ดันแล้วทุบ

*ดูเหมือนความมั่นใจของนักลงทุนจะล้นปรี่แบบสุด ๆ ช่วงนี้ถึงเห็นนักลงทุนกลุ่มต่าง ๆ สลับกันเข้ามาไล่ราคาหุ้นอย่างเมามัน พร้อมกับเกิดมโนภาพชุดใหญ่ออกตลอดเวลาว่า หนทางโรยด้วยกลีบกุหลาบ “โมนิก้า” มองเป็นโมเมนต์ที่นักเล่นคล้อยตามกันไปได้ แต่ต้องเผื่อใจให้กับเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันเอาไว้ด้วย หลังยุทธการของการเข้าทำเที่ยวนี้เป็นแบบหน่วยจู่โจมนะซี


เจาะกระดาน : โมนิก้าและทีมงาน

*ดูเหมือนความมั่นใจของนักลงทุนจะล้นปรี่แบบสุด ๆ ช่วงนี้ถึงเห็นนักลงทุนกลุ่มต่าง ๆ สลับกันเข้ามาไล่ราคาหุ้นอย่างเมามัน พร้อมกับเกิดมโนภาพชุดใหญ่ออกตลอดเวลาว่า หนทางโรยด้วยกลีบกุหลาบ “โมนิก้า” มองเป็นโมเมนต์ที่นักเล่นคล้อยตามกันไปได้ แต่ต้องเผื่อใจให้กับเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันเอาไว้ด้วย หลังยุทธการของการเข้าทำเที่ยวนี้เป็นแบบหน่วยจู่โจมนะซี

*เมื่อปัจจัยหลายอย่างเอื้อให้นักเล่นเดินหน้าใส่ไม่ยั้ง “โมนิก้า” ขอแนะนำให้แฟนคลับเซ็ตเกมบุกแบบเต็มตัว ไม่มีอะไรต้องอิดออดอีกต่อไป เพราะเห็นกันอย่างทนโท่ว่า หุ้นบลูชิพกลับมามีบทบาทมากขึ้นเป็นกอง ซึ่งเป็นการมาแบบจัดเต็มในบางจังหวะ พร้อมกับเบียดซีนหุ้นนอกกระแสในทันทีแบบนี้..หากคิดจะเล่นจริง ๆ ต้องรีบกระโจนเข้าใส่ เพราะเขายึดยุทธวิธี “ดันแล้วทุบ” เจ้าค่ะ

*นอกจากนี้ต้องไม่ลืมว่า ทุกครั้งที่ย่างเข้าสู่ศักราชใหม่มักมีเรื่องดี ๆ ให้ชื่นใจได้ตลอดเวลานั้น “โมนิก้า” มองเป็นสถานการณ์จริงที่เกิดขึ้นเป็นประจำ โดยเฉพาะในยามที่ตลาดหุ้นซึมซับข่าวร้ายไปอย่างเต็มที่ และกำลังถูกแทนที่ด้วยข่าวดีชุดใหม่เข้ามาเป็นระลอก มันเป็นจังหวะที่ผู้เล่นใจกล้าต้องใส่กันให้เต็มที่ เดี๊ยนถึงขอย้ำหัวหมุดตัวเดิมอีกครั้งว่า การลงทุนที่ดีต้องรู้จักยืดหยุ่นในบางครั้งนะคะ

*ที่สำคัญต้องไม่ลืมว่า วันนี้เราซื้อหุ้น ไม่ได้ซื้อดัชนี การขึ้นลงของดัชนีเป็นเพียงตัวนำทางที่บอกคร่าว ๆ ให้รู้ว่า กลุ่มผู้เล่นก๊วนไหนมีอิทธิพลต่อตลาดหุ้น และการที่ดัชนีวิ่งขึ้นไปถึง 1,575.72 จุด ก่อนจะโรยตัวลงมาปิดที่ 1,565.94 จุด บวกไป 2.06 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 3.16 หมื่นล้านบาท น่าจะเป็นข้อมูลที่นักเล่นควรมีไว้ประกอบการลงทุน แต่ไม่ใช่ตัวชี้ขาดในการเคาะซื้อหุ้นแต่ละตัว เพราะหุ้นถูกแบ่งแยกด้วยสตอรี่ที่ต่างกันแบบเบ็ดเสร็จเด็ดขาดนะจะบอกให้

*ด้วยเหตุนี้ถึงเห็นหุ้น CPALL เริ่มแสดงอาการผงกหัวขึ้นก่อนทะยานขึ้นมาปิดที่ 70.25 บาท บวกไป 1.50 บาท หรือขึ้นไป 2.18% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 2.29 พันล้านบาท พร้อมกับยึดหัวหาดอันดับ 1 บนกระดาน most active “โมนิก้า” มองเป็นห้วงของเวลาเข้าทำแบบไม่ต้องคิดอะไรมาก..ถ้ายังจำกันได้เลา ๆ เมื่อต้นปีก่อนหุ้นก็พุ่งกระฉูดแบบนี้ พอถึงไตรมาส 2 กลับมีอาการแผ่วลงจนน่ากลัว มันเข้าคอนเซปต์ที่น้องโมจั่วหัวไหมล่ะคะ

*ประเด็นตรงนี้คล้ายคลึงกับ BCH ทุกประการ เพราะไม่มีประเด็นไหนที่พอจะปลุกเร้าให้หุ้นฟื้นคืนชีพอย่างเป็นรูปธรรม ยกเว้นประเด็นกำไรต้องโตเพื่อทำให้ค่าพี/อีลดลงมาในระดับเหมาะสม และดูเหมือนเรื่องนี้จะทำให้พวกขาลุยเกิดอาการลังเลขึ้นมาพอดี จึงพากันทิ้งหุ้นแบบไม่คิดชีวิต 4 วันติด วานนี้ถึงเห็นหุ้นปิดที่ 16.20 บาท ลบไป 0.50 บาท หรือลงไป 3% ด้วยมูลค่าซื้อขาย 500 ล้านบาท พร้อมกับทำ new low ในรอบ 5 เดือน มันมองเป็นเรื่องอื่นไม่ได้จริง ๆ จ๊ะ

*เช่นเดียวกับในรายของ BJC ทำท่าทำทางกระชากขึ้นพรวดพราดตลอดปี 2561 แต่ไม่เคยมีครั้งไหนยืนหยัดเหนือ 60 บาทได้สักที “โมนิก้า” ถึงมองเป็นเกมร้อนของนักเล่นที่ชอบความเสี่ยงเป็นชีวิตจิตใจ เพราะตัวเดินเรื่องมาจากกำไรที่ทำได้ในแต่ละงวด และมีแนวรับสำคัญที่บริเวณ 49 บาทเป็นจุดวัดใจครั้งที่ 3 เดี๊ยนถึงอยากให้นักเล่นมองราคาปิดที่ 49.50 บาท ลบไป 1.25 บาท หรือลงไป 2.45% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 506 ล้านบาท น่าสนจริงไหมเอ่ย ?

*เหมือนกับในรายของ EA ทุกคนรับรู้กันอย่างกว้างขวางว่า “ผลงานดี อนาคตแจ่ม” แต่หุ้นยังวิ่งไม่พ้น 50 บาทสักที มันทำให้น้องโมต้องกลับมาทบทวนอะไรหลายอย่าง และสุดท้ายก็ได้ข้อสรุปที่เป็นเอกฉันท์ว่า บางทีหุ้นต้องรอฤกษ์ยามที่เหมาะสมด้วยเช่นกัน ! การขึ้นมาปิดที่ 42.75 บาท บวกไป 0.25  ด้วยมูลค่า  513 ล้านบาท แถมเป็นการซื้อขายบน P/E 31 เท่า มันทำให้เดี๊ยนเชื่อว่า คงต้องรอฤกษ์ยามดีในการรับรู้กำไรเพิ่มจริง ๆ เจ้าค่ะ

*ผิดกับในรายของ GULF อย่างสิ้นเชิง เพราะรายนี้มีทั้ง “บุญพาวาสนาส่ง” ทุกอย่างเลยดูสวยหรูไปหมด ล่าสุดเห็นหุ้นวิ่งขึ้นมาปิดที่ 83.50 บาท บวกไป 2  บาท หรือขึ้นไป 2.45%  ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 1.43 พันล้านบาท พร้อมกับทำ all time high หลังจากเข้าตลาดหุ้นได้ 1 ปี 1 เดือน  “โมนิก้า” มองเป็นเรื่องของสังคมชาวหุ้นที่ให้แวลูหุ้นตัวนี้เยอะมาก ๆ หลังวานนี้ขยับขึ้นมาเทรดบนค่า P/E 50 เท่า หรือจะให้มากกว่านั้น..เอาที่สบายใจแล้วกัน..อิอิอิ

*ย้อนกลับมาดูดาวดับอย่างหุ้น ACAP โดนทุบแล้วทุบอีกจนน่วมไปหมดทั้งตัว ก็ยังไม่มีวี่แววจะผ่อนแรงทุบหุ้นลงเลยแบบนี้ “โมนิก้า” มองเป็นเรื่องค่อนข้างน่ากลัวเป็นอย่างยิ่ง เพราะการทิ้งหุ้นแบบไม่มีเยื่อใยมันตีความได้สถานเดียวว่า ไม่เห็นโอกาสที่บริษัทจะกลับมาทำกำไรแบบถล่มทลาย หุ้นถึงทรุดตัวลงมาปิดที่ 2.60 บาท ลบไป 0.14 บาท หรือลงไป 5%  พร้อมกับทำ new low ในรอบ 5 ปี 3 เดือน แสดงว่า ไม่มีคนเอาจริง ๆ นะคะ

 

Back to top button