SPA อยู่ในช่วงขาลง ?

หากสังเกตให้ดีจะพบว่า อาจารย์มักหยิบยกประเด็นในการลงทุนขึ้นมาพูดแค่ 2 เรื่องคือ “ผลประกอบการ” กับ “การเคลื่อนตัวของหุ้น” เพราะทั้งสองส่วนมักจะสัมพันธ์ในทิศทางเดียวกัน จึงต้องอธิบายเรื่องดังกล่าวไปพร้อมกัน ซึ่งจะทำให้นักลงทุนมองเห็นภาพดังกล่าวได้ชัดเจนขึ้น


ตีแผ่บจ.ดัง

คุณสนอง จากสำโรง สมุทรปราการ พูดถึงการอ่อนตัวลงอย่างต่อเนื่องของหุ้น SPA หรือ บริษัท สยามเวลเนสกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) เป็นอะไรที่ค่อนข้างยากต่อการคาดเดามาก ๆ เพราะหุ้นเอาแต่มุดหัวลงอย่างเดียวมาตั้งแต่ต้นปี 2561 และตอนนี้ก็ยังอยู่ในทิศทางแกว่งตัวลง จึงอยากรู้ว่าช่วงขาลงของหุ้นตัวนี้จะกินระยะเวลายาวนานแค่ไหน เพราะเริ่มไม่เชื่อในความสามารถของการทำกำไร จึงอยากให้อาจารย์ช่วยประเมินความเสี่ยงของเรื่องนี้ด้วยครับ

 

หากสังเกตให้ดีจะพบว่า อาจารย์มักหยิบยกประเด็นในการลงทุนขึ้นมาพูดแค่ 2 เรื่องคือ “ผลประกอบการ” กับ “การเคลื่อนตัวของหุ้น” เพราะทั้งสองส่วนมักจะสัมพันธ์ในทิศทางเดียวกัน จึงต้องอธิบายเรื่องดังกล่าวไปพร้อมกัน ซึ่งจะทำให้นักลงทุนมองเห็นภาพดังกล่าวได้ชัดเจนขึ้น

ประกอบกับเศรษฐกิจของประเทศยังอยู่ในลักษณะสะดุดตลอดเวลา และค่อนไปในทางไม่แน่ไม่นอนเป็นส่วนใหญ่ จึงต้องอธิบายแง่มุมต่าง ๆ เพื่อให้นักลงทุนได้เข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมด พร้อมกันนั้นยังเป็นการสอนนักลงทุนเกี่ยวกับกระบวนการทางความคิดในการลงทุน ควรมองเรื่องต่าง ๆ อย่างเป็นระบบ เพื่อจำกัดความเสี่ยงในการลงทุน

เหมือนกับกรณีของหุ้น SPA หรือ บริษัท สยามเวลเนสกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) มันเป็นอะไรที่ต้องพูดกันยาวสักหน่อย เพราะการที่กำไรของบริษัทเริ่มอืด ๆ เอื่อย ๆ ทั้งที่ก่อนหน้านี้ทำกำไรได้เป็นจำนวนมาก ย่อมเป็นตัวแปรที่ทำให้นักลงทุนพากันเทขายหุ้นออกมาตลอดเวลา

เมื่อดูจากงบการเงินด้านล่างจะเห็นว่า กำไรในงวด 9 เดือน ปี 2561 เติบโตไม่มากเมื่อเทียบกับกำไรทั้งปีของปี 2560 (ก่อนหน้านี้ กำไร 9 เดือนเกือบเท่ากับกำไรทั้งปี) ย่อมเป็นตัวฉุดให้ราคาหุ้น SPA ดิ่งลงอย่างต่อเนื่อง เพราะเมื่อมองจากค่า P/E 32 เท่า ก็อนุมานได้ว่า ราคาหุ้นในกระดานสูงเกินไปจริง ๆ โดยเฉพาะในภาวะนักท่องเที่ยวชะลอมาประเทศไทย ย่อมส่งผลต่อตัวเลขกำไรอย่างมีนัยสำคัญนะครับ

สาเหตุที่ทำให้อาจารย์เชื่อเช่นนั้นมาจากวิธีการคำนวณแบบหยาบ ๆ โดยตั้งสมมติฐานกำไรต่อหุ้นปี 2561 ที่ระดับ 0.30 บาทเป็นอย่างต่ำ (จริง ๆ ต้องใช้กำไร 4 ไตรมาสล่าสุด) คิดคำนวณบน P/E ของตลาดหุ้นที่ระดับ 30 เท่า ได้ราคาเป้าหมายสูงถึง 9 บาท ขณะเดียวกัน หากปรับค่า P/E ขึ้นไปถึงระดับ 40 เท่า ราคาเป้าหมายของหุ้นตัวนี้จะขึ้นไปอยู่ที่ระดับ 12 บาทเลยทีเดียว

เมื่อได้ตัวเลขดังกล่าวมาเป็นองค์ประกอบในการประเมินหุ้น ก็อยู่ที่ตัวนักลงทุนมีความเชื่อในตัวเลขที่กล่าวถึงมากน้อยขนาดไหน ?

ถึงกระนั้นอาจารย์ขอเตือนไว้นิดหนึ่งว่า ปีใดที่บริษัทเริ่มทำกำไรไม่โดดเด่น ปีถัดไปกำไรมักรูดลงอย่างหนัก ซึ่งจะทำให้ราคาหุ้นไหลลงมาเรื่อย ๆ พร้อมกับเข้าสู่ภาวะพักฐานยาว ก่อนจะถีบตัวขึ้นแรงอีกครั้ง เมื่อผลประกอบการเริ่มดีขึ้นอย่างผิดหูผิดตา

ตรงนี้คือสิ่งที่อาจารย์เป็นกังวลมากที่สุด เพราะไม่รู้ว่า ในปี 2562 บริษัทจะทำกำไรได้เพิ่มขึ้นอีกหรือเปล่า เพราะสิ่งที่เห็นในตอนนี้ถือว่า SPA อยู่ในช่วงขาลงค่อนข้างชัดเจนนั่นเอง !

สภาแมงเม่า : ดร.สมชาย

Back to top button