JMT-CHAYO กับ “ความเสี่ยง” ใหม่.!?

สำนักข่าวรัชดา

เป็นอีกหนึ่งความเสี่ยงที่ปฏิเสธไม่ได้ของ “บริษัทบริหารหนี้เสีย” อย่างบริษัท เจ เอ็ม ที เน็ทเวอร์ค เซอร์วิสเซ็ส จำกัด (มหาชน) หรือ JMT และ บริษัท ชโย กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ CHAYO เมื่อบรรดาธนาคารต่าง ๆ เริ่มหันมาบริหารหนี้เสียซะเอง..!?

ทั้งในรูปการจัดตั้งแผนกหรือทีมมาบริหาร..หรือจัดตั้งบริษัทลูกขึ้นมาบริหารเอง จากเดิม “หนี้เสีย” จะถูกตัดขายให้บริษัทบริหารหนี้เสียต่าง ๆ

นั่นจึงทำให้ JMT และ CHAYO ที่เคยสร้างกำไรสวยหรู..ด้วยอัตรากำไรขั้นต้นเฉลี่ย 25-35% อย่างกรณี JMT ช่วง 2 ปี ที่ผ่านมา อัตรากำไรขั้นสูงเกือบ 30% ส่วน CHAYO อัตรากำไรขั้นสูงกว่า 30%

โดยกำไรกว่า 90% มาจาก “ธุรกิจบริหารหนี้เสียและติดตามทวงหนี้” เป็นหลัก..

แต่..ต่อจากนี้ตัวเลขกำไรขั้นต้น..ที่เคยทำได้สวยหรู..อาจกลายเป็นเพียงแค่ “ภาพจำ” ที่เคยทำได้หรือไม่..!?

สิ่งที่จะเห็นต่อจากนี้คือ อำนาจการต่อรองจากธนาคารต่าง ๆ จะมีมากขึ้น การตัดขายหนี้เสียชนิดที่ส่วนลด 80-90% จะเกิดขึ้นได้ยาก..หรืออาจไม่เกิดขึ้นเลย นั่นจึงทำให้ต้นทุน JMT และ CHAYO ต้องเพิ่มขึ้น..นั่นจึงส่งผลให้อัตรากำไรขั้นต้นลดลง..!?

ที่สำคัญ บทบาทที่เคยเป็นผู้ซื้อหนี้มาบริหารทั้งก้อน อาจกลายเป็นการช่วยรับงานติดตามทวงหนี้ จากธนาคารหรือบริษัทบริหารสินทรัพย์ต่าง ๆ ไป

ไฮไลต์..จึงกลับมาอยู่ที่ว่าทั้ง JMT และ CHAYO จะปรับตัวอย่างไร.!?

หุ้นน้องใหม่อย่าง CHAYO เริ่มเห็นการแตกไลน์ธุรกิจใหม่ นั่นคือ “ธุรกิจสินเชื่อบุคคล-สินเชื่อนาโนและพิโกไฟแนนซ์” ที่ดำเนินการภายใต้บริษัทย่อยคือ บริษัท ชโย แคปปิตอล จำกัด

พร้อมกับธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ภายใต้บริษัทย่อย บริษัท ชโย พร็อพเพอร์ตี้ แอนด์ เซอร์วิส จำกัด ที่อยู่ระหว่างดำเนินการต่าง ๆ โดยจะเห็นความชัดเจนช่วงไตรมาส 1/2562

ส่วน JMT อาจต้องหันไปให้ความสำคัญกับธุรกิจให้บริการสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ ที่เน้นให้บริการสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ใช้แล้ว ทั้งรถยนต์นั่งส่วนบุคคลและรถกระบะ และเน้นปล่อยสินเชื่อให้แก่บุคคลธรรมดา

แม้ว่าที่ผ่านมาธุรกิจนี้สร้างรายได้และกำไรให้ JMT ไม่มากนักก็ตาม

แต่เมื่อสถานการณ์เปลี่ยน JMT ต้องเปลี่ยนด้วยเช่นกัน

..อิ อิ อิ..