พาราสาวะถีอรชุน

ถามหาประชาธิปไตยจากคนไทยโดยเฉพาะกลุ่มคนดีว่ากันว่าจะมีคำตอบร้อยแปดพันประการ ขนาดถึงขั้นที่ว่าหนึ่งเสียงของคนไม่เท่ากัน ก็สรรหามาสร้างวาทกรรมแบ่งชนชั้นกันแล้ว จึงไม่แปลกที่ประธานกรรมาธิการร่างรัฐธรรมนูญอย่าง บวรศักดิ์ อุวรรณโณ จะหลุดปากพูดเรื่องชนชั้นของม็อบมีเส้นกับม็อบคนเสื้อแดงแบบลืมกำพืดตัวเองว่ากำลังทำหน้าที่อะไรอยู่


ถามหาประชาธิปไตยจากคนไทยโดยเฉพาะกลุ่มคนดีว่ากันว่าจะมีคำตอบร้อยแปดพันประการ ขนาดถึงขั้นที่ว่าหนึ่งเสียงของคนไม่เท่ากัน ก็สรรหามาสร้างวาทกรรมแบ่งชนชั้นกันแล้ว จึงไม่แปลกที่ประธานกรรมาธิการร่างรัฐธรรมนูญอย่าง บวรศักดิ์ อุวรรณโณ จะหลุดปากพูดเรื่องชนชั้นของม็อบมีเส้นกับม็อบคนเสื้อแดงแบบลืมกำพืดตัวเองว่ากำลังทำหน้าที่อะไรอยู่

เป็นไปตามที่บอกไว้วันวาน มีคนไปถามดอกเตอร์ปื๊ดปมดูหมิ่นคนเสื้อแดงคำตอบที่ได้รับคือ มีการเข้าใจผิด ตีความหมายเพี้ยนทั้งๆ ที่ไม่ได้ต้องการสื่ออย่างนั้น พร้อมกับเล่นลิ้นตามสไตล์เนติบริกรขออโหสิกรรมต่อความเข้าใจที่ผิดพลาด แต่ไม่วายโต้กลับ จตุพร พรหมพันธุ์ ประธานนปช.ที่เรียกร้องให้ออกมาขอโทษว่าเป็นการพูดเองเออเองเพื่อหวังผลทางการเมือง

แต่งานนี้คงกลายเป็นหนังเรื่องยาว เพราะบวรศักดิ์ดันไปพูดถึงบุพการีของตุ๊ดตู่ในทำนองว่าพ่อแม่สอนมาดี แต่ตัวจตุพรจะดีหรือไม่ดีก็อยู่ที่ตัวจตุพร ไม่ได้อยู่ที่พ่อแม่ เพราะพ่อแม่ทุกคนเชื่อว่าต้องให้การศึกษาอบรมกับลูก รับรองว่าหลังจากนี้น่าจะร้อนฉ่ากันทีเดียวเพราะฝ่ายประธานนปช.ก็ออกมาอัดประธานร่างรัฐธรรมนูญรายวันอยู่แล้ว

อย่างไรก็ตาม เมื่อการร่างกติกาของบ้านนี้เมืองนี้มีปัญหา คงต้องฝากผู้มีอำนาจไปดูข้อมูลที่เว็บไซต์ประชาไท ซึ่งวันก่อนนำผลศึกษาความเป็นประชาธิปไตยของลิงบาบูนมานำเสนอ เป็นเรื่องที่น่าประหลาดใจ สัตว์หน้าขนแท้ๆ ทำไมถึงเข้าใจกระบวนการของคำว่าประชาธิปไตย แต่คนผู้ได้ชื่อว่าสัตว์ประเสริฐกลับทุ่มเถียงกันเรื่องประชาธิปไตย

ตามรายงานของสถาบันวิจัยเขตร้อนสมิธโซเนียน หรือ STRI รายงานผลการสำรวจพฤติกรรมลิงบาบูนพบว่า ถึงแม้ลักษณะทางสังคมของกลุ่มลิงบาบูนจะมีการแบ่งลำดับชั้นทางสังคม แต่ก็มีการลงคะแนนเสียงกันเวลาที่ต้องการตัดสินใจเคลื่อนย้ายฝูงในแต่ละวัน แม้ลิงบาบูนจะมีผู้นำฝูงเป็นตัวผู้ที่ตัวใหญ่ที่สุดแต่มันก็ไม่มีอิทธิพลจะสั่งว่าฝูงลิงควรเคลื่อนย้ายไปที่ใด

จากการสังเกตการณ์ของนักวิจัยทำให้ทราบว่าลิงเหล่านี้มีการลงคะแนนเสียงโดยที่ทุกตัวสามารถร่วมโหวตได้ งานวิจัยนี้ทำให้เห็นว่าแม้แต่ในกลุ่มสังคมที่ซับซ้อนก็อาจจะมีวิธีการจัดการลดความขัดแย้งได้ด้วยหลักการความเสมอภาค ซึ่งเป็นข้อดีที่ได้รับมาจากการวิวัฒนาการ

นอกจากนั้น ยังมีการวิเคราะห์คำนวณข้อมูลเพื่อหารูปแบบพฤติกรรม ซึ่งแสดงให้เห็นว่าพวกลิงบาบูนจะเดินทางไปเป็นฝูงและทำกิจกรรมร่วมกันโดยที่อาจจะมีลิงบางตัวต้องการให้ฝูงของตนเดินทางไปในทิศทางอื่นและทำให้ลิงตัวอื่นๆ พากันเดินตามมากขึ้นเรื่อยๆ โดยที่ไม่จำเป็นว่าลิงตัวนั้นจะต้องเป็นลิงจ่าฝูงหรือลิงอาวุโส ในบางกรณีลิงที่เดินพาฝูงไปทางอื่นแต่ไม่มีตัวอื่นเดินตามก็จะย้อนกลับมาเข้าฝูงเหมือนเดิม

งานวิจัยระบุอีกว่าในกรณีที่กลุ่มลิงเริ่มเดินแยกออกไปในทิศทางที่ต่างกันมากขึ้นเรื่อยๆ ก็จะมีการพยายามเดินแบบประนีประนอมอยู่กลางๆ ระหว่างทั้งสองฝ่ายที่แยกกัน เว้นแต่ถ้าทิศทางของลิงฝ่ายต่างๆ ออกห่างกันมากเกินไป ในท้ายที่สุดลิงทุกตัวก็จะเดินตามฝูงของฝ่ายที่มีจำนวนมากกว่าเสมอซึ่งเป็นลักษณะของการลงคะแนนเสียงอยู่กลายๆ

อย่างไรก็ตาม ทีมนักวิจัยดังกล่าว กำลังพยายามวิเคราะห์แบบแผนพฤติกรรมของลิงบาบูนให้ละเอียดกว่าเดิม เช่น การดูบริบทว่าอะไรที่เป็นแรงจูงใจให้ลิงบาบูนเดินออกจากฝูง หรือมีวิธีการที่ลิงบาบูนชิงเอาเปรียบสถานการณ์เพื่อส่งอิทธิพลต่อการตัดสินใจของตัวอื่นๆ ในกลุ่มหรือไม่ นี่คือตัวอย่างของประชาธิปไตยที่น่าสนใจซึ่งผู้ยกร่างกฎหมายสูงสุดของประเทศนี้ควรศึกษา จะได้ไม่ถูกตราหน้าว่า “อายลิง” มัน

นอกเหนือจากเรื่องลิงแล้ว การที่ 36 มหาปราชญ์อุตส่าห์ข้ามน้ำข้ามทะเลไปดูแบบอย่างประชาธิปไตยในเยอรมันและศึกษารูปแบบของประเทศที่พัฒนาแล้ว สรัล มารู ผู้ช่วยนักวิชาการปฏิรูปกฎหมาย สำนักงานคณะกรรมการปฏิรูปกฎหมาย ก็ได้ไปศึกษารัฐธรรมนูญของประเทศเพื่อนบ้านอย่างลาวเอามาเปรียบเทียบกับสิ่งที่คณะกรรมาธิการยกร่างฯ กำลังทำกันอยู่

สรัลเลือกถอดรัฐธรรมนูญราวใน 7 มาตราที่เกี่ยวข้องกับระบอบการเมือง ได้บทสรุปว่า รัฐธรรมนูญลาวให้ความสำคัญกับประชาชนลาวทุกชนเผ่า ซึ่งเห็นได้จากในมาตรา 1 ที่รับรองไว้ว่า สปป.ลาวเป็นประเทศเอกราชของทุกชนเผ่า ย่อมหมายความว่ารัฐธรรมนูญได้ให้ความสำคัญกับประชาชนของลาวในทุกชนเผ่าเสมอกัน

ขณะที่รัฐธรรมนูญลาวในมาตรา 2 ได้ให้ความสำคัญกับระบอบประชาธิปไตยประชาชน โดยให้ความสำคัญกับประชาชนทุกชนชั้น ซึ่งเห็นได้จากมีการกล่าวถึง“กรรมกร” “กสิกร” และ “ปัญญาชน” ที่สำคัญในมาตรานี้ได้รับอิทธิพลในทางความคิดของระบอบประชาธิปไตยตามวาทะของอับราฮัม ลินคอล์น ที่ว่า “ประชาธิปไตยคือระบอบการปกครองของประชาชน โดยประชาชน และเพื่อประชาชน”

นี่ต่างหากคือหัวใจสำคัญ ไม่ว่าจะยากดีมีจนหากได้รับการคุ้มครองสิทธิเสรีภาพที่เสมอภาคกัน ไม่ว่าจะถูกเรียกประชาชนหรือพลเมืองทุกคนทุกฝ่ายก็ถือได้ว่าเท่าเทียมกัน แต่สิ่งที่ทำกันอยู่ยิ่งบวรศักดิ์มาเผยถึงธาตุแท้จากเรื่องก๋วยจั๊บ คั่วกลิ้ง และเงิน 300 บาท เลยทำให้เห็นว่า หาได้เป็นการลดความเหลื่อมล้ำในหมู่ประชาชนแต่จะยิ่งทำให้เกิดความเหลื่อมล้ำมากขึ้นไปอีก

จะว่าไปแล้วทั้งหมดทั้งมวลเป็นผลมาจากการวางอคติที่มีต่อระบอบทักษิณไม่ลง ยังคงร่างกฎกติกาโดยหมกหมุ่นอยู่กับคำว่าคนดีแล้วยัดเยียดความชั่วความเลวให้คนอีกกลุ่ม เมื่อทำได้เท่านี้ทุกอย่างจึงหนีไม่พ้นแค่เปลี่ยนระเบียบข้อบังคับให้อำนาจอีกกลุ่มเข้ามา แต่ไม่สามารถสร้างกลไกที่จะทำให้อำนาจที่เข้ามาบริหารประเทศโดยสุจริต โปร่งใสได้ สุดท้ายจึงกลายเป็นแค่เปลี่ยนกติกาให้อีกพวกเข้ามาสวาปามเหมือนเดิมหรืออาจจะหนักข้อกว่าเดิมเสียด้วยซ้ำไป

 

Back to top button