ถือหุ้นมากถึง 6,812.59  ล้านบาท ได้ค่า D/E อยู่ที่ระดับ 0.61 เท่า แสดงว่าส่วนหนี้สินของบริษัทไม่มีผลกระทบใด ๆ

นอกจากนี้ ทางนักวิเคราะห์ บล.ทิสโก้ ยังคงแนะนำ “ซื้อ” ด้วยราคาเป้าหมายของเราอยู่ที่ 10.60 บาท อิงจาก PER 27 เท่าปี 2562 โดยอ้างอิงจากค่าเฉลี่ย PER ของบริษัทที่ดำเนินธุรกิจขนส่งใกล้เคียง

ผู้ถือหุ้นรายใหญ่

  1. บริษัท นทลิน จำกัด 1,354,999,800 หุ้น 54.20%
  2. AUSTIN ASSET LIMITED 483,000,000 หุ้น 19.32%
  3. กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ เค มาสเตอร์ พูล ฟันด์ ซึ่งจดทะเบียนแล้ว 23,766,500 หุ้น 0.95%
  4. นางจารุณี ชินวงศ์วรกุล 18,000,000 หุ้น 0.72%
  5. นายเอี่ยม อาชวกุลเทพ 13,910,000 หุ้น 0.56%

รายชื่อกรรมการ

  1. นายบวร วงศ์สินอุดม ประธานกรรมการ, กรรมการอิสระ
  2. ว่าที่ ร.ต.ชาญวิทย์ อนัคกุล ประธานคณะเจ้าหน้าที่บริหาร, กรรมการ
  3. พล.ร.อ.นิพนธ์ จักษุดุล รองประธานกรรมการ
  4. นายสุรพล มีเสถียร กรรมการ
  5. นายพร้อมพงษ์ ชัยศรีสวัสดิ์สุข กรรมการ

Back to top button