พาราสาวะถี
สะท้านสะเทือนไปทั้งทำเนียบรัฐบาลและสำนักงานเลขาธิการ คสช. กับบทความ "8 เหตุผลที่ผมไม่ต้องการให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรีอีก" ของ หม่อมราชวงศ์ปรีดิยาธร เทวกุล แม้กระทั่งการออกมาตอบโต้ของกระบอกเสียงรัฐบาลอย่าง พุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ ยังต้องเต็มไปด้วยความระมัดระวัง
อรชุน
สะท้านสะเทือนไปทั้งทำเนียบรัฐบาลและสำนักงานเลขาธิการ คสช. กับบทความ “8 เหตุผลที่ผมไม่ต้องการให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรีอีก” ของ หม่อมราชวงศ์ปรีดิยาธร เทวกุล แม้กระทั่งการออกมาตอบโต้ของกระบอกเสียงรัฐบาลอย่าง พุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ ยังต้องเต็มไปด้วยความระมัดระวัง
เข้าใจกันได้ แม้จะได้รับความไว้วางใจให้เข้ามาแทนที่ สรรเสริญ แก้วกำเนิด เพื่อทำงานโต้ตอบทางการเมือง แต่เรื่องแบบที่หม่อมอุ๋ยแจกแจงเป็น 8 เหตุผลที่ไม่ต้องการให้บิ๊กตู่กลับมาเป็นนายกฯ อีกกระทอกนั้น คนมาใหม่ย่อมไม่รู้ตื้นลึกหนาบางเท่ากับคนที่ได้ชื่อว่าเป็นอดีตรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังของรัฐบาลเผด็จการ คสช.มาก่อน
เหตุผล 8 ประการของหม่อมอุ๋ยถูกย้อนศรทันทีจาก “พี่ใหญ่บูรพาพยัคฆ์” พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ ด้วยข้อกล่าวหา คนไม่ชอบขี้หน้ากันอยู่แล้วย่อมหาเหตุที่จะตำหนิทุกเรื่อง ส่วนพี่รองอย่าง พลเอกอนุพงษ์ เผ่าจินดา มานิ่ม ๆ อ้างความชอบธรรมที่อยู่ได้ทุกวันนี้ไม่ใช่เพราะอำนาจจากปลายกระบอกปืน แต่เป็นเสียงของประชาชนที่สนับสนุน
สุดแท้แต่ว่าใครจะคิดกันอย่างไร แต่ไล่เรียงดูบางข้อบางประการของหม่อมอุ๋ยถือว่ามีแง่มุมที่น่าพิจารณาอยู่ไม่น้อย ประเด็นแรกเรื่องการขาดวินัยทางการคลัง หากจับอาการจากผู้นำเผด็จการในช่วงหลังที่พยายามเน้นถึงหนี้สาธารณะ ก็เพื่อจะปกป้องนโยบายแจกแหลก โดยเฉพาะการเทกระจาดช่วงก่อนการเลือกตั้ง ที่เห็นกันชัด ๆ ว่าเพื่อเป้าหมายใด
ตรงนี้จึงเป็นประเด็นที่ถูกหยิบยกมาโจมตีได้ง่าย โดยเฉพาะบรรดาพรรคการเมืองคู่แข่งกับพลังประชารัฐ และเมื่อคนที่เคยเป็นหัวหน้าทีมเศรษฐกิจของรัฐบาลเผด็จการ คสช.ออกมากระตุกแบบนี้ด้วยแล้ว น้ำหนักความน่าเชื่อถือจึงมีมากเป็นพิเศษ ประเด็นต่อมาว่าด้วยเพื่อนร่วมรุ่นบิ๊กตู่ 6-7 ราย พยายามรวมหัวกันเพื่อตั้งบรรษัทน้ำมันแห่งชาติ นี่ย่อมเป็นการตีในประเด็นความโปร่งใส ไหนบอกว่ามุ่งเน้นปราบโกง ไม่สนใจไม่ช่วยเหลือพวกพ้อง แล้วที่แอบทำกันนี่รู้เห็นเป็นใจด้วยหรือเปล่า
ส่วนเรื่องการเอาใจจีนของรัฐบาลเผด็จการ ทำให้อาจมีปัญหากับมหามิตรอื่นอย่างสหรัฐอเมริกา สหภาพยุโรป รวมทั้งญี่ปุ่นด้วยนั้น คนทั่วไปต่างมองเห็น ประเด็นนี้มันจะไปสอดคล้องกับข้อที่ว่า ท่านผู้นำมีความใกล้ชิดสนิทสนมกับกลุ่มทุนที่เป็นเจ้าของธุรกิจขนาดใหญ่บางราย ถึงขนาดเคยเชิญนักธุรกิจรายหนึ่งไปร่วมแสดงความคิดเห็น (ที่เป็นประโยชน์กับตัวเอง) ในคณะรัฐมนตรีมาแล้ว
แน่นอนว่า การตีเรื่องนี้มันจะไหลลามไปถึงการทุ่มงบทิ้งโค้งก่อนเลือกตั้งผ่านบัตรคนจนไปด้วยว่า ท้ายสุดเม็ดเงินที่จะถูกนำไปใช้จ่ายก็ตกไปอยู่ในมือของเจ้าสัว เจ้าของธุรกิจรายใหญ่อยู่ดี ประเด็นนี้ไม่ว่าจะพยายามสลัดกันอย่างไร แต่ก็ไม่มีทางหลุด และตลอดระยะเวลาของการอยู่ในอำนาจ ชัดเจนเหลือเกินว่ามีพวกใดธุรกิจไหนที่ได้รับอานิสงส์จากเผด็จการ คสช.ไปเต็ม ๆ
ส่วนเรื่องการไม่กล้าตัดสินใจกลัวจะเสียคะแนนนิยมนั้น เคยนำเสนอไปแล้วคราวที่เป็นความเห็นของ จตุพร พรหมพันธุ์ ประธาน นปช.ที่บอกว่า ตลอดระยะเวลากว่า 4 ปีที่บิ๊กตู่อยู่ในอำนาจ เราจะได้เห็นการใส่เกียร์ถอยในหลาย ๆ เรื่อง นั่นหมายความว่า แม้จะมีอำนาจเบ็ดเสร็จเด็ดขาด แต่ด้วยความที่อยากจะกลับมามีอำนาจและกลัวกระแสกดดันจนสร้างแรงกระเพื่อมมหาศาล หลายครั้งจึงเห็นการถอดใจ เลิกกันไปแบบดื้อ ๆ ชนิดหาเหตุผลมาอธิบายกันไม่ได้
ขณะที่เรื่องการจับผิดว่าด้วยคำพูดคำจา อารมณ์ฉุนเฉียว ก้าวร้าวของท่านผู้นำนั้น คนส่วนใหญ่ก็เห็นเป็นที่ประจักษ์กันอยู่แล้ว ไม่บอกก็รู้ แต่ประเด็นนี้บางทีอาจจะเป็นที่ถูกอกถูกใจของพวกซาดิสม์หรือเชียร์เผด็จการอยู่แล้ว ขณะที่คนทั่วไปมองเป็นความกักขฬะแต่คนที่ชื่นชอบชื่นชมกลับมองเป็นเรื่องน่ารักน่าชังไปเสียฉิบ นี่แหละสิ่งที่เป็นปัจจัยหลักทำให้เผด็จการยังคงสามารถทำการยึดอำนาจได้เรื่อย ๆ ในประเทศไทย
งานเข้าอย่างต่อเนื่องสำหรับพลังประชารัฐพรรคเพื่อเผด็จการสืบทอดอำนาจ ปมโต๊ะจีนและบัตรคนจนแลก กกต.ทนแรงเสียดทางจากสังคมไม่ไหว สั่งสอบกันละเอียดยิบ ขณะที่ พันตำรวจเอกจรุงวิทย์ ภุมมา เลขาธิการ กกต. ก็ชี้แจงสื่อรายวันแทบจะวันละหลายเวลาเสียด้วยซ้ำ ไม่รู้ว่ากลัวเสียรังวัด ตาสว่างเกรงกระทบภาพลักษณ์ขององค์กร (ที่ต่ำเตี้ยเรี่ยดิน) หรือต้องทำเพื่อเร่งสร้างความชอบธรรมให้กับฝ่ายที่ถูกกล่าวหาไม่ทราบ
แต่ไม่ได้มีแค่เท่านั้น เรืองไกร ลีกิจวัฒนะ ที่เวลานี้ย้ายสังกัดจากเพื่อไทยไปไทยรักษาชาติ ตามไปยื่นสอบซ้ำปมคุณสมบัติของ อุตตม สาวนายน หัวหน้าพรรค ที่อดีต ส.ว.นักร้องระบุว่า มีความสงสัยว่ารัฐมนตรีอุตสาหกรรมน่าจะได้รับเลือกเป็นผู้นำพรรค โดยที่ยังไม่ได้เป็นสมาชิกพรรค แต่งานนี้ไม่มีอะไรในกอไผ่ เมื่อล่าสุดแหล่งข่าวจาก กกต.รีบออกมายืนยันว่าอุตตมได้ไปต่อ ไม่มีปัญหาเรื่องคุณสมบัติแต่อย่างใด
ยังไม่หมดเท่านั้น เพราะ นิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ มีการโพสต์ข้อความบนเฟซบุ๊กส่วนตัวเป็นปริศนา ด้วยการบอกว่า เรื่องเก็บบัตรประชาชนและอาจถึงยุบพรรค “ค่อยฟังผมดีกว่า มีทีเด็ดกว่านี้เยอะ” ฮึ่มกันมาขนาดนี้ ไม่รู้ว่ามีดีขนาดไหน แต่ความเคลื่อนไหวทั้งหมดล้วนแต่พุ่งเป้าไปที่พลังประชารัฐทั้งสิ้น น่าติดตามกันว่า พลังดูดที่ว่าแน่ เมื่อมาเจอสหบาทาทางการเมือง สภาพก่อนจะไปถึงวันเลือกตั้งไม่รู้จะสะบักสะบอมขนาดไหน