MK แตก(ไลน์)เพื่อโต.!

สงครามแย่งชิงหุ้นบริษัท มั่นคงเคหะการ จำกัด (มหาชน) หรือ MK เริ่มสงบลง..!! ด้วยชัยชนะของกลุ่มฟินันซ่า..ที่กลายเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่กว่า 25% ส่วนผู้ท้าชิงอย่าง “ประทีป ตั้งมติธรรม” ปราชัยกลายเป็นผู้ถือหุ้นอันดับสอง 11.29% แต่ทว่าสงครามแย่งชิงพื้นที่บอร์ด..จะปะทุขึ้นอีกหรือไม่..เดี๋ยวค่อยมาว่ากันใหม่..!!


สำนักข่าวรัชดา

สงครามแย่งชิงหุ้นบริษัท มั่นคงเคหะการ จำกัด (มหาชน) หรือ MK เริ่มสงบลง..!! ด้วยชัยชนะของกลุ่มฟินันซ่า..ที่กลายเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่กว่า 25% ส่วนผู้ท้าชิงอย่าง “ประทีป ตั้งมติธรรม” ปราชัยกลายเป็นผู้ถือหุ้นอันดับสอง 11.29% แต่ทว่าสงครามแย่งชิงพื้นที่บอร์ด..จะปะทุขึ้นอีกหรือไม่..เดี๋ยวค่อยมาว่ากันใหม่..!!

แต่..ช่วงระหว่างพักรบของผู้ถือหุ้นใหญ่ MK มีการขยับขยายโครงสร้างธุรกิจที่น่าสนใจอย่างยิ่ง..มีการแตกไลน์จากธุรกิจอสังหาริมทรัพย์..เดินหน้าเข้าธุรกิจบริการและการแพทย์อย่างเป็นรูปธรรมตลอดช่วงปี 2561

เริ่มจากการตั้งบริษัท มั่นคงไลฟ์ จำกัด ช่วงต้นเดือน มี.ค. 2561 เพื่อพัฒนาโครงการสถานพยาบาลเวชศาสตร์ชะลอวัยและฟื้นฟูสุขภาพแบบครบวงจร โดยร่วมเป็นพันธมิตรกับบริษัท ไวทัลไลฟ์ จำกัด ในเครือบริษัท โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ จำกัด (มหาชน) หรือ BH มีเป้าหมายเจาะกลุ่มลูกค้าพรีเมียมทั้งไทยและต่างประเทศ

ตอบรับแผนยุทธศาสตร์ของชาติ เพื่อการพัฒนาประเทศไทยด้านสุขภาพ ที่จะยกระดับประเทศไทยสู่ศูนย์กลางสุขภาพนานาชาติและท่องเที่ยวเชิงสุขภาพและการแพทย์ (Medical and Wellness Tourism) นั่นเอง.!

ตามด้วยการจัดตั้งบริษัท เอ็มเคเอช แอสเซทส์ จำกัด ช่วงเดือน พ.ย. 2561 เพื่อประกอบธุรกิจโรงแรมและธุรกิจด้านการให้บริการ ประเดิมด้วยการเข้าซื้อหุ้น Cmego Joint Stock Company ในประเทศเวียดนาม เจ้าของธุรกิจโรงแรมที่ชื่อว่า Christina’s ในสัดส่วน 4.76% มูลค่า 33.24 ล้านบาท

ล่าสุดจัดตั้งบริษัท เฮลท์ แอนด์ เวลเนสส์ วิลเลจ จำกัด มีเป้าหมายดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับสถานพยาบาล แต่จะเป็นการต่อยอดการลงทุนกับ BH หรือไม่..หรือมีโอกาสเกี่ยวโยง กลุ่มบริษัท กรุงเทพดุสิตเวชการ จำกัด (มหาชน) หรือ BDMS ก็เป็นได้ เพราะผู้ถือหุ้นของ BDMS ถือหุ้นใน MK ไม่น้อยเช่นกัน..!

การรุกเข้าสู่ธุรกิจบริการและการแพทย์ครั้งนี้..ถือเป็นการ “แตกไลน์ธุรกิจเพื่อการเติบโต” อย่างชัดเจน..เพราะธุรกิจเดิมอย่างธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ชักเริ่มชะลอตัวอย่างเห็นได้ชัด

ดูจากงบการเงิน MK ช่วง 4 ปีย้อนหลัง พบว่า ผลประกอบการถดถอยลงอย่างต่อเนื่อง เริ่มจากรายได้ปี 2558 มีรายได้ 4,000 ล้านบาท กำไรสุทธิ 627 ล้านบาท อัตรากำไรสุทธิ 15.68% ปี 2559 มีรายได้ 3,081 ล้านบาท กำไรสุทธิ 350 ล้านบาท อัตรากำไรสุทธิ 11.38% ปี 2560 มีรายได้ 3,264 ล้านบาท กำไรสุทธิ 233 ล้านบาท อัตรากำไรสุทธิ 7.15%

ล่าสุดงวด 9 เดือนปี 2561 มีรายได้ 3,400 ล้านบาท มีกำไรสุทธิ 172 ล้านบาท อัตรากำไรสุทธิ 5.06%

แม้จุดเด่นของ MK คือจ่ายปันผลสูง..แต่ด้วยกำไรสุทธิที่ถดถอยลง นั่นทำให้อัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลจากระดับ 7% ลดลงเหลือไม่ถึง 6% และหากไม่ทำอะไรเลยคงได้เห็นตัวเลขต่ำกว่า 5% อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้..!!?

การแตกไลน์ธุรกิจของ MK ครั้งนี้ จึงไม่ต่างอะไรกับการหนีจาก Red Ocean เพื่อไปสู่ Blue Ocean แต่จะเป็นการ “หนีร้อนไปพึ่งเย็น” ได้จริงหรือไม่..เดี๋ยวคงได้รู้กัน..!?

แต่ที่แน่ ๆ..หากไม่คิดทำอะไรกันเลย..ก็มีหวัง “เจอน้ำร้อนลวก” ได้เช่นกัน..!??

..อิ อิ อิ..

Back to top button