สังคมข่าวหุ้น
* ตลาดหุ้นไทยล่าสุดปิดการซื้อขายที่ระดับ 1,556.93 จุด ปรับเพิ่มขึ้น 0.28 จุด มูลค่าการซื้อขายรวม 3 หมื่นล้านบาท
นิวส์เวฟ
* ตลาดหุ้นไทยล่าสุดปิดการซื้อขายที่ระดับ 1,556.93 จุด ปรับเพิ่มขึ้น 0.28 จุด มูลค่าการซื้อขายรวม 3 หมื่นล้านบาท
* เป็นอีกหนึ่งปีที่ภาพรวมตลาดหุ้นไทยอยู่ในเกณฑ์น่าผิดหวัง ไม่สิ เรียกได้ว่าย่ำแย่กว่าที่ทุกฝ่ายคาดไว้เลยดีกว่า ณ วันนี้คงไม่มีใครตอบได้ว่า แนวรับตรงไหนคือฐานหลักที่มั่นคงและเอาอยู่ เพราะที่ผ่านมาทุกแนวรับถูกแรงขายพังทลายลงทั้งสิ้น เมื่อสัปดาห์ที่แล้วนิวส์เวฟยังพูดกับนักลงทุนอยู่เลยว่า แนวรับ 1,600 จุด ยังไม่ใช่พื้นที่ปลอดภัยจนน่าไว้วางใจและขอให้ใช้ความระมัดระวัง ซึ่งสุดท้ายผลที่ออกมาก็เป็นอย่างที่เราเห็นกันนี่แหละ
* ภาพรวมปีนี้ถ้าติดตามกันมาตลอด ทางผู้เขียนจะย้ำนักลงทุนบ่อยครั้งว่าให้มุ่งเน้นหุ้นที่มีปัจจัยหนุนเฉพาะตัว เพราะถือเป็นกลุ่มหุ้นที่สามารถปรับเพิ่มต่อไปได้แม้ตลาดหุ้นไทยจะไม่ดี และเวลาดัชนีลงหนักหุ้นพวกนี้มักลงน้อยกว่าตลาดเนื่องจากมีแรงซื้อพร้อมรับเข้ามาเสมอนั่นเอง
* เริ่มด้วยหุ้นแรก WHA เมื่อวานปิดลบอยู่ที่ 4 บาท ในรอบ 4 วันทำการล่าสุด ราคาหุ้นลดลงมาประมาณ 4-5% ถือว่ายังอยู่ในเกณฑ์แข็งแรงใช้ได้เมื่อเทียบกับหุ้นตัวอื่นที่ไหลรูดหนักตามภาวะตลาดอย่างน่าใจหาย สำหรับ WHA การปรับตัวลงไม่ได้มาจากพื้นฐานหุ้นมีปัญหาแต่เป็นไปตามแรงกดดันภาวะตลาดหุ้นไทยเท่านั้น โดยในเชิงปัจจัยบวกแล้วถือเป็นหุ้นตัวนึงที่มีในมือพร้อม ไม่ว่าจะงบปี 2561 ที่เติบโตได้ดีหรืองวดปี 2562 ที่ได้รับผลบวกจากแผนขยายการลงทุนต่าง ๆ ของ EEC หากหุ้นยังย่อลงไปอีกก็ถึงเวลาเข้าสะสมได้แล้วนะ
* สำหรับคนที่รับความเสี่ยงได้แนะนำ COM7 เมื่อวานหุ้นปิดลบที่ 16.30 บาท ปัจจุบันซื้อขายด้วย P/E ประมาณ 23 เท่า โดยในช่วงที่ผ่านมา COM7 ราคาขยับลำบากส่วนหนึ่งเป็นเพราะราคาหุ้นได้เพิ่มขึ้นไปเยอะจนเหลืออัพไซด์หุ้นจำกัด แต่ในรอบ 2 สัปดาห์ที่ผ่านมาราคาลดลงไปแล้วประมาณ 17-18% จนถอยกลับมาอยู่ที่ฐาน 16 บาท ดังนั้น เมื่อเทียบกับพื้นฐานโดยรวมที่ยังดีทำให้ตัวหุ้นกลับมาน่าสนใจอีกรอบ
* โดยงวด 9 เดือนแรกที่ผ่านมา COM7 มีกำไรสุทธิไปแล้ว 626 ล้านบาท สูงกว่าภาพรวมงบปี 2560 ที่มีกำไรสุทธิ 608 ล้านบาท ดังนั้น จึงเหมือนล็อกเป้าการันตีกำไรโตเรียบร้อย และอีกปัจจัยหนึ่งที่ภาพรวมของตลาดยังไม่ได้ให้น้ำหนักมาก คือ อัตราทำกำไรสุทธิของบริษัทที่ดีขึ้นต่อเนื่อง โดยล่าสุดมีอัตราทำกำไรสุทธิ 3.15% สูงที่สุดตั้งแต่เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ สะท้อนให้เห็นว่าบริษัทสามารถบริหารจัดการและเลือกสินค้าที่มีมาร์จิ้นสูงมาจำหน่ายได้ถูกทาง ถือเป็นหนึ่งในหุ้นที่ดีและอยากฝากไว้ให้ลองพิจารณา
* หุ้น DELTA เป็นหุ้นที่สามารถฝากเงินลงทุนหลบหนีความเสี่ยงภาวะตลาดได้ จะเห็นได้ว่าไม่ว่าภาวะตลาดจะหลุดไปกี่แนวรับแต่ราคาหุ้นยังยืนพื้นแถว 68-69 บาทได้มั่นคง เพราะมีประเด็นซัพพอร์ตกรณี “DEISG” เทนเดอร์ซื้อหุ้นในราคา 71 บาท (แต่ยังอยู่ในขั้นตอนต้องรอได้รับความเห็นชอบจากหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้อง)
* ประกอบกับยังเป็นหุ้นที่จ่ายเงินปันผลได้สม่ำเสมอ ซึ่งตามที่โบรกฯ คาดการณ์งวดปี 2561 จะจ่ายเงินปันผลได้ขั้นต่ำประมาณ 3% ส่วนพื้นฐานธุรกิจมีพัฒนาการที่ดีต่อเนื่อง โดยล่าสุดมีแผนทุ่มงบลงทุนประมาณ 3-4 พันล้านบาท เดินหน้าสร้างโรงงานใหม่ทั้งในอินเดีย-ไทยเพื่อรองรับออเดอร์งานลูกค้าในอนาคต
* หุ้น HMPRO ชอบทั้งในส่วนพื้นฐานและตัวราคาหุ้นที่ไม่ได้ผันผวนตามภาวะตลาด ล่าสุดทำราคาปิดที่ 15 บาท ซึ่งตรงนี้เป็นจุดที่สามารถเข้าเก็บได้แล้วเช่นกัน หากสังเกตกันดี ๆ จะเห็นบ่อยครั้งว่าในช่วงภาวะตลาดหุ้นไทยปั่นป่วน HMPRO เป็นหนึ่งในหุ้นที่บวกสวนตลาดได้เสมอเพราะรับมือกับความผันผวนได้ดี ขณะที่พื้นฐานเป็นอีกหนึ่งปีที่แม้ภาพของภาวะเศรษฐกิจและความเชื่อมั่นผู้บริโภคไม่ได้ดีอะไรนัก แต่บริษัทยังรักษาการเติบโตไว้ได้ โดยงวดไตรมาส 4 จะได้แรงบวกทั้งช่วงไฮซีซั่นธุรกิจรวมถึงมีการจัดงานกระตุ้นกำลังซื้อ จึงมีโอกาสสูงที่ในช่วงโค้งสุดท้ายจะผลักดันให้บริษัททำกำไรทั้งปี 2561 สูงระดับ 5 พันล้านบาทได้ตามที่ตลาดคาดหวังไว้
* ส่งท้ายด้วยหุ้น GPSC ในที่สุดดีลซื้อ GLOW ก็เดินหน้าต่อไปได้ หลังจากล่าสุดทาง กกพ.ได้มีมติเห็นชอบในหลักการให้ GPSC เข้าควบรวมกิจการกับ GLOW โดยมีเงื่อนไขและข้อกำหนดให้ GLOW ต้องขายกิจการของบริษัท โกลว์ เอสพีพี 1 จำกัด สำหรับจุดที่น่าคิดมากที่สุดในขณะนี้คือภาพรวมตลาดจะมีมุมมองต่อดีลนี้ (อีกครั้ง) ในแบบไหน ? เพราะถือเป็นเรื่องที่มีทั้งปัจจัยบวกกับปัจจัยเสี่ยงต่อ GPSC อยู่ในตัว และเช้าวันนี้ราคาหุ้นในกระดานจะให้คำตอบเบื้องต้นออกมาว่าภาพรวมตลาดได้เทน้ำหนักไปที่มุมมองไหน