กองทุนมองหุ้นลูบคมตลาดทุน

เคยเขียนเกี่ยวกับมุมมองของนักลงทุนรายใหญ่ต่อตลาดหุ้น และคำแนะนำต่างๆ มา 2 ครั้ง


ธนะชัย ณ นคร

 

เคยเขียนเกี่ยวกับมุมมองของนักลงทุนรายใหญ่ต่อตลาดหุ้น และคำแนะนำต่างๆ มา 2 ครั้ง

ปรากฏว่า มียอดคนเข้ามาอ่านจำนวนมาก อย่างใน kaohoon online หรือ www.kaohoon.com มีจำนวนอ่านกว่า 1 หมื่นวิวเกือบทั้ง 2 ครั้ง

เข้าใจว่านักลงทุนพยายามหา Role Model

ยิ่งในสถานการณ์ตลาดหุ้นเป็นแบบปัจจุบัน หาทิศทางไม่ได้ ยิ่งอยากดูว่า คนที่เขาประสบความสำเร็จ หรือเป็นนักลงทุนรายใหญ่ เขาคิด เขาทำกันยังไง

เชื่อว่าคงไม่ได้ลอกแบบนักลงทุนที่ประสบความสำเร็จมาทั้งหมด

ทว่าอาจต้องนำไปปรับเพื่อให้เข้ากับบุคลิกการลงทุน และประสบการณ์ของเรา ขึ้นอยู่กับเทคนิคของแต่ละคน

ส่วนวันนี้ เราลองมาดูกันว่า แล้วนักลงทุนสถาบัน โดยเฉพาะพวกกองทุนต่างๆ เขามีมุมมองกันอย่างไร และมีวิธีการบริหารพอร์ตแบบใดในช่วงที่ตลาดหุ้นไปแบบไร้ทิศทาง

วานนี้ ตลาดหลักทรัพย์ฯ จัดงานเสวนาหัวข้อน่าสนใจ

มุมมองของกองทุนต่อตลาดหุ้นในไตรมาส 3/2558

คนที่มาเสวนาเป็นระดับ กรรมการผู้จัดการ และซีอีโอ ของบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) แต่ละแห่ง

ปกติแล้วการลงทุนของกองทุนเขาจะมีหลักการเยอะมาก ทั้งวางโมเดล ดีดลูกคิด และแต่ละกองทุนก็มีเงื่อนไขการลงทุนที่แตกต่างกันไปอีก

สรุปว่า กว่าจะลงทุนหุ้นแต่ละตัวได้ เขาคัดแล้วคัดอีก

ไม่ใช่ว่าจะซื้อหุ้นอะไรก็ได้

ดร.วิน อุดมรัชตวนิชย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บลจ.วรรณ จัดเป็นคนหนุ่ม เคยเป็นผู้บริหารของกองทุนต่างประเทศขนาดใหญ่อย่างที่ฮ่องกงมาแล้ว

มุมมองของผู้จัดการกองทุนคนนี้ต่อหุ้นไทยในช่วงนี้ไม่ดีนัก

ปัจจัยลบรุมเร้า

ส่วนช่วงไตรมาส 3 น่าจะดีขึ้น และปลายปีดัชนีมีโอกาสแตะ 1,600-1,650 จุด

ส่วนคำแนะนำให้ลงทุนในหุ้นไทยซัก 20-30% หุ้นต่างประเทศ 30-40% ซึ่งการลงทุนแบบหลังน่าจะเป็นการให้ลงทุนกับกองทุนหุ้นต่างประเทศที่ บลจ.หลายแห่งกำลังออกมาอย่างมากในช่วงนี้

หุ้นต่างประเทศที่แนะนำก็เช่น จีน และญี่ปุ่น

คุณต่อ อินทวิวัฒน์ ซิอีโอ บลจ.แมนูไลฟ์ มือเก๋าวงการกองทุนของไทย

เขาแนะนำเช่นกันว่า ไม่ควรเลือกเฉพาะการลงทุนในหุ้นไทย และให้กระจายพอร์ตไปยังต่างประเทศด้วย

นั่นเพราะทิศทางเศรษฐกิจไทยไม่ดีนัก

ตลาดหุ้นที่แนะนำยังคงอยู่ในเอเชียครับ แต่ไม่ในกลุ่มอาเซียน

ส่วนกลุ่มที่แนะนำเป็นกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ ท่องเที่ยว แต่เขาก็แนะนำนะว่า ให้มองแบบยาวๆ ดังนั้น หากใครเล่นสั้น ก็ไปดูหุ้นตัวอื่น

มาถึง คุณธีรนาถ รุจิเมธาภาส กรรมการผู้จัดการ ของบลจ.ทิสโก้

คนนี้ก็เป็นมือเก๋าอีกเช่นกัน

ที่ผ่านมา บลจ.ทิสโก้ เป็นผู้นำในการออกทริกเกอร์ ฟันด์ โดยเฉพาะทริกเกอร์ฯ ต่างประเทศ

คุณธีรนาถ มองว่า ตลาดหุ้นไทยช่วงนี้มี “อัพไซด์จำกัด” ครับ

หากดูตัวเลขหรือดัชนีจาก 1 ปีที่ผ่านมา จนถึงปัจจุบัน ตลาดหุ้นไทยขึ้นมาแค่ 2% เอง

คำแนะนำก็เหมือนสองคนแรก ให้กระจายการลงทุนไปยังตลาดต่างประเทศ

สัดส่วนก็เป็นแบบนี้ คือ ลงทุนในหุ้นไทยซัก 46% หุ้นต่างประเทศ 50% และอื่นๆ อีก 4% ตลาดต่างประเทศที่แนะนำ คือ เยอรมันจีน และญี่ปุ่น

ประเทศเหล่านี้ ส่วนใหญ่ บลจ.ทิสโก้ เขาไปออกกองทุนไว้

มาดูในมุมมองและคำแนะนำของกองทุนจากต่างประเทศกันบ้าง นั่นก็คือ บลจ.อเบอร์ดีน

คุณพงษ์พิเชษฐ์ นานานุกูล ซึ่งเป็นกรรมการผู้จัดการ แนะนำให้ดักเก็บหุ้นในกลุ่มท่องเที่ยวที่ปรับลงมาช่วงนี้ เพราะมองปัจจัยลบที่เข้ามาเป็นแค่ระยะสั้น

กล่าวง่ายๆ คือ ตื่นตัวได้แต่อย่าตื่นตูม

ส่วนหุ้นไทยช่วงปลายปี ก็น่าจะดีขึ้นจากแผนกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล

ดัชนีปลายปี 1,650 จุด

เท่าที่ฟังๆ ดูเหมือนบรรดาผู้จัดการกองทุนจะมีมุมมองที่คล้ายกับนักลงทุนรายใหญ่ เช่น การแนะนำให้ลงทุนระยะปานกลางถึงระยะยาวในหุ้นบางกลุ่มและบางตัว

ส่วนใครที่เล่นสั้น ก็ wait and seeไว้ก่อน

 

 

 

Back to top button