พาราสาวะถี

ขอบคุณที่ช่วยยืนยันสิ่งที่อรชุนบอกมาโดยตลอดเรื่องคุณสมบัติอย่างหนาของเผด็จการ เพราะวันนี้ วิษณุ เครืองาม ยอมรับรัฐบาล คสช.ยังคงไปประชุม ครม.สัญจรต่อเนื่อง ไม่มีอะไรที่ไม่เหมาะสม ถึงอย่างไร ครม.ต้องประชุมอยู่แล้ว ไม่ว่าจะประชุมที่นี่หรือสัญจรไม่ต่างกัน แต่ถ้าประชุมสัญจรอาจได้ลงพื้นที่ต้องยอมรับว่าคนเป็นรัฐบาลย่อมมีโอกาสได้เปรียบ


อรชุน

ขอบคุณที่ช่วยยืนยันสิ่งที่อรชุนบอกมาโดยตลอดเรื่องคุณสมบัติอย่างหนาของเผด็จการ เพราะวันนี้ วิษณุ เครืองาม ยอมรับรัฐบาล คสช.ยังคงไปประชุม ครม.สัญจรต่อเนื่อง ไม่มีอะไรที่ไม่เหมาะสม ถึงอย่างไร ครม.ต้องประชุมอยู่แล้ว ไม่ว่าจะประชุมที่นี่หรือสัญจรไม่ต่างกัน แต่ถ้าประชุมสัญจรอาจได้ลงพื้นที่ต้องยอมรับว่าคนเป็นรัฐบาลย่อมมีโอกาสได้เปรียบ

เป็นการอธิบายให้สังคมได้รับรู้อย่างไม่เคอะเขิน เพื่อยืนยันว่านี่คือรัฐบาลอำนาจเต็ม ไม่เห็นมีอะไรจะต้องเหนียม ขนาดที่บอกว่ามารยาทไม่ต้องเป๊ะก็ได้ อย่างอื่นไม่ต้องพูดถึงกันแล้ว ทำได้ทั้งหมด ยิ่งกระบวนการตรวจสอบง่อยเปลี้ยเสียขา ยิ่งได้ใจกันใหญ่ เผด็จการยุคใหม่เรียนรู้มาจากพวกนักการเมืองชั่วนักการเมืองเลว ดังนั้น อะไรที่คนพวกนั้นเคยทำจึงทำได้ยิ่งกว่า

ความจริงวิษณุไม่น่าจะลืมสิ่งที่ตัวเองเพิ่งพูดไปก่อนหน้าที่ว่า “มนุษย์เราไม่ได้อยู่ได้ด้วยข้อกฎหมายอย่างเดียว ยังมีเรื่องสังคม ความเหมาะสม ถ้าถามว่าผิดกฎหมายหรือไม่ ไม่ผิด แต่เหมาะสมหรือไม่ก็แล้วแต่ ต้องดูวันดูเวลา ดูกาลเทศะ” การอยู่ในตำแหน่งรัฐมนตรีและไปทำอะไรที่เกี่ยวข้องกับพรรคในเวลาเดียวกัน หมิ่นเหม่ต่อการถูกกล่าวหาว่าใช้อำนาจหน้าที่โดยไม่ชอบมิใช่หรือ

แต่สำหรับคนในองคาพยพเผด็จการ คสช.แล้ว คงไม่ต้องห่วงกังวลอะไรทั้งสิ้น เพราะมาตรา 44 ขนาดแผ่อิทธิพลไปคุ้มกะลาหัวให้องค์กรอิสระอย่าง กกต.ได้ ทำไมจึงจะไม่ถูกใช้มาอุ้มสมพวกเดียวกันหากถึงตาจน กับการที่จะมีคนมากล่าวหาในเรื่องหนึ่งเรื่องใดได้ ยุคนี้แล้วไม่ต้องสนหน้าอินทร์หน้าพรหมใด ๆ ทั้งสิ้น ขอเพียงแค่ตัวกู พวกกูอยู่สุขสบายเท่านั้นก็พอ

ในเมื่อกฎหมายหมายรวมไปถึงคำสั่งของเผด็จการผู้มีอำนาจเบ็ดเสร็จเด็ดขาดด้วย การอ้างกฎหมายก็เท่ากับการอ้างถึงความชอบธรรมของผู้ที่มีอำนาจที่สามารถจะชี้นิ้วในเรื่องหนึ่งเรื่องใดได้ตามความพอใจ เห็นได้อีกเรื่องกับการคุ้มครองบรรดานายกและกรรมการสภาพมหาวิทยาลัยที่ไม่ต้องการแสดงบัญชีทรัพย์สินทั้งหลาย หมายความว่าที่ลาออกกันไปแล้วจะกลับเข้ามาใหม่ เพราะไม่ต้องแสดงความโปร่งใส ถามกันตามประสาซื่อ ยางอายมีไหม

เร่งผลิตผลงานชิ้นโบว์แดงให้เข้าตากรรมการที่จะลงมาเป็นผู้เล่น (การเมือง) สำหรับ 7 เสือ กกต. ล่าสุด กับการคลอดกฎ กติกาการหาเสียงเลือกตั้ง ส.ส.แบบแบ่งเขต เชื่อแน่ว่าจะเป็นที่พึงพอใจของคนที่จะถูกเสนอชื่อเป็นนายกฯ อีกกระทอกอย่างแน่นอน ด้วยข้อห้ามที่ว่า ต้องไม่มีรูปคนอื่นที่ไม่ใช่ผู้สมัคร หัวหน้าพรรคและว่าที่นายกฯ ของพรรคการเมืองนั้น ๆ

นั่นหมายความว่าที่เคยเกิดขึ้นในอดีตอย่างทักษิณคิดเพื่อไทยทำ ก็จะไม่มีทางเกิดขึ้นได้ หมายรวมไปถึงทั้งพรรคเพื่อไทยและไทยรักษาชาติ จะนำเอารูปของ ทักษิณ-ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร มาใช้หาเสียงไม่ได้ แต่คงไม่ใช่เรื่องแปลกที่จะออกมาแบบนี้ ที่น่าจะมีคำถามมากกว่าคือประชาธิปัตย์ เพราะข้อห้ามของ กกต. นอกจากห้ามใช้รูปคนอื่นที่ไม่เกี่ยวข้องกับพรรคแล้ว ยังห้ามใช้รูปผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อมาเกี่ยวข้องกับผู้สมัคร ส.ส.เขตด้วย

เมื่อเป็นเช่นนั้น แสดงว่า ชวน หลีกภัย ที่จะถูกส่งลงสมัครในนาม ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ของพรรคก็จะไม่มีรูปไปประกบกับผู้สมัคร ส.ส.เขตได้ ซึ่งในพื้นที่ภาคใต้ถือว่ารูปของนายหัวชวนมีความหมายต่อผู้สมัครเป็นอย่างยิ่ง แต่คงไม่ใช่ปัญหาสำหรับพรรคเก่าแก่ เพราะยังเหลือการจัดปราศรัยที่ถือเป็นหัวใจสำคัญในการหาเสียงในพื้นที่ภาคใต้

ถ้าไม่ถูก กกต.ผู้อ่อนน้อมถ่อมตนเพราะต้องรอฟังคำสั่งจากเผด็จการ คสช.ในหลาย ๆ เรื่อง วางกฎเรื่องการหาเสียงแบบตัดช่องเซียนปราศรัยทั้งหลายแหล่ พรรคเก่าแก่ก็ถือว่าการไม่มีรูปชวนประกบผู้สมัครยังพอรับได้ แต่หากเวทีปราศรัยถูกจำกัดขอบเขตขึ้นมาเมื่อไหร่ นั่นแหละจะเป็นความเสียหายใหญ่หลวง และคงต้องลุกขึ้นมาโวยกันครั้งใหญ่อย่างเลี่ยงไม่ได้

เห็นแนวทางแบบนี้ของ กกต.แล้ว ทำให้เชื่อว่าระเบียบ กติกาที่จะใช้กับการหาเสียงผ่านโซเชียลมีเดีย น่าจะหยุมหยิม ยุ่งยาก จนสร้างความอึดอัดให้กับพรรคการเมืองส่วนใหญ่อย่างแน่นอน ส่วนพรรคของเผด็จการอย่างพลังประชารัฐคงไม่มีปัญหา เพราะวิษณุบอกแล้ว เป็นรัฐบาลอยู่เฉย ๆ ก็ได้เปรียบเพราะมีงานทำมีผลงาน และเดินสายได้เรื่อย ๆ

ก่อนหน้านั้น เสียงเรียกร้องเรื่องการยุติเดินสายหว่านเงินของรัฐบาล จะมาจากซีกของพรรคเครือข่ายทักษิณเสียเป็นส่วนใหญ่ จึงทำให้น้ำหนักมันน้อย แต่ล่าสุด จุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ทนไม่ได้ออกมากระทุ้งเรื่องนี้ โดยชี้ให้เห็นว่า ครม.สัญจรที่เดินสายหาเสียงและแจกงบประมาณอยู่ในขณะนี้ แม้ไม่มีกฎหมายห้าม แต่ประเด็นสำคัญคือความเหมาะสม เป็นสิ่งที่สมควรกระทำสำหรับรัฐบาลที่จะเป็นคู่แข่งในการเลือกตั้งกับพรรคการเมืองอื่นในสนามเลือกตั้ง

ทางออกที่ดีที่สุดสำหรับรัฐบาลเผด็จการ คสช. ถ้าต้องการลดเสียงครหา จะต้องประกาศที่จะปฏิบัติตัวให้เหมือนกับรัฐบาลรักษาการในภาวะการเมืองปกติ มีตัวอย่างที่ปรากฏอยู่ในบทบัญญัติรัฐธรรมนูญชัดเจนอยู่แล้วว่า รัฐบาลรักษาการทำอะไรไม่ได้บ้าง เพื่อป้องกันส่วนได้เสียหรือความได้เปรียบเสียเปรียบระหว่างพรรครัฐบาลกับพรรคการเมืองอื่นในการเลือกตั้ง เช่น ห้ามโยกย้ายแต่งตั้งข้าราชการเพื่อประโยชน์ในทางการเมือง ห้ามใช้เงินงบประมาณในการจัดทำโครงการใหม่ที่จะมีผลผูกพันกับรัฐบาลชุดต่อไป

แต่สิ่งที่จุรินทร์บอกมาทั้งหมด รัฐบาลชุดนี้กำลังทำอยู่ทั้งสิ้น โดยเฉพาะการหว่านเงินงบประมาณโครงการต่าง ๆ ผ่าน ครม.สัญจร คงไม่ต้องไปแสวงหาคำอธิบายใด ๆ ในเมื่อเนติบริกรของรัฐบาลเขายืนยันมาโดยตลอด นี่คือรัฐบาลอำนาจเต็ม ทำอะไรได้ทุกอย่าง ดังนั้น ใครก็อย่ามาสะเออะแนะนำอะไรทั้งสิ้น ยิ่งหัวหน้าเผด็จการหัวหมอ บอกอยู่เสมอว่าทุกอย่างต้องยึดตามกฎหมาย ท่องคาถาแถกันอยู่เท่านี้ ต้องปล่อยไปตามยถากรรม ก็ใครพวกไหนล่ะที่โบกมือเรียกเผด็จการให้มาล้มล้างประชาธิปไตยและกระทืบซ้ำนักการเมือง

Back to top button