พาราสาวะถีอรชุน
ผ่านไป 83 ปีประชาธิปไตยไทยที่ทำท่าว่าจะเต็มใบ ครั้งหนึ่งเคยถูกมองว่าเป็นหัวหอกเป็นต้นแบบในการพัฒนาประชาธิปไตยของอาเซียน มาถึงวันนี้กลับถอยหลังกลับแม้แต่พม่ายังทำท่าว่าจะเดินแซงหน้า เหตุผลสำคัญที่เป็นตัวฉุดให้ประชาธิปไตยที่เปลี่ยนแปลงมาเกือบศตวรรษกระท่อนกระแท่นและยังเป็นประชาธิปไตยครึ่งใบหนีไม่พ้นการรัฐประหาร
ผ่านไป 83 ปีประชาธิปไตยไทยที่ทำท่าว่าจะเต็มใบ ครั้งหนึ่งเคยถูกมองว่าเป็นหัวหอกเป็นต้นแบบในการพัฒนาประชาธิปไตยของอาเซียน มาถึงวันนี้กลับถอยหลังกลับแม้แต่พม่ายังทำท่าว่าจะเดินแซงหน้า เหตุผลสำคัญที่เป็นตัวฉุดให้ประชาธิปไตยที่เปลี่ยนแปลงมาเกือบศตวรรษกระท่อนกระแท่นและยังเป็นประชาธิปไตยครึ่งใบหนีไม่พ้นการรัฐประหาร
แต่หนนี้การยึดอำนาจเมื่อ 22 พฤษภาคมที่ผ่านพ้นมา 1 ปีเศษ จากความตั้งใจของผู้ที่เกี่ยวข้องนับตั้งแต่ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ไปจนถึงองคาพยพแม่น้ำ 5 สายที่จะทำให้ไทยมีประชาธิปไตยที่สมบูรณ์ ดูเหมือนว่ายังห่างไกลจากความเป็นจริง เพราะมีองค์กรที่จะผลิดอกออกผลมาจากการลากตั้งยั้วเยี้ยไปหมด โดยนักการเมือง พรรคการเมืองที่จะเดินบนถนนสายประชาธิปไตยกลายเป็นแค่พระรอง
ทั้งหลายทั้งปวงมีเหตุผลมาจากการช่วงชิงอำนาจล้วนๆ ไม่ว่าจะจากฝ่ายใดก็ตาม โดยใช้ตุ๊กตาที่ชื่อว่า ทักษิณ ชินวัตร มาเป็นตัวตั้ง สร้างความหวาดกลัวหลอกหลอนประชาชน จากนั้นก็ยกร่างเขียนกฎหมายเพื่อตีกันคนหนึ่งคนพร้อมเครือข่าย ด้วยสารพัดวิธีที่แยบยล เมื่อมองกันแค่นี้ โอกาสที่จะพาประเทศเดินไปข้างหน้าที่เรียกว่าปฏิรูปจึงเป็นฝันลมๆ แล้งๆ
ปมว่าด้วยการปฏิรูปที่หลังจากสมาชิกสปช.ยกมือโหวตร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่แล้ว ต้องพ้นสภาพจากนั้นจะมีการตั้งสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศขึ้นมาแทน เวลานี้กลายเป็นว่าถูกนำมาเชื่อมโยงกับกรณีข้อเสนอให้ตั้งบ่อนกาสิโนในประเทศไทยของสมาชิกสปช.กลุ่มรักชาติแบบเรียกเสียงฮือทีเดียว จากข้อมูลของ สิระ เจนจาคะ สมาชิกสปช.ด้านสังคม
โดยสิระบอกว่า ความเคลื่อนไหวดังกล่าวเป็นการออกหน้าเพื่อหวังที่จะได้รับการเลือกให้ไปนั่งในสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปฯ อีกคำรบ มีพลเอกรายหนึ่งเป็นผู้อยู่เบื้องหลัง ที่น่าสนใจจากข้อมูลของสมาชิกสปช.รายดังว่าคือ หากทำสำเร็จจะมีเงินรางวัลสำหรับความดีความชอบถึงหมื่นล้านบาท ตัวเลขนี้ไม่ธรรมดา ลำพังสมาชิกสปช.และพลเอกดังว่าจะกล้ากันขนาดนั้นหรือ
คำถามก็คือ ด้วยเม็ดเงินขนาดนั้นดีลดังว่าต้องไม่ธรรมดา ทางที่ดีสิระควรจะเปิดเผยข้อมูลต่อว่า มีอะไรที่เป็นเบื้องลึกเบื้องหลังมากกว่านี้หรือไม่ ส่วนที่ พลตำรวจเอกสมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง นายใหญ่ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติออกโรงสนับสนุนจนถูกกลุ่มคนดีทั้งหลายก่นด่าทั้งประเทศ ก็น่าที่จะต้องขีดเส้นใต้อยู่ไม่น้อย
ในฐานะผู้รักษากฎหมายเหตุไฉนถึงได้กล้าเอาตำแหน่งอันสำคัญของตัวเองมาแปดเปื้อน นั่นเป็นเพราะความเป็นจริงของประเทศไทย สิ่งไหนที่ผิดกฎหมายยิ่งปราบปรามยิ่งเพิ่มพูน บางทีคงต้องเลิกดัดจริต แล้วหันมามองว่า บางสิ่งบางอย่างนั้น มีการรณรงค์กันอย่างต่อเนื่องยาวนานแล้วเหตุใดหลายอย่าง ภาครัฐถึงได้มีการตั้งองค์กรหรือหน่วยงานที่มาดำเนินการเรื่องนี้เสียเอง
ไม่ว่าจะเป็นยาเสพติดอย่างบุหรี่และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ รวมไปถึงสลากกินแบ่งรัฐบาลซึ่งถือเป็นการพนันอบายมุขอย่างหนึ่ง นอกเหนือจากไม่เลิกแล้ว หลังปรับมาตรการทำให้ล็อตเตอรี่ขายตามราคาฉบับละ 80 บาทได้แล้ว ท่านผู้นำยังมีแนวคิดที่จะเปิดให้เสี่ยงโชคด้วยเลข 3 ตัวหน้ารางวัลที่หนึ่งอีกต่างหาก เช่นนี้จะเรียกปากว่าตาขยิบได้หรือเปล่า
พูดถึงท่านผู้นำแล้วยังคงไม่แฮปปี้กับเสียงวิพากษ์วิจารณ์ สังเกตได้จากการที่คณะติดตามการเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารของคณะรักษาความสงบแห่งชาติที่มีพลโทสุชาติ ผ่องพุฒิ เจ้ากรมการทหารสื่อสาร ทำหน้าที่เลขาธิการได้เรียกบรรณาธิการสื่อสิ่งพิมพ์เข้าพบถึงสองครั้งติดในช่วงสองสัปดาห์ที่ผ่านมา ก่อนที่จะเรียกสื่อทีวีและวิทยุกว่า 200 รายเข้าพบในวันศุกร์นี้
เหตุผลที่เจ้ากรมการทหารสื่อสารบอกก็คือ ไม่สบายใจต่อการตั้งคำถามของนักข่าวภาคสนามที่มีต่อหัวหน้าคสช. พร้อมย้ำว่าการเรียกคุยไม่ได้มีใบสั่งมาจากใครทั้งนั้น แต่ว่าบรรณาธิการที่เข้าพบก็สวนกลับทันควัน ผู้สื่อข่าวภาคสนามจำเป็นต้องถามในประเด็นความขัดแย้ง เพื่อที่จะได้ทราบแนวคิดหรือแนวทางของนายกฯ หรือผู้นำทหารต่อเรื่องนั้นๆ เพื่อจะได้รู้แนวทางการแก้ปัญหา เชื่อว่าไม่มีผู้สื่อข่าวคนไหนอยากถามให้ทะเลาะกันหรือทำให้นายกฯ อารมณ์เสีย
ขณะที่เรื่องการวิเคราะห์คาดการณ์ มักจะอยู่ในส่วนของบทความ ไม่ใช่ข่าว ดังนั้นต้องแยกให้ถูกว่า ส่วนไหนเป็นบทความส่วนไหนเป็นข่าว นอกจากนั้น ยังได้กระตุกเตือนฝ่ายมอนิเตอร์สื่อของคสช.ต่อว่า บางครั้งคสช.ไม่ต้องถึงขั้นสายตรงถึงบรรณาธิการ เพราะจะถูกมองว่าแทรกแซงสื่อ ควรทำความเข้าใจกับผู้สื่อข่าวภาคสนามก่อนเป็นขั้นตอนแรก
แต่ก็อีกนั่นแหละ ต้องยอมรับกันว่าสื่อบางสำนักก็ทำตัวเป็นลิ่วล้อที่คอยยกหางผู้มีอำนาจอยู่ตลอดเวลา จนละเลยต่อกระบวนการตรวจสอบอันถือเป็นจรรยาบรรณที่ต้องถือปฏิบัติโดยเคร่งครัด ซึ่งประเด็นนี้ก็หนีไม่พ้น อคติที่มีต่อระบอบทักษิณ เหมือนที่ย้ำมาโดยตลอดองค์กรวิชาชีพต้องทำหน้าที่ตรวจสอบและปกครองกันโดยเคร่งครัด ไม่ใช่เลือกปฏิบัติทำตัวสองมาตรฐานเหมือนอย่างที่ผ่านมา
ส่วนปัญหาความไม่พอใจของผู้มีอำนาจอันเนื่องจากคำถามของผู้สื่อข่าวนั้น ถูกต้องแล้วที่ตัวแทนสื่อบอกเจ้ากรมการทหารสื่อสารไป ช่วยสะกิดเตือนเจ้านายหน่อยว่าให้สัมภาษณ์หรือพูดให้น้อยลงเพราะยิ่งพูดมาก ยิ่งเกิดปัญหาให้ตามแก้ไข จุดใหญ่ใจความคือ ขอให้มีทัศนคติที่ดีต่อสื่อบ้าง อย่าคิดว่าสร้างความขัดแย้งเพื่อที่จะขายข่าว ตอนนี้ถือว่า ทุกคนให้โอกาสพลเอกประยุทธ์ในการแก้ปัญหาประเทศ สื่อก็จะทำหน้าที่ให้ดีที่สุด
สำหรับการปิดสื่อซึ่งที่ผ่านมาจนถึงขณะนี้คงมีทีวีเสื้อแดงที่ชื่อพีซ ทีวีเท่านั้นที่ถูกคำสั่งกสทช.ให้จอดำ ล่าสุด คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติได้มีมติออกมาแล้วว่า ให้กสท.ที่มีมติดังกล่าวทบทวนคำสั่ง เพราะมติดังกล่าวเป็นการใช้ดุลพินิจไม่เป็นไปตามเจตนารมณ์ของกฎหมาย แต่คงไม่มีผลในทางปฏิบัติใดๆ อย่างที่รู้กันไม่มีอำนาจใดจะเหนือกว่าอำนาจรัฏฐาธิปัตย์อีกแล้ว คงไม่มีผู้มีอำนาจเบ็ดเสร็จเด็ดขาดที่ไหนจะใจกว้าง อดทนฟังสื่อที่วิพากษ์วิจารณ์ตนเองตลอดเวลาได้อย่างแน่นอน