พาราสาวะถี

อรชุน

สังคมอุดมปัญญาในระบอบประชาธิปไตยย่อมเปิดพื้นที่ให้ฝ่ายที่เห็นต่าง สามารถอธิบายโต้แย้งความเห็นของฝ่ายที่ยึดกุมอำนาจได้ ดังนั้น การตอบโต้ของ “โบว์” ณัฏฐา มหัทธนา แกนนำกลุ่มคนอยากเลือกตั้ง ที่มีไปยัง “บิ๊กแดง” พลเอกอภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผู้บัญชาการทหารบก ที่พาดพิงถึงการเคลื่อนไหวของกลุ่มดังกล่าวจึงเป็นเรื่องที่สาธารณชนต้องนำมาชั่งตวงวัด พิจารณาถึงเหตุและผลกันเอาเอง

บทสัมภาษณ์แรกของผบ.ทบ.ต่อการเคลื่อนไหวของกลุ่มคนอยากเลือกตั้งที่คัดค้านการเลื่อนเลือกตั้งจากวันที่ 24 กุมภาพันธ์ออกไปก็คือ ต่างคนต่างความคิด คนบางคนคิดอย่างนี้และโดนสั่งให้มาทำอย่างนี้ ก็คิดอยู่ในโหมดนี้อย่างเดียว ไม่ได้มององค์ประกอบต่าง ๆ ว่าจะมีผลอย่างไร ไม่ได้มองถึงรัฐธรรมนูญและกรอบเวลาที่ทางคณะกรรมการการเลือกตั้งได้กำหนดไว้แล้ว

สิ่งที่โบว์ตอบกลับมาก็คือ คิดอย่างนี้และโดนสั่งให้มาทำอย่างนี้หมายความว่าอะไร ใครสั่ง ? การยืนยันหลักการประชาธิปไตยพื้นฐานและการปกป้องสิทธิทางการเมืองของตนเอง เป็นสามัญสำนึกที่มีได้ในประชาชนทุกคน ไม่มีมนุษย์คนใดจะสั่งมนุษย์คนไหนให้ต้องการความยุติธรรม มันคือคุณสมบัติติดตัวมนุษย์ทุกคนตั้งแต่เป็นเด็กยังไม่รู้ภาษา

ตรงกันข้าม ในฐานะเลขาธิการคสช. ใครสั่งให้ท่านมาละเมิดสิทธิเสรีภาพประชาชนด้วยเงินภาษีของประชาชนมาเกือบ 5 ปี เรามององค์ประกอบของรัฐธรรมนูญ แน่นอน จึงได้พยายามปกป้องการเลือกตั้งไม่ให้ถูกเลื่อนออกไปถึงจุดเวลาที่จะมีความเสี่ยงที่จะประกาศผลการเลือกตั้งไม่ทันกรอบเวลา 150 วัน อันอาจทำให้การเลือกตั้งต้องถูกสั่งให้เป็นโมฆะในที่สุด

ท่านสามารถพูดพล่อย ๆ ล้างสมองประชาชนและได้พื้นที่สื่อทั้งหมด ในขณะที่เรามีรายละเอียดชัดเจนแต่การสื่อสารกลับถูกสกัดกั้น คำอธิบายต่อมาของบิ๊กแดงก็คือมันก็มีคนประเภทนี้ในสังคมไทย ก็ไม่รู้จะพูดอย่างไร ถ้าอยากให้เป็นอย่างนี้อยากจะให้เกิดความวุ่นวาย ก็เป็นหน้าที่ของฉันที่จะต้องทำให้เกิดความวุ่นวายอยู่อย่างนี้

ตนคิดว่าคนที่เขาเข้าใจคงจะรำคาญ ประชาชนที่อยากทำมาหากินตามปกติและที่มีเหตุผลว่า ทำไมจะต้องเลื่อนเลือกตั้ง ซึ่งตนก็ยังไม่ได้รับทราบ เพราะกกต.ไม่ได้ประกาศวันเลือกตั้งอย่างเป็นทางการ ก็ตีความกันไป คำถามจากแกนนำจากคนเลือกตั้งที่มีกลับไปยังผบ.ทบ.ต่อประเด็นนี้มีอยู่ว่า คนประเภทนี้คือคนประเภทไหน ทุกประเทศประกอบด้วยคนหลากหลายความคิด

ในสังคมประชาธิปไตยการชุมนุมโดยสันติวิธีเป็นช่องทางการแสดงออกที่จำเป็นและสำคัญ จึงได้ถูกรับรองไว้ในปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชนและในรัฐธรรมนูญไทย มีเพียงเผด็จการเท่านั้นที่พยายามดิสเครดิตทุกทาง ป้ายสีว่าการชุมนุมโดยสันติเท่ากับความวุ่นวาย เพื่อที่ตนจะสามารถทำเลวทรามกับประเทศได้ตามอำเภอใจ ตรงนี้อาจจะเรียกได้ว่า เป็นคุณสมบัติเฉพาะของเผด็จการหน้าทนอยู่แล้ว เพียงแต่ว่ายุคสมัยนี้มันมีพวกที่คอยยกหางซึ่งมีต้นทุนทางสังคมสูงรวมอยู่ด้วย

ทำไมไม่คิดบ้างว่าประชาชนจะเดือดร้อนรำคาญหรือไม่ที่รัฐบาลคสช.ได้ยึดอำนาจและบั่นทอนประเทศทั้งทางการเมือง เศรษฐกิจ และสังคม อย่างไร้การตรวจสอบมายาวนานเกือบ 5 ปี ส่วนที่ผบ.ทบ.บอกว่าทุกอย่างมันมีเวลา ทุกอย่างมีกรอบเวลาและมีกฎหมายรองรับ โดยเฉพาะพ.ร.บ.การเลือกตั้งถ้าไปคิดตามไทม์ไลน์ การเลือกตั้งทุกอย่างก็อยู่ในกรอบเวลา ส่วนงานพระราชพิธีต้องบอกว่ามีความสำคัญอย่างยิ่งต่อประเทศไทย แต่คนพวกนี้ก็ไม่เคยคิด อย่างที่ตนบอก คนพวกนี้ก็คิดแบบนี้จะไปเปลี่ยนเขาก็ไม่ได้

ฝ่ายณัฏฐาชี้แจงว่า เพราะทุกอย่างมีกรอบเวลา และการเลื่อนเลือกตั้งครั้งที่ 5 นี้มีความสุ่มเสี่ยงสูงที่จะเข้าเงื่อนไขให้การเลือกตั้งเป็นโมฆะ จนรัฐบาลคสช.สามารถยื้ออำนาจต่อไปได้อย่างไม่มีกำหนด กลุ่มคนอยากเลือกตั้งจึงต้องออกมาปกป้อง ไม่มีใครบอกว่าพระราชพิธีไม่มีความสำคัญ ต้องสำคัญแน่นอนฝ่ายกุมอำนาจจึงได้ยกมาเป็นข้ออ้างหนึ่งเดียวที่คิดว่าจะมีขนาดใหญ่พอจะกลบเจตนาแฝงทั้งหมดเพื่อการสืบทอดอำนาจได้

โดยบทสัมภาษณ์สุดท้ายของผบ.ทบ.ก็คือ ขอความร่วมมือประชาชนช่วยฟังข้อมูลข่าวสารจากสื่อที่เชื่อถือได้และสื่อของรัฐ นั่นทำให้แกนนำกลุ่มคนอยากเลือกตั้งสวนกลับด้วยท่วงทำนองที่เชื่อว่า คนจำนวนไม่น้อยก็คิดไม่ต่างกัน สื่อของรัฐเผด็จการจะเชื่อถือได้อย่างไร ในเมื่ออำนาจที่ไร้การตรวจสอบนั้นเป็นปฏิปักษ์กับผลประโยชน์ของประชาชน

วันนี้สื่อทุกสื่อถูกปิดกั้นด้วยคำสั่งคสช.ที่ละเมิดเสรีภาพสื่อและยังไม่ถูกยกออกไป ซ้ำร้ายเมื่อวันก่อนหัวหน้าคสช.ยังปรามสื่อไม่ให้พื้นที่กับกลุ่มคนอยากเลือกตั้ง ประชาชนมีหน้าที่ช่วยกันเผยแพร่ข้อมูลที่รอบด้าน สองมือเปล่าของประชาชนเท่านั้นจะหยุดทรราชได้ ก่อนจะตบท้ายว่า เผด็จการไม่เคยชนะประชาชน เมื่อใดก็ตามที่ประชาชนตระหนักในศักดิ์ศรีของตนเอง

ถือเป็นการตอบโต้ด้วยเหตุและผล ซึ่งจะว่าไปแล้วการเคลื่อนไหวของกลุ่มคนอยากเลือกตั้ง ไม่ได้มีเฉพาะในพื้นที่กทม.เท่านั้น เวลานี้มีให้เห็นหลายพื้นที่แม้จะเป็นเพียงกลุ่มเล็ก ๆ แต่สิ่งที่คนเหล่านั้นแสดงออกถือเป็นสิทธิ เสรีภาพที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญ ส่วนใครที่จะมองว่ามีเบื้องหลังก็เป็นสิทธิที่จะคิดได้เช่นกัน เพียงแต่ว่าหากพิจารณากันโดยถ่องแท้แล้ว ฝ่ายประชาชนที่ออกมาโดยไร้การจัดตั้งน่าจะเกิดเครื่องหมายคำถามน้อยกว่าฝ่ายที่กุมอำนาจแต่ออกลูกยึกยักอยู่ตลอดเวลา

ความหมายของประชาชนที่ต้องการเลือกตั้งมีอยู่อย่างเดียวคือ คนจนกำลังจะอดตายกันอยู่แล้ว ขณะที่ฝ่ายจ้องจะเลื่อนเลือกตั้ง ไม่ว่าจะยกเหตุผลใดมาอธิบายก็ล้วนแล้วแต่ทำให้เกิดข้อกังขา ส่วนเรื่องพระราชพิธีที่สำคัญของคนไทยนั้น ย้ำกันอีกครั้งว่าทุกคนทุกฝ่ายต่างต้องการให้ทุกอย่างเป็นไปด้วยความราบรื่น สมพระเกียรติ ซึ่งต้องแยกออกจากกรณีเลือกตั้งให้ชัดเจน ประเด็นการทับซ้อนเรื่องวันเวลานั้นมันอยู่ที่การบริหารจัดการ หากทำให้โปร่งใส แจกแจงกันให้ละเอียด อธิบายได้ครบทุกอย่างก็จบเท่านั้นเอง