ลุยสุดซอย ?

*หากดูอาการของนักลงทุนกลุ่มต่าง ๆ ในจังหวะที่ข่าวสารการเลือกตั้งค่อนข้างยังคลุมเครือแบบไม่มีกำหนด นักลงทุนมักป้องกันความเสี่ยงด้วยการเทขายหุ้นออกไปก่อน และเตรียมเงินสดไว้ช้อนซื้อหุ้นเมื่อโอกาสเหมาะสมเวียนมาบรรจบ ซึ่งเป็นสูตรการลงทุนที่มีการเขียนเป็นบทบัญญัติไว้หลายเล่มด้วยกัน เดี๊ยนถึงอยากให้แฟนคลับเข้าใจอาการแกว่งตัวของดัชนีในช่วงนี้ไงล่ะคะ


เจาะกระดาน : โมนิก้าและทีมงาน

*หากดูอาการของนักลงทุนกลุ่มต่าง ๆ ในจังหวะที่ข่าวสารการเลือกตั้งค่อนข้างยังคลุมเครือแบบไม่มีกำหนด นักลงทุนมักป้องกันความเสี่ยงด้วยการเทขายหุ้นออกไปก่อน และเตรียมเงินสดไว้ช้อนซื้อหุ้นเมื่อโอกาสเหมาะสมเวียนมาบรรจบ ซึ่งเป็นสูตรการลงทุนที่มีการเขียนเป็นบทบัญญัติไว้หลายเล่มด้วยกัน เดี๊ยนถึงอยากให้แฟนคลับเข้าใจอาการแกว่งตัวของดัชนีในช่วงนี้ไงล่ะคะ

*เนื่องจากไม่มีประโยชน์ที่จะทำตัวสวนกระแสแบบไร้จุดหมายปลายทาง เพราะสเต็ปการพุ่งกระฉูดของหุ้นมักเกิดขึ้นแค่ประเดี๋ยวประด๋าว ต่อจากนั้นจะไหลรูดลงมาไม่เป็นท่า (หลายครั้งเป็นแบบนี้) “โมนิก้า” ถึงมองการไหลลงไปถึงระดับ 1,550.22 จุด ต่อจากนั้นเด้งขึ้นมาปิดที่ 1,575.13 จุด บวกไป 15.10จุด ท่ามกลางมูลค่าการซื้อขาย 5.13 หมื่นล้านบาท มันไม่ได้มีอะไรเปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยสำคัญนะจะบอกให้

*นั่นหมายความว่า จังหวะการเล่นเที่ยวนี้ต้องใส่แบบสุดซอยเมื่อเห็นหุ้นเริ่มทะยานขึ้นแรง ๆ เพราะวงรอบการขึ้นเที่ยวนี้ไม่ยาวนาน โดยหุ้นแกนหลักที่ควรให้ความสนใจมากพิเศษต้องพุ่งเป้าไปยังบลูชิพอีกตามเคย ซึ่งหลายตัวมีไซเคิลที่ค่อนข้างชัดเจน (w-shape) “โมนิก้า” ถึงพยายามให้นักเล่นมองเรื่องที่เกิดขึ้นเที่ยวนี้เป็นโอกาสทองของการหาค่าขนมก้อนโตพะยะค่ะ

*โดยเฉพาะในรายของหุ้นไฟฟ้าแรงสูง GULF อาจมีจังหวะของการเดินหน้าถอยหลังให้เห็นเป็นระยะ แต่จุดของการอ่อนตัวลงมาทำจุดต่ำสุด ดันยกตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องแบบนี้ มันหมายความว่า หุ้นกำลังเปลี่ยนฐานใหม่ที่สูงขึ้นกว่าเดิม และเที่ยวนี้ก็พุ่งเป้าไปยังแนวรับ 80 บาทได้ทันที หลังหุ้นขึ้นมายืนปิดที่ 83.25 บาท บวกไป 0.75 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 1.28 พันล้านบาทไงล่ะคะ

*ส่วนรายที่แรงต่อเนื่อง 3 วันติดแบบไม่สนใจอะไรทั้งสิ้น ดันกลายเป็นหุ้นสะดวกซื้อ CPALL กระชากขึ้นมาปิดที่ 72.25 บาท บวกไป 1.75 บาท หรือขึ้นไป 2.50% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 4.39 พันล้านบาท “โมนิก้า” มองเป็นเรื่องของข่าวสารที่ทำให้พวกกองทุนเชื่อว่า กำไรดีขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ บวกกับค่า P/E 30 กลายเป็นระดับที่ลงทุนได้สบาย ๆ หุ้นถึงวิ่งทะลุแนวต้าน 72 บาทได้แบบชิว ๆ ส่วนวันนี้จะไปต่อหรือไม่ ? คงต้องลุ้นกันอีกเฮือกนะคะ

*อีกรายที่น่าจับตาดูสุด ๆ “โมนิก้า” ขอแนะนำให้แฟนคลับหันไปมองหุ้นโรงกลั่น TOP เพื่อให้เข้ากับสถานการณ์ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกเริ่มฟื้นตัวขึ้นอย่างช้า ๆ หลังจากไหลลงมาเป็นเวลานานร่วม 3 เดือน จึงไม่ต้องแปลกใจที่มีแรงซื้อจำนวนมากเข้ามาตะลุมบอนอย่างเมามัน จนหุ้นขึ้นมายืนปิดที่ 67.25 บาท บวกไป 3.50 บาท หรือขึ้นไป 5.50% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 1.01 พันล้านบาทนะตัวเอง !

*คล้ายกับกรณีของ ADVANC วิ่งขึ้นมาปิดที่ระดับ 177 บาท บวกไป 4.50 บาท หรือขึ้นไป 2.60% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 1.30 พันล้านบาท “โมนิก้า” มองเป็นการกลับทิศที่น่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง เพราะเป็นการไต่ขึ้นด้วยการพักฐานเป็นระยะ แถมในระหว่างทางมีการทดสอบแรงขายตลอดเวลา ทุกอย่างเลยดูสวยงามตามท้องเรื่อง พร้อมกับมองฐานเก่าที่บริเวณราคา 180 บาทไม่ไกลเกินเอื้อมเจ้าค่ะ

*ส่วนรายที่ออกลูกแทงกั๊กอย่างหุ้น AMATA น่าจะเป็นโมเมนตัมของหุ้นที่กำลังแกว่งตัวหาฐานแนวรับที่มั่นคง และตอนนี้กำลังมองจุดสำคัญดังกล่าวไว้ที่ระดับ 20 บาท และอีกจุดหนึ่งอยู่แถว 18 บาท ขณะที่ราคาหุ้นในกระดานทะยานขึ้นมาปิดที่ 21.40 บาท บวกไป 1 บาท หรือขึ้นไป 4.90% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 517 ล้านบาท ก็ไม่ใช่เรื่องที่ควรหลงระเริงแต่อย่างใดนะคะ

*เนื่องจากเพิ่งมีบทเรียนจากหุ้นดาวเด่น COM7 ให้เห็นกันหยก ๆ “โมนิก้า” ถึงไม่อยากให้นักเล่นมองอะไรที่ไกลเกินตัวอีกแล้ว บวกกับทิศทางของหุ้นอยู่ในช่วงขาลงแบบเต็มตัว และยังมีความกังวลเกี่ยวกับธุรกิจขายไอโฟนเข้ามาเกี่ยวข้อง เดี๊ยนถึงมองการเด้งกลับจากจุดต่ำสุดของวันบริเวณ 11.50 บาท ขึ้นมาปิดที่ 13.50 บาท บวกไป 0.40 บาท หรือขึ้นไป 3% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 881 ล้านบาท น่าจะเป็นผลมาจากบรรยากาศลงทุนดีขึ้น หุ้นเลยดีตามไปด้วยนะจ๊ะ

*สำหรับรายที่มีอาการไม่ดีขึ้นอย่างเช่น BCH มันเป็นจังหวะที่ทำให้นักลงทุนต้องพะวักพะวนต่อไปอีกพักใหญ่ ๆ เพราะข่าวเรื่องการควบคุมราคายาและค่ารักษา มันทำให้ผู้คนทั่วไปนึกถึงตัวเลขกำไรในอนาคตอาจไม่เป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ ! ขณะเดียวกัน “หมอเฉลิม” ได้ใช้เวทีบน เฟซบุ๊กของข่าวหุ้นยืนยันว่า ไม่ได้รับผลกระทบจากการควบคุม และในมุมกลับกันน่าจะเป็นประโยชน์เสียด้วยซ้ำ “โมนิก้า” ถึงอยากให้นักเล่นคิดกันเอาเองว่า การอ่อนตัวของราคาหุ้นลงมาปิดที่ 15.50 บาท ลบไป 0.50 บาท หรือลงไป 3.10% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 846 ล้านบาท ใช่จังหวะซื้อไหม ?

 

Back to top button