สังคมข่าวหุ้น
* ตลาดหุ้นไทยล่าสุดปิดการซื้อขายที่ระดับ 1,565.94 จุด ปรับเพิ่มขึ้น 2.06 จุด มูลค่าการซื้อขายรวม 3.1 หมื่นล้านบาท
นิวส์เวฟ
* ตลาดหุ้นไทยล่าสุดปิดการซื้อขายที่ระดับ 1,565.94 จุด ปรับเพิ่มขึ้น 2.06 จุด มูลค่าการซื้อขายรวม 3.1 หมื่นล้านบาท
* ประเดิมตลาดหุ้นไทยวันแรกเหมือนจะดีแต่สุดท้ายจบลงด้วยฉากเดิม ๆ โดยช่วงภาคบ่าย SET ทยอยไหลรูดลงเรื่อย ๆ ตามแรงกดดันของกลุ่มหุ้นพลังงาน ยังดีที่ PTT ปิดบวกเล็กน้อยไว้ได้ รวมถึง GULF ทำราคาเพิ่มขึ้นไปกว่า 2% ฉลองเข้า SET50 วันแรก และ CPALL ที่มีแรงซื้อเข้ามาแน่นจนทำราคาปิดบวกที่ 70 บาท
* หุ้นกลุ่มโรงพยาบาลยังเจอประเด็นลบกรณีกระแสข่าวการเข้าควบคุมค่ารักษาพยาบาลปั่นป่วนไม่เลิก โดยเฉพาะรายของ BCH เมื่อวานทรุดหนักไปเกือบ 3% รวมในรอบ 4-5 วันทำกำไร ราคาดิ่งลงไปแล้วประมาณ 13-14% เอาจริง ๆ แล้ว ประเด็นเรื่องคุมเข้มค่ารักษาพยาบาลไม่ได้ถือเป็นเรื่องใหม่อะไรเลยนะ แต่นี่คือประเด็นที่มักเข้ามาเขย่าขวัญหุ้นโรงพยาบาลเรื่อย ๆ ในทุกช่วงรอบปี และสุดท้ายก็ไม่ได้มีผลบังคับใช้จริงจังสักที จึงถือเป็นกดดันในเชิงจิตวิทยามากกว่าทางพื้นฐาน
* ถ้าว่ากันไปตามข้อเท็จจริงหากเกิดการคุมเข้มขึ้นมาจริงเอฟเฟกต์กดดันน่าจะออกมาในเชิงการคุมเพดานปรับขึ้นราคามากกว่า ดังนั้น หากอิงภายใต้พื้นฐานปัจจุบันและศักยภาพทำกำไรของแต่บริษัท นั่นหมายความว่า โอกาสเติบโตหุ้นโรงพยาบาลยังคงมีอยู่ต่อเนื่องและไม่ได้สิ้นสุดลงภายในเร็ว ๆ นี้ อย่างที่หลายฝ่ายวิตกกังวลไว้ โดยในที่นี้ขอยกกรณีตัว BCH เป็นหลักแล้วกัน (หุ้นโรงพยาบาลตัวอื่นขอยกไว้พูดในโอกาสหน้า) เนื่องจากถูกสาดขายออกมาหนักจนราคาหุ้นเข้าเขตแดน “ขายมากเกินไป”
* สำหรับ BCH พัฒนาการเติบโตของบริษัทส่วนใหญ่แล้วเป็นผลมาจากศักยภาพการคุมต้นทุนและการลงทุนใหญ่ในโรงพยาบาล World medical center (WMC) ได้เริ่มผลิดอกออกผล ขานรับจำนวนคนเข้ามาใช้บริการมากขึ้นจนเริ่มถึงจุดคุ้มทุนและทำกำไรได้ บวกกับลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการเป็นลูกค้าที่มีกำลังซื้อสูง (โดยเฉพาะลูกค้าต่างชาติ) มาร์จิ้นตรงนี้จึงสูงขึ้นตามเป็นเงา และผลักดันอัตราทำกำไรสุทธิงวด 9 เดือนแรกอยู่เหนือระดับ 13% สูงสุดในรอบ 5 ปีด้วยซ้ำไป ดังนั้น เมื่อพื้นฐานไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลง รวมถึงงบปี 2561 มีโอกาสฟันกำไรนิวไฮระดับ 1 พันล้านบาท (ตามที่โบรกฯ คาดไว้) จึงถือเป็นโอกาสดีที่จะเข้าเก็บหุ้นเพื่อรับการฟื้นตัวหรือรอเล่นรับงบเติบโตสูงทั้งปี 2561-2562 ซึ่งนี่แหละคือโอกาสลงทุนในยามวิกฤติที่ดี จึงขอฝากไว้ให้พิจารณา
* หุ้น AOT ล่าสุดนักวิเคราะห์ดีดคาดการณ์งบไตรมาสแรก (ต.ค.-ธ.ค. 2561) มีโอกาสฟันกำไร 6.5 พันล้านบาท โตขึ้น 5% จากปีก่อน ถ้ามองแบบเทียบรายปีอาจไม่ได้หวือหวา แต่ถ้าเทียบรายไตรมาสเท่ากับเพิ่มขึ้นถึง 25% เลยทีเดียวนะ โอเคในเชิงข้อเท็จจริงแล้วเวลาดูงบควรเทียบแบบรายปี (เพราะเท่ากับอยู่ในช่วงหน้าซีซั่นเดียวกัน) แต่อย่าลืมว่างวดปี 2561 ที่ผ่านมา เกิดภาวะผิดปกติเป็นพิเศษ โดยเฉพาะประเด็นนักท่องเที่ยวจีนชะลอตัวแบบน่าใจหาย ดังนั้น การได้เห็นพัฒนาการกำไรดีขึ้นขนาดนี้ (ถ้าเป็นไปตามโบรกฯ คาด) จึงถือว่าเป็นเรื่องที่ดีมากเลยทีเดียว
* จุดเพิ่มเติมที่น่าสนใจอีกอย่างปรากฏว่า ตัวเลขที่ภาครัฐรายงานออกมาในช่วงเดือนพ.ย. 2561 นักท่องเที่ยวที่โตกระฉูดไม่น่าเชื่อคือกลุ่มอาเซียนที่ซัดทะลุ 9 แสนคน โตแรง 21% จากปีก่อน เรียกได้ว่าเป็นข่าวดีที่เข้ามาชดเชยกลุ่มตลาดคนจีนที่ดิ่งหายไปได้พอดิบพอดี รวมถึงกลุ่มนักท่องเที่ยวยุโรปก็เริ่มฟื้นตัวขึ้นตามลำดับเช่นกัน จึงส่งผลให้ AOT ในฐานะผู้บริหารท่าอากาศยานในไทยทั้ง 6 แห่ง ได้รับอานิสงส์ไปด้วยเต็ม ๆ และส่งผลดีให้ราคาหุ้นกลับมาแข็งแกร่งยืนแถว 63-64 บาท งานนี้ ขอให้จับตาตัวเลขงวดเดือน ธ.ค. 2561 ถ้าออกมาสวยสดใสสมฐานะไฮซีซั่นท่องเที่ยว จะได้ช่วยให้ราคาหุ้นบินปลดล็อกได้สักที
* ปิดท้ายวันนี้ “นิวส์เวฟ” ขออวยพรให้แฟน ๆ “ข่าวหุ้นธุรกิจ” ทุกท่านมีความสุขสมหวังในทุกสิ่ง รวมถึงทุกหุ้นที่ลงทุนขอให้ได้รับกำไรกันเต็มที่ ขานรับงวดปีหมูทอง