พาราสาวะถี
เข้าสู่โหมดหยุดยาวรับเทศกาลส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่กันอีกหน ผู้คนเดินทางกลับภูมิลำเนาและท่องเที่ยวเป็นเรื่องปกติ แต่ที่ไม่ปกติคือการจราจรที่แออัด โดยเฉพาะเส้นทางสายอีสานและเหนือ ที่ตามมาทุกเทศกาลคือมาตรการลดอุบัติเหตุบนท้องถนน ปัญหาอยู่ที่คน ไม่ว่าจะเป็นวินัยในการใช้รถใช้ถนน และเป็นสิ่งที่รณรงค์กันมาหลายปีดีดักคือเมาแล้วขับ
อรชุน
เข้าสู่โหมดหยุดยาวรับเทศกาลส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่กันอีกหน ผู้คนเดินทางกลับภูมิลำเนาและท่องเที่ยวเป็นเรื่องปกติ แต่ที่ไม่ปกติคือการจราจรที่แออัด โดยเฉพาะเส้นทางสายอีสานและเหนือ ที่ตามมาทุกเทศกาลคือมาตรการลดอุบัติเหตุบนท้องถนน ปัญหาอยู่ที่คน ไม่ว่าจะเป็นวินัยในการใช้รถใช้ถนน และเป็นสิ่งที่รณรงค์กันมาหลายปีดีดักคือเมาแล้วขับ
จิตสำนึกเป็นเรื่องที่ต้องพึงสำเหนียก แต่จะสร้างขึ้นให้เกิดภายในช่วงเวลาแค่อึดใจยาก โดยเฉพาะคนไทยที่ถูกปลูกฝังค่านิยมทำอะไรตามใจคือไทยแท้ เป็นสิ่งที่ต้องใช้เวลา คนรุ่นปัจจุบันคงทำกันยาก ต้องไปฝากความหวังไว้กันคนรุ่นหลัง เด็กรุ่นใหม่ หัวใจสำคัญคือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องทำงานกันแข็งขันและจริงจัง ไม่ใช่เป็นไปแบบไฟไหม้ฟาง
อย่างไรก็ตาม เรื่องสำคัญยิ่งกว่าคือ ปีหน้าจะเป็นปีหมูทองหรือหมูหิวโซเหลือแต่กระดูก เพราะปีนี้คนที่ร่วมทีมเศรษฐกิจรัฐบาลยอมรับเอง คนจนจะอดตายกันอยู่แล้ว แนวทางที่วางไว้คงไม่ต้องหวังอะไรมาก ส่วนจะไปฝากความหวังกับรัฐบาลใหม่หลังการเลือกตั้ง ถ้ายังเป็นคนหน้าเดิมกลุ่มเดิม ที่เพิ่มเติมคือไม่มีดาบอาญาสิทธิ์ที่ชื่อม.44 นั่นหละที่จะทำให้ประชาชีเสียวสันหลัง ผลงาน 4 ปีกว่าที่ผ่านมาการันตีได้ด้วยภาวะรวยกระจุกจนกระจาย หรืออีกนัยคือคนจนทั้งประเทศจริง ๆ
จูงมือคณะใหญ่เข้าบ้านสี่เสาเทเวศร์เพื่ออวยพรปีใหม่ พลเอกเปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ สำหรับ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่ครานี้คงสบายเป็นที่สุดเพราะ “พี่ใหญ่” พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ ไม่ได้ติดภารกิจไปไหน ไม่ต้องให้ “ป๋า” มาถามหา จนตัวเองไม่รู้จะหาคำตอบอะไรมาอธิบายเพื่อไม่ให้ดูน่าเกลียด จนเกิดเป็นกระแสข่าวใครไม่เอาใครเหมือนที่ผ่านมา
น่าสนใจคำอวยพรจากป๋าส่งถึงบิ๊กตู่ “เห็นว่าแม้ฝ่ายค้านเห็นต่างก็เห็นต่างกันอย่างมิตร อย่าเห็นต่างเป็นศัตรูกัน ไม่เช่นนั้นก็ไม่มีประโยชน์ ขอให้นายกฯ จำคำนี้ไว้ว่า จะเห็นต่างกับฝ่ายค้านก็โอเค เพราะเห็นต่างกันอยู่แล้ว แต่ต้องเห็นต่างกันอย่างมิตร ผมอยากให้นายกฯ ทำเป็นตัวอย่างว่า ถึงผมเห็นต่างกับคุณ ผมก็เป็นเพื่อนกับคุณ คงจะทำให้ทุกอย่างราบรื่น ขอฝากนายกฯ อาจจะจำไปใช้ตามที่ผมพูดก็ได้ เพราะผมเคยใช้มาแล้วได้ผลดีมาก”
บอกไว้แล้วว่า ทุกจังหวะท่วงท่าและวาจาที่เปล่งออกมาของ “ป๋า” หากจับสัญญาณตั้งแต่ก่อนเข้าพบเป็นสิ่งที่จะมีนัยความหมายในทางการเมืองทั้งสิ้น สิ่งที่แสดงความห่วงใยผ่านหัวหน้าเผด็จการไม่ใช่แค่คิดตอนนั้นและพูดตรงนั้นทันที แต่ผ่านการจับตาดูความเคลื่อนไหวของท่านผู้นำผู้มีอำนาจเบ็ดเสร็จเด็ดขาดมาโดยตลอด จึงทำให้เห็นความบกพร่อง ผิดพลาด หรือจะบอกว่าเป็นนิสัยที่จะต้องปรับปรุงของบิ๊กตู่อย่างเด่นชัด
วันนี้ ผู้ที่จะเปลี่ยนสถานะจากกรรมการไปเป็นผู้เล่น แต่ยังมองคนเห็นต่างเป็นศัตรูคงยากที่จะกลับเข้าสู่อำนาจได้สะดวกโยธิน และนั่นเป็นสิ่งที่ “ป๋า” บอกว่าห่วงใยสถานการณ์หลังเลือกตั้ง ต้องไม่ลืมว่าหลังรัฐประหารทุกครั้งแล้วตามมาด้วยการสืบทอดอำนาจ ประวัติศาสตร์ไม่เคยโกหกมักจะจบด้วยการลุกฮือและนองเลือด เพราะประชาชนรับไม่ได้ไม่ว่าจะอ้างเหตุผลเสียสัตย์เพื่อชาติหรืออย่างไรก็ตาม
หนนี้ก็เช่นกัน อาจแตกต่างไปบ้างด้วยว่ามีการวางแผนอย่างเป็นขบวนการตั้งแต่การเขียนกฎหมาย จนกระทั่งมาถึงการตั้งพรรคการเมืองของตัวเอง แล้วก็จะมีเสนอเป็นแคนดิเดตนายกฯ เพื่อให้ประชาชนเลือก หรืออีกนัยคือการฟอกขาวให้เผด็จการ แต่คำถามสำคัญ คือ คิดว่ากระบวนการที่ขับเคลื่อนกันมานั้นจะเรียบร้อยราบรื่นอย่างนั้นหรือ
แน่นอน มีนักการเมืองและพรรคการเมืองที่พร้อมจะสยบยอมให้หัวหน้าเผด็จการเหยียบหัวขึ้นไปเถลิงอำนาจอันหอมหวาน แต่ก็ยังนักการเมืองและพรรคการเมืองอีกจำนวนไม่น้อยที่ไม่ได้คิดเช่นนั้น ในฐานะผู้ที่เคยผ่านการศึกว่าด้วยการแย่งชิงเก้าอี้เมื่อปี 2526 มาแล้ว แม้บริบทของสังคมจะแตกต่างกันอย่างลิบลับ แต่กลิ่นอายของความขัดแย้งที่โชยแตะจมูกของ “ป๋า” ย่อมไม่ธรรมดา
ขึ้นชื่อว่าสืบทอดอำนาจ แม้จะมีการแผ้วถางทางไว้อย่างเรียบร้อย แต่หนทางสำหรับเผด็จการที่จำแลงมาในคราบของนักประชาธิปไตยนั้นไม่มีวันที่จะโรยด้วยกลีบกุหลาบแน่นอน คงต้องลุ้นกันว่าลางสังหรณ์ของพลเอกเปรมนั้นจะเป็นจริงหรือไม่ แต่หลังจากหยุดยาวแล้ว ไม่กี่วันน่าจะมีพระราชกฤษฎีกาให้มีการเลือกตั้ง ส.ส.ออกมา ซึ่งนั่นจะเป็นแรงกดดันไปยัง 4 รัฐมนตรีของพรรคพลังประชารัฐว่าจะตัดสินใจลาออกหรือไม่ อย่างไร
หากมองถึงเงื่อนเวลาที่ทั้ง 4 คนจะแสดงสปิริตตามที่กล่าวอ้าง คงไม่เหลือช่วงไหนอีกแล้ว ไม่ว่าจะเป็นหลังกฎหมายว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.ประกาศในราชกิจจานุเบกษา หลังกฎหมายดังกล่าวบังคับใช้หรือหลังการปลดล็อกทางการเมือง ถ้ายังไม่ขยับโดยอ้างสารพัดเหตุผล ตรงนี้ก็จะเป็นอีกปัจจัยที่ถูกนำไปขยายผลในฐานะรัฐบาลอำนาจเต็มและเป็นเผด็จการว่า เอาเปรียบคู่แข่งทุกประตูจนวินาทีสุดท้าย
การเมืองหลังปีใหม่ อย่างไรเสียต้องเข้มข้นมันหยดติ๋งแน่นอน เพราะดูแนวโน้มของการสาดโคลนแม้แต่พรรคของเผด็จการที่อ้างว่าไม่ตอบโต้ใคร ไม่ต้องการสร้างความขัดแย้ง แต่สิ่งที่กระบอกเสียงของพรรคและแกนนำแสดงออกมันสวนทางกันอย่างสิ้นเชิง ดังนั้น เมื่อฝ่ายที่เกาะกุมอำนาจหลิ่วตาปล่อยให้ลิ่วล้อเล่นเกมการแบบนี้ไม่มีวันที่ฝ่ายการเมืองอื่นจะปล่อยผ่านหรือวางตัวเฉย โดยเฉพาะ 2 พรรคใหญ่ น่าสนใจเป็นที่สุดคือพรรค (ที่เคยเป็นหรือยังเป็น) พวกเดียวกันอย่างประชาธิปัตย์ ท่าทีระยะหลังหนักหน่วงรุนแรงใช่ย่อย
ไม่มีอะไรให้ต้องลุ้นเพราะต้องเป็นไปตามนั้น ป.ป.ช.มีมติ 5 ต่อ 3 ตีตกการครอบครองนาฬิกาหรูของบิ๊กป้อม ที่ไม่ปรากฏในบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินต่อ ป.ป.ช. โดยที่ประชุมเห็นว่าพลเอกประวิตรไม่ได้แสดงทรัพย์สินอันเป็นเท็จ เพราะพบเอกสารหลักฐาน 21 จาก 22 เรือนว่าเป็นของ ปัฐวาท สุขศรีวงศ์ จึงให้ตีตกเรื่องดังกล่าวไป เนื่องจากไม่มีมูลเพียงพอ สรุปแล้วเป็นไปตามคาด ป.ป.ช.เชื่อโดยสนิทใจมาตั้งแต่ต้นนาฬิกาเพื่อนแหวนแม่ แค่ประวิงเวลาเพื่อให้ทุกอย่างมีความน่าเชื่อถือเท่านั้น