หุ้นกลุ่มท่องเที่ยวเฮไทยขยายฟรีวีซ่า!!!
เมื่อวันที่ 8 มกราคม 2562 ที่ผ่านมา นายณัฐพร จาตุศรีพิทักษ์ ที่ปรึกษารัฐมนตรีประจำสำนักนายยกรัฐมนตรี (ครม.) มีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงยกเลิกการกำหนดอัตราค่าธรรมเนียมการตรวจลงตราตามมาตรา
เส้นทางนักลงทุน
เมื่อวันที่ 8 มกราคม 2562 ที่ผ่านมา นายณัฐพร จาตุศรีพิทักษ์ ที่ปรึกษารัฐมนตรีประจำสำนักนายยกรัฐมนตรี (ครม.) มีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงยกเลิกการกำหนดอัตราค่าธรรมเนียมการตรวจลงตราตามมาตรา 12(1) ประเภทนักท่องเที่ยว ชนิดใช้ได้ครั้งเดียวเป็นการชั่วคราว ณ ช่องทางอนุญาตของด่านตรวจคนเข้าเมือง (Visa ON Arrival : VOA) กับ 21 ประเทศ ไปจนถึงวันที่ 30 เมษายน 2562 จากเดิมที่มาตรการดังกล่าวมีกำหนดตั้งแต่ 15 พฤศจิกายน 2561 ถึง 13 มกราคม 2562
สืบเนื่องจากการขยายเวลาฟรีวีซ่าให้กับ 21 ประเทศ กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เห็นว่า จากการติดตามผลการดำเนินมาตรการดังกล่าว ส่งผลให้สถานการณ์การท่องเที่ยวที่ได้รับผลกระทบมีการปรับตัวในทิศทางที่ดีขึ้น โดยมีจำนวนนักท่องเที่ยวยื่นขอการตรวจลงตรา ณ ช่องทางอนุญาตของด่านตรวจคนเข้าเมือง (VISA ON ARRIVAL) ตั้งแต่วันที่ 15 พฤศจิกายน 2561 ถึงวันที่ 27 ธันวาคม 2561 จำนวน 1,030,561 คน โดยเพิ่มขึ้นประมาณร้อยละ 70.44 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า
จากข้อมูลสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองได้ตรวจสอบข้อมูลสถิติผู้โดยสารที่มาขอรับการตรวจลงตรา VOA ใน 5 ท่าอากาศยาน เปรียบเทียบระหว่างช่วงเก็บค่าธรรมเนียม (ระหว่าง 1 ตุลาคม-14 พฤศจิกายน 2561) และช่วงที่มีการยกเลิกอัตราค่าธรรมเนียมแล้ว (ระหว่าง 15 พฤศจิกายน-31 ธันวาคม 2561) พบว่าจำนวนนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาในประเทศไทยและขอรับการตรวจลงตรามีแนวโน้มเพิ่มขึ้นดังนี้
สำหรับด่านตรวจคนเข้าเมืองท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ มีผู้โดยสารเข้ามาในระหว่างช่วงเก็บค่าธรรมเนียม มีจำนวนนักท่องเที่ยวเพียง 190,543 คน แต่เมื่อมีการยกเลิกค่าธรรมเนียมฟรีวีซ่า มีมากถึง 521,435 คน เพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด 330,892 คน หรือ 173%
ขณะที่ด่านตรวจคนเข้าเมืองท่าอากาศยานดอนเมือง มีผู้โดยสารเข้ามาในระหว่างเก็บค่าธรรมเนียม มีจำนวนนักท่องเที่ยว 121,749 คน แต่เมื่อมีการยกเลิกค่าธรรมเนียมฟรีวีซ่า มีมากถึง 269,496 คน เพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน 147,747 คน หรือ 143%
ส่วนด่านตรวจคนเข้าเมืองท่าอากาศยานภูเก็ต มีผู้โดยสารเข้ามาในระหว่างเก็บค่าธรรมเนียม มีจำนวนนักท่องเที่ยว 85,357 คน แต่เมื่อมีการยกเลิกค่าธรรมเนียมฟรีวีซ่า มีมากถึง 193,815 คน เพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน 108,458 คน หรือ 128%
นอกจากนี้ ด่านตรวจคนเข้าเมืองท่าอากาศยานเชียงใหม่ มีผู้โดยสารเข้ามาในระหว่างเก็บค่าธรรมเนียม มีจำนวนนักท่องเที่ยว 21,643 คน แต่เมื่อมีการยกเลิกค่าธรรมเนียมฟรีวีซ่า มีมากถึง 74,979 คน เพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน 53,336 คน หรือ 246%
และด่านตรวจคนเข้าเมืองท่าอากาศยานหาดใหญ่ มีผู้โดยสารเข้ามาในระหว่างเก็บค่าธรรมเนียม มีจำนวนนักท่องเที่ยว 341 คน แต่เมื่อมีการยกเลิกค่าธรรมเนียมฟรีวีซ่า มีมากถึง 462 คน เพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน 121 คน หรือ 35%
ดังนั้น การขยายระยะเวลายกเว้นค่าฟรีวีซ่าดังกล่าวครอบคลุมเทศกาลฤดูกาลท่องเที่ยวที่สำคัญ คือ เทศกาลตรุษจีนและเทศกาลสงกรานต์ จึงคาดว่ามาตรการจะช่วยให้การท่องเที่ยวไทยกลับมาคึกคักต่อเนื่อง ทำให้มีแรงซื้อในกลุ่มท่องเที่ยว เช่น บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ AOT, บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) หรือ THAI, บริษัท เอเชีย เอวิเอชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ AAV, บริษัท ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ MINT และบริษัท ดิ เอราวัณ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ ERW เป็นต้น
อย่างไรก็ตาม จากหลักทรัพย์ที่กล่าวมาข้างต้น คาดว่าที่จะได้ประโยชน์สูงสุด บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ AOT ถือเป็นดาวเด่นรับผลประโยชน์จากการขยายมาตรการฟรีวีซ่า เพราะผู้โดยสารของทุกสายการบินที่นำนักท่องเที่ยวมาเที่ยวไทยนั้น จะต้องมาใช้บริการท่าอากาศยานของ AOT ทั้งสิ้น ซึ่งยังครองความเป็นเจ้าตลาดการท่องเที่ยวไทย
หลังจากหลายฝ่ายมองว่าการท่องเที่ยวกลับมาฟื้นตัวในปี 2562 หลังจากรัฐบาลได้ออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจหลายมาตรการเพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยว จึงคาดการณ์แบบอนุรักษ์นิยมว่า ผู้โดยสารระหว่างประเทศจะเติบโต 8% ในปี 2562 และเติบโต 11% CAGR ในช่วงปี 2561-2566 เทียบกับ 13% CAGR ในปี 2557-2561
ประกอบกับนักท่องเที่ยวจีนมีสัญญาณดีขึ้นและหนุนจากการขยายเวลายกเว้นค่าวีซ่า อีกทั้งระยะสั้น การประมูลดิวตี้ฟรีที่จะออก TOR เดือน ม.ค. จะรู้ผลผู้ชนะปลายไตรมาส 1/2562-ต้นไตรมาส 2/2562 คาดจะได้รับส่วนแบ่งรายได้ที่สูงขึ้น รวมถึงความชัดเจนเรื่องการพัฒนาสนามบินดอนเมืองและเชียงใหม่ การรับโอน 4 สนามบินจากกรมท่าอากาศยาน
ส่วนทางด้านนักวิเคราะห์คาดไตรมาส 1/2562 กำไรโต 3.7% ตามรายได้ โดยคาดกำไรอยู่ที่ 6,450 ล้านบาท โดยคาดการณ์รายได้โต 5.5% จากงวดเดียวกันของปีก่อนที่ 15,410 ล้านบาท ตามเที่ยวบินที่เพิ่มขึ้น 5.9% (ต่างประเทศเพิ่มขึ้น 7%, ในประเทศเพิ่มขึ้น 4.6%)
อีกทั้งมีผู้ใช้บริการเพิ่มขึ้น 2.8% (ต่างประเทศเพิ่มขึ้น 3.3%, ในประเทศเพิ่มขึ้น 2%) ซึ่งเป็นผลจากการชะลอตัวของนักท่องเที่ยวจีนมาตั้งแต่ไตรมาส 4/2561 จึงคาดรายได้จากการบินเพิ่มขึ้น 3.2% แต่คาดว่ารายได้ไม่ได้มาจากการบินดีเพิ่มขึ้น 8.4% จากส่วนแบ่งผลประโยชน์ที่โตขึ้น
ผลดังกล่าวทำให้นักวิเคราะห์ บล.ฟิลลิป ยังคาดการณ์กำไรในปี 2562 อยู่ที่ 26,233 ล้านบาท โดยจะติดตามการฟื้นตัวของนักท่องเที่ยวหลังรัฐบาลได้ขยายเวลายกเว้นค่าวีซ่าถึง 30 เม.ย. ที่ครอบคลุมช่วงตรุษจีนและสงกรานต์ แนะนำ “ทยอยซื้อ” ราคาเป้าหมาย 72.50 บาท
ทั้งนี้ทั้งนั้นจากมาตรการขยายฟรีวีซ่าจะช่วยให้การท่องเที่ยวไทยกลับมาคึกคักได้ดียิ่งขึ้น ถึงอย่างไรหุ้นที่ได้ประโยชน์สูงสุดก็หนีไม่พ้น AOT จึงยกให้เป็น Top Pick ในกลุ่ม!!!