พาราสาวะถี
คนละอารมณ์ให้ความรู้สึกที่แตกต่างกันอย่างชัดเจน ระหว่าง “พี่ใหญ่” พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ กับ “น้องเล็ก” พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ต่อคำถามเรื่องรายการกู๊ด มันเดย์ ของ ทักษิณ ชินวัตร ที่ต่อไปนี้จะสื่อสารกับคนไทยทุกวันจันทร์ โดยบิ๊กป้อมเย้ยหยันอย่างเจ็บแสบ คนคนเดียวจะช่วยอะไรได้ มิหนำซ้ำ ยังหนีคดีอยู่ต่างประเทศ
อรชุน
คนละอารมณ์ให้ความรู้สึกที่แตกต่างกันอย่างชัดเจน ระหว่าง “พี่ใหญ่” พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ กับ “น้องเล็ก” พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ต่อคำถามเรื่องรายการกู๊ด มันเดย์ ของ ทักษิณ ชินวัตร ที่ต่อไปนี้จะสื่อสารกับคนไทยทุกวันจันทร์ โดยบิ๊กป้อมเย้ยหยันอย่างเจ็บแสบ คนคนเดียวจะช่วยอะไรได้ มิหนำซ้ำ ยังหนีคดีอยู่ต่างประเทศ
คำถามเดียวกันนี้ บิ๊กตู่ออกอาการหงุดหงิดทันทีทันใดตามมาด้วยวลีทอง “เฮ้ย!ไม่พูด ขี้เกียจฟัง” ก่อนจะออกอาการงอนนักข่าวพร้อมบอกว่า ไม่พูดด้วยแล้ว คงเข้าใจได้ไม่ยากสิ่งที่อดีตนายกรัฐมนตรีแสดงออกนั้น เป็นเรื่องของกึ๋นล้วน ๆ ประสานักบริหารยิ่งได้สัมผัสกับสิ่งต่าง ๆ ในโลกยุคใหม่ ยิ่งเห็นได้ถึงความเปลี่ยนแปลงที่ทุกคนบนโลกจะต้องเตรียมรับมือ
ขณะที่รัฐบาลเผด็จการยังสาละวนอยู่กับการแก้ปัญหาปากท้องของประชาชนเพราะคนจนจะอดตายกันหมดแล้ว แม้จะมีเป้าหมายเรื่องไทยแลนด์ 4.0 แต่ก็เป็นการขายฝันที่การดำเนินการยังห่างไกลกับความเป็นจริง ไม่เพียงเท่านั้น วันเดียวกัน ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ก็ดันมาโพสต์เฟซบุ๊กชื่นชมวิสัยทัศน์ของพี่ชายตัวเอง เป็นใครก็แสลงหูแสลงตาและแสลงใจเป็นที่สุด
อย่างไรก็ตาม การเดินเกมในลักษณะเช่นนี้ของทักษิณย่อมเป็นสิ่งที่สร้างความอึดอัด รำคาญใจให้กับฝ่ายกุมอำนาจ เพราะเมื่อไม่มีการพาดพิงหรือกล่าวหาก็ยากที่จะหาประเด็นใดไปตอบโต้ ยิ่งโชว์ความเหนือชั้น สร้างความแตกต่างในแง่ของมุมคิดและแนวทางการบริหาร ยิ่งเป็นการตอกย้ำความเป็นอดีตผู้นำเหล่าทัพที่ถนัดแต่การสั่งซ้ายหันขวาหัน มีวิธีคิดและแนวทางหารายได้มาบริหารประเทศด้วยวิธีการรีดภาษีเท่านั้น
งานถนัดของท่านผู้นำเผด็จการในอาชีพทหารนั้นถือว่าเหมาะสมที่สุด ภาพที่ปรากฏในการสอนคนที่ไปร่วมงานใส่หมวกแก็ปให้เท่ห์ ล่าสุด ก็ไปสอนรด.ของมหาวิทยาลัยราชภัฏลำปางในเรื่องการตะเบ๊ะวันทยาหัตถ์ ใครเห็นก็บอกว่าสง่า ทะมัดทะแมง หากเลือกที่จะกลับบ้านไปพักผ่อนหลังการเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้น มั่นใจได้ว่าประชาชนจะมีภาพความทรงจำที่งดงามต่อบิ๊กตู่ไม่ใช่น้อย แต่หากเลือกที่จะเดินบนเส้นทางสืบทอดอำนาจ ไม่อยากนึกภาพต่อว่าบทสรุปจะออกมาอย่างไร
การจะก้าวไปเทียบชั้น พลเอกเปรม ติณสูลานนท์ นั้นยังมองไม่เห็นทาง เพราะบริบทการเมืองในยุคเกือบ 40 ปีที่แล้วกับปัจจุบันมันต่างกันอย่างสิ้นเชิง ขณะที่วัตรปฏิบัติและลักษณะนิสัยก็ต่างกันอย่างสุดขั้ว ความจริงมาถึงนาทีนี้แม้รู้ว่าคงห้ามยาก แต่ก็ยังมีเวลาสำหรับผู้นำเผด็จการที่จะทบทวนว่าควรไปต่อหรือพอแค่นี้ ลงจากหลังเสือโดยไม่ต้องฆ่าเสือและไม่ต้องกลัวเสือว่าจะตามไปกัด
แต่เมื่ออ่านทางจากการเดินเกมทางการเมืองที่มาถึงนาทีนี้ ต้องยอมรับกันว่าคณะเผด็จการมิอาจจะถอยหลังได้อีกแล้ว เห็นอาการปลื้มเรื่องบัตรคนจน โดยเตรียมที่จะเพิ่มและเปิดช่องให้ชาวบ้านกดเงินสดเพื่อนำไปใช้ได้ตามใจ ก็พอจะเห็นทิศทางแล้วว่า ผู้นำเผด็จการและคณะสนุกสนานกับการทำประชานิยมและเชื่อมั่นว่าคนจะเสพติดกันเป็นอย่างมาก
น่าสนใจ ตรงที่การคลายหลักเกณฑ์บัตรคนจนนั้น ดันไปสอดคล้องกับแนวทางของพรรคประชาธิปัตย์ ที่เสนอมาก่อนหน้านี้ว่า ต้องไม่จำกัดการใช้ของคนจน แต่ปัญหาก็คือโครงการนี้ถูกเอื้อประโยชน์ให้กับนายทุนใหญ่มาตั้งแต่ต้น ท่านผู้นำจึงขยักไว้ว่า เม็ดเงินที่จะให้กดได้ต้องเหลือไว้ไปซื้อของกับร้านประชารัฐบ้าง แหม ! วางตัวอย่างนี้เจ้าสัว นายทุนทั้งหลายรักตายเลย
กระนั้นก็ตาม ต้องอย่าลืมว่าบนถนนสายการเมืองนั้น ไม่ได้เดินกันโดยไร้การสะดุดแต่อย่างใด แค่เปิดช่องว่างหรือการ์ดตกเมื่อไหร่ มีโอกาสที่จะถูกสอยร่วงได้ง่าย ๆ จับอาการจากโพสต์ล่าสุดของ นิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ รองหัวหน้าพรรคเก่าแก่ ถ้าไม่ใช่แค่สะกิดเพื่อรักษาฟอร์มหรือทำให้เห็นระยะห่างระหว่างพรรคที่อ้างหลักการกับเผด็จการ นี่เท่ากับเป็นการส่งสัญญาณเตือนว่า ช่วงของการหาเสียงเลือกตั้ง นอกจากฝ่ายตรงข้ามแล้ว พรรคของเผด็จการต้องเจอคู่ปรับเขี้ยวลากดินเล่นงานสาหัสสากรรจ์แน่
แค่การพูดถึงนโยบายบัตรคนจนในมุมของนิพิฏฐ์ก็เรียกความสนใจได้มากโขแล้ว ด้วยการเรียกขานนโยบายดังกล่าวว่า “นโยบายทำให้คนจนหมด” ก่อนจะชี้ต่อไปว่าการลด แลก แจก แถม ถือเป็นการขอขมาต่อประชาชนที่ได้ใช้นโยบายคนจนหมด ส่วนประชาชนจะยอมรับการขอขมาหรือไม่ ต้องคอยดูกันต่อไป ในขณะที่ท่านผู้นำก็มีการแขวะหลายโครงการของพรรคเก่าแก่อยู่เป็นระยะเหมือนกัน
ความเคลื่อนไหวทางการเมืองของคนตระกูลชินวัตร นอกจากรายการของทักษิณและตามมาด้วยการช่วยโฆษณาของยิ่งลักษณ์แล้ว กรณี เยาวภา วงศ์สวัสดิ์ มอบหมายให้ทนายความไปฟ้องร้องเอาผิดผู้ที่สร้างข่าวว่าเจ้าตัวได้ร่วมกับผู้กระทำความผิดในคดีจำนำข้าว และมีชื่อเป็นผู้ถูกกล่าวหาในคดีจีทูจีล็อตสอง โดยกำลังถูกป.ป.ช.ดำเนินการ ทำให้ต้องประกาศขายบ้านและเผ่นไปต่างประเทศนั้น ถือเป็นการขยับทางการเมืองที่น่าติดตาม
หลังจากที่เก็บตัวเงียบ แม้ตอนนี้ยังไม่ได้เห็นการปรากฏตัวของเจ๊แดงก็ตาม แต่การส่งทนายความให้ดำเนินการในลักษณะเช่นนี้ ย่อมมีความหมายอย่างแน่นอน และถ้าเป็นการสอดประสานกับจังหวะเคลื่อนของทักษิณผ่านรายการทุกวันจันทร์ด้วยแล้ว ถือว่าไม่ธรรมดา ยังไม่นับรวมการเดินเกมของ พานทองแท้ ชินวัตร ที่หากติดตามกันอย่างต่อเนื่องจะเห็นได้ถึงกระบวนการปั่นหัว เรียกแขกและสร้างความมั่นใจให้กับบรรดาลิ่วล้อไปในตัว
ภาวะกลัวแต่ไม่แสดงออกของฝ่ายกุมอำนาจมีให้เห็นมากขึ้นเรื่อย ๆ การเลื่อนเลือกตั้งถือเป็นตัวอย่างหนึ่ง หลายคนอาจเกิดคำถามว่า ในเมื่อมีอาวุธครบมือทั้งกฎหมายที่ชงเองกินเอง ผนวกเข้ากับอำนาจเบ็ดเสร็จเด็ดขาดและมาตราวิเศษที่อยู่ในมือ ไม่เห็นจะต้องกลัวอะไร ด้านหนึ่งอาจคิดเช่นนั้นได้ แต่อีกด้านปัจจัยกดดันต่าง ๆ ในส่วนที่มองเห็นและอธิบายได้ก็ยังไม่แน่ใจ ถ้าถึงเวลาทีเด็ดทีขาดจะจัดการได้หรือไม่ ยังไม่นับรวมปัจจัยที่มองไม่เห็นที่เป็นสิ่งซึ่งไม่มีใครคาดคิดได้ว่ามันจะเป็นไปได้อย่างไร