เด้งกลับสั้น ๆ

* ประเด็นที่ทำให้ “โมนิก้า” มีอาการเก๊กซิมเป็นอย่างมาก คงเป็นเรื่องของแรงซื้อที่ขาดหายไปในบางช่วงบางตอน จนทำให้ความหวังที่จะได้เห็น December Effect กลายเป็นเพียงการฝันตอนกลางวันแสก ๆ และต้องยอมรับความจริงที่ว่า ตลาดหุ้นไทยไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว! ซึ่งเป็นสถานการณ์ที่ทำให้มูลค่าการซื้อขายเบาบางลงอย่างมีนัยสำคัญนะจะบอกให้


เจาะกระดาน : โมนิก้าและทีมงาน

* ประเด็นที่ทำให้ “โมนิก้า” มีอาการเก๊กซิมเป็นอย่างมาก คงเป็นเรื่องของแรงซื้อที่ขาดหายไปในบางช่วงบางตอน จนทำให้ความหวังที่จะได้เห็น December Effect กลายเป็นเพียงการฝันตอนกลางวันแสก ๆ และต้องยอมรับความจริงที่ว่า ตลาดหุ้นไทยไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว! ซึ่งเป็นสถานการณ์ที่ทำให้มูลค่าการซื้อขายเบาบางลงอย่างมีนัยสำคัญนะจะบอกให้

* ข้อมูลดังกล่าวทำให้เชื่อว่า หุ้นบลูชิพยังติดอยู่ในวังวนเดิมต่อไปอีกนาน และเรื่องนี้ถูกตอกย้ำด้วยการที่ดัชนีวิ่งขึ้นไปถึงระดับ 1,644.90 จุด ต่อจากนั้นไหลลงมาเรื่อย ๆ จนสุดท้ายยืนปิดที่ระดับ 1,634.88 จุด เหลือบวกแค่ 1.26 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 3.64 หมื่นล้านบาท “โมนิก้า” มองเป็นสถานการณ์ที่มีความหมายในตัวของมันเอง ไม่จำเป็นต้องสะท้อนออกมาด้วยคำพูดอย่างอีเมี้ยนปากมากหรอกค่ะ

* ตรงนี้เป็นเรื่องที่เดี๊ยนพยายามบอกเล่ากับแฟนคลับให้รับรู้กันอย่างกว้างขวาง เพราะสถานการณ์ในวันถัดไปคงไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยสำคัญ รวมทั้งข่าวสารใหม่ ๆ ที่จะเข้ามาเป็นตัวบิลต์อารมณ์แทบหาไม่เจอ “โมนิก้า” ถึงมองสถานการณ์ของตลาดหุ้นไทยคงขึ้น ๆ ลง ๆ ต่อไปแบบไม่มีกำหนด จึงต้องเตรียมตัวสำหรับการเล่นหุ้นในช่วง sideway down ตั้งแต่ตอนนี้นะคะ

* เหมือนกับการเคลื่อนตัวของหุ้น KBANK ในทิศทางแกว่งตัวลงตั้งแต่กลางเดือน ก.ย. จนถึงวันนี้ ก็เป็นเครื่องพิสูจน์ให้เห็นว่า พวกสถาบันไม่เก็บหุ้นตัวนี้ใส่พอร์ต ราคาหุ้นถึงไม่มีโอกาสผงกหัวขึ้นอย่างเป็นทางการสักที! แต่โชคดีที่ราคาหุ้นยังยืนปักหลักอยู่ที่บริเวณแนวรับ 190 บาทอย่างแข็งขัน เลยทำให้การปิดที่ระดับ 190 บาท ลบไป 1 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 1.66 พันล้านบาท ไม่ได้อยู่ในขั้นวิกฤติ เพราะหุ้นยังมีโอกาสเด้งกลับเจ้าค่ะ

* ส่วนรายที่น่ากลัวมากเหลือเกิน “โมนิก้า” กลับมองไปที่หุ้น STEC หลังมีแรงเทขายกระทุ้งออกมาไม่หยุดหย่อน จนราคาหุ้นร่วงลงมาปิดที่ 23.40 บาท ลบไป 0.70 บาท หรือลงไป 2.90% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 577 ล้านบาท มันเป็นช็อตบังคับให้หุ้นต้องเด้งกลับตรงเส้นแนวรับ 200 วันบริเวณราคา 23 บาท เดี๊ยนถึงเลือกให้แฟนคลับอยู่เฉย ๆ เพื่อรอดูสถานการณ์ให้แน่ใจเสียก่อนพะยะค่ะ

* อีกรายที่ดูท่าทางจะกู่ไม่กลับอย่างเช่นหุ้น SPALI กลายเป็นช็อตที่ทำให้ “โมนิก้า” มีความรู้สึกหนักใจอย่างบอกไม่ถูก เพราะราคาหุ้นไหลลงมาเป็นเวลา 2 เดือนเต็ม ๆ แถมไม่มีวี่แววจะเด้งกลับขึ้นมาอย่างแข็งแกร่ง จึงกลายเป็นหุ้นที่นักเล่นต้องถอยให้ห่างมากสุดเท่าที่จะทำได้ เพราะการลงมายืนปิดที่ระดับ 18.60 บาท ลบไป 0.90 บาท หรือลงไป 4.60% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 223 ล้านบาท มันหมายความว่า ไม่มีใครเล่นไงละคะ

* ประเด็นดังกล่าวทำให้ “โมนิก้า” นึกถึงหุ้น GLOW ขึ้นมาในทันที เพราะตั้งแต่ กกพ. มีคำสั่งไม่อนุมัติให้ GPSC เข้าเทกโอเวอร์กิจการอย่างเบ็ดเสร็จเด็ดขาด สถานการณ์ของหุ้นพลังงานตัวนี้ก็ซึมกะทือในทันที และมองไม่เห็นโอกาสกลับมาเฉิดฉายบนกระดาน most active อีกเลย บรรดานักเล่นเลยพากันเทขายหุ้นทิ้งตลอดเวลา จนหุ้นลงมานอนที่ 85 บาท ลบไป 1.50 บาท หรือลงไป 1.70% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 136 ล้านบาทแบบหมดสภาพไงละคะ

* ส่วนรายที่ต้องลุ้นเสียวกันยกใหญ่ “โมนิก้า” คงพุ่งเป้าไปยัง BLA หลังหุ้นไหลลงมาปิดที่ 30.25 บาท ลบไป 0.50 บาท หรือลงไป 1.60% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 59 ล้านบาท ซึ่งเป็นจุดที่หุ้นควรเด้งกลับอย่างมีนัยสำคัญ และเมื่อมองดูจากประวัติเก่าก่อนหน้านี้ เดี๊ยนต้องเผื่อแนวรับสุดท้ายบริเวณ 29 บาทให้อีกนิดหน่อย จึงอยากให้แฟนคลับลองชะเง้อมองหุ้นตัวนี้ไว้บ้างนะคะ

* เช่นเดียวกับในรายของ GFPT ทรุดตัวลงมาปิดต่ำสุดของวันที่บริเวณ 13.60 บาท ลบไป 0.40 บาท หรือลงไป 2.90% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 42 ล้านบาท ก็เป็นช็อตที่น่าหนักใจไม่ใช่น้อยเหมือนกัน เพราะเป็นภาคบังคับที่ทำให้หุ้นต้องเด้งกลับในวันนี้ หากทำไม่ได้เหมือนที่คาดหวังราคาหุ้นจะลงลึก และทำให้ภาพของหุ้นอยู่ในลักษณะยอดภูเขา 3 ลูกต่ำลงชัดเจนขึ้นกว่าเดิมนะจ๊ะ

* สำหรับรายที่โมเมนตัมเสียไปอย่างชัดเจนในเที่ยวนี้ “โมนิก้า” คงโฟกัสไปยังหุ้นขายแก๊ส SGP เพื่อทำให้นักเล่นได้รู้ถึงสถานการณ์ล่าสุดยังไม่ดีขึ้น ราคาหุ้นถึงไหลลงจากระดับ 12.50 บาทแบบไม่มีดิสเบรกกันเลยทีเดียว แถมวานนี้โดนกดลงมากองอยู่ที่ 8.50 บาท ลบไป 0.20 บาท หรือลงไป 2.30% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 52 ล้านบาท พร้อมกับทำราคาต่ำสุดในรอบ 1 ปี 3 เดือน มันเป็นลางไม่ดีเอามาก ๆ นะคะ

* ตบท้ายกันที่หุ้น PACE เพื่อบอกให้แฟนคลับได้เห็นการขยับตัวอย่างมีนัยสำคัญได้เริ่มขึ้นอีกครั้ง วานนี้ถึงเห็นหุ้นขึ้นมาปิดราคาสูงสุดของวันที่บริเวณ 0.54 บาท บวกไป 0.07 บาท หรือขึ้นไป 14.90% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 36 ล้านบาท มันน่าจะมีอะไรดี ๆ บางอย่างเกิดขึ้น บรรดานกรู้ถึงเริ่มเข้ามาไล่ราคาหุ้นกันอีกรอบ จึงกลายเป็นหุ้นที่น่าจับตามากสุดไงละคะ

 

Back to top button