เลือกหุ้นมีปัจจัยบวก!!
เมื่อภาวะตลาดหุ้นมีความผันผวนต่อเนื่องจากช่วงครึ่งแรกของเดือนมกราคม
เส้นทางนักลงทุน
เมื่อภาวะตลาดหุ้นมีความผันผวนต่อเนื่องจากช่วงครึ่งแรกของเดือนมกราคม แม้ว่าดัชนีตลาดหุ้นไทยจะสามารถปรับตัวขึ้นยืนเหนือแนวรับ 1,580 จุด แต่ถือว่ายังไม่แข็งแกร่ง เพราะตอนนี้ที่กดดันตลาดฯ มีแต่แรงขายของสถาบัน เมื่อไหร่หยุดขายตลาดฯ ก็มีโอกาสขึ้นไปต่อได้ รวมถึงยังมีหลายปัจจัยที่รอติดตามต่อในช่วงครึ่งหลังของเดือนมกราคม เพราะฉะนั้นหุ้นไทยช่วงนี้ยังมีความอ่อนไหวสูงตามกระแสข่าว และยังต้องระวังการแกว่งตัวของตลาดอยู่….!!!
สืบเนื่องจากยังคงมีหลายปัจจัยต้องติดตาม ได้แก่
- การเจรจาแก้ไขร่างข้อตกลง Brexit รอบใหม่ หลังไม่ผ่านความเห็นชอบจากรัฐสภาอังกฤษเมื่อวันที่ 15 ม.ค. 2562 ที่เพิ่งผ่านมา
- การเจรจาการค้าสหรัฐฯ-จีนรอบที่ 2 ของปีนี้ในวันที่ 30-31 ม.ค. ถึงแม้ที่ผ่านมามีพัฒนาการในทางบวก แต่มองโอกาสที่สหรัฐฯ และจีนจะได้ข้อตกลงการค้าร่วมกันภายในวันที่ 1 มี.ค. เพียง 30% เท่านั้น เชื่อว่าทั้ง 2 ฝ่ายจะต้องมีการขยายเวลาการชะลอปรับขึ้นภาษีออกไปอีก เพราะฉะนั้นนักลงทุนอย่าคาดหวังสูงว่าสงครามการค้าจะยุติลงได้ในเร็ว ๆ นี้
- ภาวะ “ชัตดาวน์” ของสหรัฐฯ ที่ยืดเยื้อเข้าสู่สัปดาห์ที่ 4 เพราะยิ่งยืดเยื้อจะยิ่งเพิ่มความเสี่ยงต่อเศรษฐกิจสหรัฐฯ ในการเข้าสู่ภาวะถดถอยมากขึ้น
- การประชุม 3 ธนาคารกลางสำคัญในช่วงครึ่งเดือนหลัง ทั้ง BOJ, ECB และ FED ในวันที่ 22-23 ม.ค., 24 ม.ค. และ 29-30 ม.ค. ตามลำดับ เชื่อว่าทั้ง 3 ธนาคารจะคงดอกเบี้ยนโยบายตามเดิมไปอย่างน้อย 3-4 เดือนข้างหน้า หรือจนถึงช่วงกลางปีนี้ เพื่อประเมินพัฒนาการทางเศรษฐกิจและความผันผวนของตลาดการเงิน
- ด้านการกำหนดวันเลือกตั้งใหม่ หลายฝ่ายมองอย่างเร็วสุดจะมีความชัดเจนเกิดขึ้นในช่วงสิ้นเดือน ม.ค.นี้เท่านั้น หากมีความชัดเจนวันเลือกตั้ง จะเป็นปัจจัยบวกต่อตลาด อิงจากสถิติในอดีต ตลาดหุ้นจะให้ผลตอบแทนเป็นบวกเฉลี่ย 2.4-2.5% ในช่วง 1-2 เดือนก่อนการเลือกตั้ง
ส่วนฤดูกาลทยอยประกาศผลประกอบการ แม้ภาพรวมกำไรในไตรมาสนี้จะไม่เติบโต แต่ไม่น่าจะสร้างความผิดหวังในแง่ลบแก่ตลาด ขณะที่การจ่ายเงินปันผล น่าจะช่วยจำกัด Downside Risk ของตลาดในช่วงนี้
ประเด็นดังกล่าวล้วนชี้เป็นชี้ตายต่อภาวะตลาดหุ้นได้ทั้งนั้น…ไม่มากก็น้อย!!!
ดังนั้น ด้วยตลาดหุ้นยังอยู่ในช่วงอ่อนไหวสูงตามกระแสข่าว แต่มองว่าเป็นจังหวะเข้าลงทุนเป็นรอบ!!!
โดยประเด็นหุ้นน่าสนใจในระยะสั้น คือ
- หุ้นได้ประโยชน์การกระตุ้นการบริโภค (สวัสดิการแห่งรัฐ, และมาตรการช้อปช่วยชาติในช่วง 15 ธ.ค.-15 ม.ค. ต่อเนื่องถึงช้อปตรุษจีนคืน VAT 5% ในช่วง 1-15 ก.พ.) ได้แก่ CPALL, BJC, ROBINS
- นักท่องเที่ยวจีนเริ่มฟื้นตัว, ขยายเวลายกเว้นค่าธรรมเนียมวีซ่า (VoA) จนถึงสิ้นเดือน เม.ย. และการเข้าสู่ช่วงไฮซีซั่นฤดูกาลท่องเที่ยวไทย ได้แก่ AOT, MINT, CENTEL, ERW
- หุ้นได้ประโยชน์จากบาทแข็งค่าสุดในรอบเกือบ 9 เดือน ได้แก่ COM7, SYNEX, TOA, TVO
- ลุ้น Foreign Fund Flows ไหลกลับต่อเนื่อง หุ้นขนาดใหญ่จะเป็นเป้าหมายหลัก ได้แก่ PTTEP, BBL, KBANK, SCB, CPALL, CPF, SCC, AOT, BDMS
- หุ้นคาดงบปี 2561 ออกมาดี ได้แก่ AOT, CENTEL, INTUCH, KKP, KTB, MTC, PLANB, SCCC, SEAFCO, SVI, VNT
- หุ้นคาดปันผลดี (คัดเลือกจาก) Div. Yield มากกว่าระดับ 6% ขึ้นไป ได้แก่ AP, ASEFA, ASK, KGI, MFC, MSC, NNCL, ORI, SC, SCP, SIS, TIP, TKS, VNT ส่วน Div. Yield 3-6% ได้แก่ AH, ANAN, AUCT, COM7, CTW, DELTA, GLOW, HANA, IHL, KIAT, LH, LIT, LPN, MOONG, NYT, PTTGC, QH, SAT, SMIT, SNC, TWPC, UTP, WHAUP
ทั้งนี้ หุ้นที่นำเสนอถือเป็นตัวเลือกในการลงทุน เพราะอย่างไรก็ตามจะมีสิทธิในการที่นักลงทุนจะเลือกเข้าเก็งกำไรด้วยปัจจัยบวกนั่นเอง และสิ่งสำคัญยังถือเป็นหุ้นปลอดภัยยามภาวะตลาดที่ยังผันผวน!!!
…