จัดระเบียบคนจนเพื่อ?ทายท้าวิชามาร
แกนนำ นปช.เรียกร้องให้บวรศักดิ์ อุวรรณโณ ขอโทษมวลชนฐาน “เหยียดชนชั้น” อันที่จริงบวรศักดิ์ไม่ได้ดูหมิ่นเสื้อแดงขนาดนั้น เพราะบวรศักดิ์อธิบายว่า เสื้อเหลืองนกหวีดคือคนชั้นกลางระดับบน คนมั่งมี ขณะที่เสื้อแดงคือคนระดับล่างคนรากหญ้า รับจ้างวันละ 300 เขาอยากมาม็อบแต่ถ้ามาก็ขาดรายได้ จึงต้องเอาเงิน
แกนนำ นปช.เรียกร้องให้บวรศักดิ์ อุวรรณโณ ขอโทษมวลชนฐาน “เหยียดชนชั้น” อันที่จริงบวรศักดิ์ไม่ได้ดูหมิ่นเสื้อแดงขนาดนั้น เพราะบวรศักดิ์อธิบายว่า เสื้อเหลืองนกหวีดคือคนชั้นกลางระดับบน คนมั่งมี ขณะที่เสื้อแดงคือคนระดับล่างคนรากหญ้า รับจ้างวันละ 300 เขาอยากมาม็อบแต่ถ้ามาก็ขาดรายได้ จึงต้องเอาเงิน
จริงๆ แล้วคำอธิบายของบวรศักดิ์ (ซึ่งพูดกับชาวจุฬา) ถือว่ามองเสื้อแดงดีกว่า “มาตรฐานสลิ่ม” เพียงแต่บวรศักดิ์พูดไม่ครบและเหมารวมหมด ม็อบเสื้อแดงส่วนใหญ่ไม่ถึงกับรับเงิน แค่ต้องจัดรถจัดอาหารให้
แล้วถ้าพูดให้ถึงที่สุด ความขัดแย้งครั้งนี้ไม่ใช่แค่ความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจ แต่ยังมีความอยุติธรรม “สองมาตรฐาน” อุดมการณ์ประชาธิปไตย เสรีนิยม Vs อนุรักษนิยม คนเสื้อแดงจึงมีทุกระดับ แม้ส่วนใหญ่เป็นคนชั้นล่างคนชนบท แต่ก็มีเยอะไปที่เป็นคนชั้นกลางหรือคนมั่งมี
นักวิชาการ “คนดี” ที่เข้าไปร่วมกับ คสช.มักละเลยแง่นี้ มีแต่พูดถึงความเหลื่อมล้ำ ทำนองว่าถ้าช่วยให้หายจนเสื้อแดงก็จะพ้นจาก “ทาสทักษิณ” ทั้งที่ความจริง ความอยุติธรรม การเลือกปฏิบัติ รัฐประหาร 2549 ตุลาการภิวัตน์การยึดอำนาจจากผู้มีสิทธิเลือกตั้งด้วยกองทัพด้วยศาล ซึ่งเห็นกันคาตามา 10 ปี ได้ข้ามเรื่องทักษิณเรื่องความจนไปแล้ว
กระนั้น ในขณะที่พูดเรื่องความเหลื่อมล้ำ ผู้มีอำนาจ ผู้รู้ นักปฏิรูป ก็ดูจะยังไม่เข้าใจปัญหาคนจน ทั้งที่บอกว่าห่วงใยคนจน
เอาละ ยกเลิกจำนำข้าวถูกต้องแล้ว แต่การมอง “ประชานิยม” แง่ร้ายปฏิเสธนโยบายช่วยราคาพืชผล บอกให้เกษตรกรรู้จักพึ่งตนเอง ขุดบ่อ เลี้ยงจิ้งหรีด ฯลฯ (แม้สุดท้ายก็ช่วยชาวนาไร่ละพัน) รวมทั้งการ “จัดระเบียบ” ไล่คนจนออกจากป่า จากการค้าขายข้างถนน ก็สะท้อนทัศนะ “ความถูกต้อง” แบบรัฐราชการผสมคนชั้นกลางระดับบน
ทัศนะแบบรัฐราชการคือต้องใช้อำนาจจัดการปัญหาทุกอย่างให้ถูกต้องตามกฎระเบียบ โดยไม่สนใจรากฐาน ที่มาที่ไป ยกตัวอย่างเรื่องไล่คนออกจากป่า รัฐราชการไม่ยอมรับความจริงว่าพื้นที่ส่วนใหญ่กลายเป็นป่าเสื่อมโทรมไปแล้ว จากการตัดไม้ทำลายป่าในอดีตซึ่งก็เป็นฝีมือพ่อค้าข้าราชการทุจริต แต่พอจัดระเบียบก็มาลงที่ชาวบ้าน บางแห่งเลวร้ายกว่านั้นเพราะราชการประกาศพื้นที่ป่าทับที่ชาวบ้าน หลายสิบปีที่ผ่านมา หลายรัฐบาลพยายามแก้ปัญหาโดยให้คนอยู่กับป่า แต่รัฐบาลนี้กวาดเรียบ
ซึ่งก็ไม่เรียบจริงนักหรอก ยังมีที่ สปก.ที่ป่า รีสอร์ทของผู้มีฐานะอีกเยอะ แต่เป็นข่าวฮือฮารายเดียวคืออดีตนักการเมืองรัฐบาลที่แล้ว ระวังนะครับ ถ้ากวาดไม่เรียบจะถูกหาว่าสองมาตรฐาน
ยิ่งกว่านั้น สังเกตไหมว่าเวลาตัดสวนยาง ข้าราชการพื้นที่ต่างๆ ชอบอ้างเป็นของ “นายทุน” เพื่อสร้างความชอบธรรมเรียกคะแนนคนกรุงคนชั้นกลางที่รณรงค์รักษ์ “โลกสีเขียว” แบบไม่เข้าใจปัญหา
ทัศนะต่อคนจนแบบรัฐราชการ คนชั้นกลางระดับบน ยังเห็นคนจนเป็นภาระของสังคม ไม่เสียภาษี เสพติดประชานิยม อยากได้ในสิ่งที่ไม่ควรได้ ทั้งที่ควรก้มหน้าก้มตาพึ่งตนเอง แล้วเอาเหอะน่า เราจะมีเมตตาช่วยสงเคราะห์เท่าที่ทำได้
จริงๆ แล้วมันคือปัญหาที่สังคมไทยเหลื่อมล้ำสูงเสียจนเห็นเป็นความชอบธรรม เห็นว่าราคาข้าวต่ำชอบธรรมแล้ว ค่าแรง 300 แพงไปด้วยซ้ำ ฯลฯ ทัศนะแบบนี้แก้ความเหลื่อมล้ำไม่ได้หรอก กลัวแต่มันจะแรงกว่าเดิม
ใบตองแห้ง