จีนกับ กลยุทธ์นอนกองฟืน กลืนดีขม
ข้อเสนอในการเจรจาการค้าของตัวแทนจีนที่ทำให้ดัชนีตลาดหุ้นทั่วโลกสดใสอีกครั้ง คลายกังวลเรื่องผลกระทบของสงครามการค้าสหรัฐฯ-จีนลงไป อาจจะถือได้ว่าเป็นชัยชนะชั่วคราวของโดนัลด์ ทรัมป์และพวก แต่ที่แน่นอนคือไม่ใช่ความพ่ายแพ้ของจีน
พลวัตปี 2019 : วิษณุ โชลิตกุล
ข้อเสนอในการเจรจาการค้าของตัวแทนจีนที่ทำให้ดัชนีตลาดหุ้นทั่วโลกสดใสอีกครั้ง คลายกังวลเรื่องผลกระทบของสงครามการค้าสหรัฐฯ-จีนลงไป อาจจะถือได้ว่าเป็นชัยชนะชั่วคราวของโดนัลด์ ทรัมป์และพวก แต่ที่แน่นอนคือไม่ใช่ความพ่ายแพ้ของจีน
เหตุผลก็เพราะข้อเสนอที่จีนให้มานั้น จีนไม่ได้สูญเสียอะไรเลย แต่สามารถซื้อเวลาให้สินค้าจีนพบช่องทางระบายในเวลาอีกระยะหนึ่ง เป็นไปตามกลยุทธ์สงครามยืดเยื้อ ที่เลียนแบบมาจากยุคเลียดก๊ก หรือจ้านกว๋อ นั่นเอง
ตัวแทนเจรจาการค้าจีนได้เสนอแผนเพื่อแก้ไขความขัดแย้งทางการค้ากับสหรัฐฯ โดยจีนเสนอที่จะเพิ่มการนำเข้าสินค้าสหรัฐฯ เป็นเวลา 6 ปี รวมมูลค่ามากกว่า 1 ล้านล้านดอลลาร์ โดยเสนอที่จะเพิ่มการนำเข้าสินค้าจากสหรัฐฯ เพื่อลดการขาดดุลการค้าของสหรัฐฯ ที่มีต่อจีนให้เหลือศูนย์ภายในปี 2567 จากที่ขาดดุลการค้าต่อจีนจำนวน 3.23 แสนล้านดอลลาร์ในปีที่แล้ว
รายงานดังกล่าวมีขึ้น หลังจากที่ทางการจีนยืนยันว่า นายหลิว เหอ รองนายกรัฐมนตรีจีน จะเดินทางเยือนสหรัฐฯ ในช่วงปลายเดือนนี้ เพื่อเปิดการเจรจากับสหรัฐฯ รอบใหม่
นอกจากนี้ หนังสือพิมพ์วอลล์สตรีท เจอร์นัล ระบุว่า คณะทำงานของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ กำลังหารือกันเกี่ยวกับการผ่อนคลายมาตรการเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากจีน ซึ่งอาจจะเป็นการยกเลิกภาษีนำเข้าสินค้าบางประเภทหรืออาจจะยกเลิกทั้งหมด โดยมีเป้าหมายที่จะลดความตึงเครียดทางการค้าระหว่างสองประเทศ
ทันทีที่ข้อเสนอนี้ออกมา โดยไม่ได้พูดถึงการอ่อนข้อเรื่องทรัพย์สินทางปัญญาว่าด้วยสินค้าเทคโนโลยี ผู้เชี่ยวชาญจีน ระบุตรงกันว่าเป็นกลยุทธ์เก่าแก่ที่ เยว่อ๋องโกวเจี้ยน เคยใช้มาก่อนเพื่อเตือนใจให้รำลึกถึงความอัปยศอดสู ครั้งที่พ่ายการศึกต่ออู๋อ๋องเจ้าแห่งแคว้นอู๋ และถูกจับไปเป็นเชลยศึกถึง 3 ปี ขมขื่นลำบากลำบนแค่ไหนก็ต้องทน เพราะต้องการที่จะแก้แค้นและกู้ชาติ
ครั้งนั้น เยว่หวางโกวเจี้ยน เป็นเจ้าผู้ครองรัฐเยว่ (ปัจจุบันตั้งอยู่ใกล้กับทางทิศเหนือของมณฑลเจ้อเจียง) เกิดในช่วงปลายยุคชุนชิว สืบทอดตำแหน่งเจ้ารัฐจาก เยว่อ๋องหยุนช๋าง ผู้เป็นบิดา ที่ถูกจับตัว จำต้องยอมทำทุกอย่างที่แสดงออกถึงความจงรักภักดีเพื่อให้อู๋อ๋องไว้ใจ
คราวหนึ่งอู๋อ๋องปวดท้อง บรรดาหมอหลวงทั้งหลายไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้ โกวเจี้ยนกษัตริย์แห่งแคว้นฝ่ายเยว่ถูกคัดเลือกให้ “ชิม” อุจจาระของอู๋อ๋องต่อหน้าเสนาธิการทั้งปวงทำให้เสื่อมเกียรติ เสียชื่อเสียง และได้รับความอับอายขายหน้าเป็นอันมาก แต่ก็ต้องกล้ำกลืนฝืนทน เพราะยามนั้น “แพ้”
เมื่อลิ้มชิมรสอึครั้งแรกครั้งเดียวในชีวิต อ๋องผู้แพ้ได้บอกต่อที่ประชุมว่าพระวรกายเย็นเกินไป หากได้ดื่มสุราและทำร่างกายให้อบอุ่นขึ้นก็จะมีอาการดีขึ้นเอง ซึ่งเมื่อทำตาม อู๋อ๋องก็หายประชวรและมีความเห็นว่าโกวเจี้ยนมีความจงรักภักดีจึงปล่อยตัวกลับคืนสู่แคว้นเยว่
เมื่อได้รับอิสรภาพกลับสู่แคว้นเยว่ โกวเจี้ยนก็วางแผนร่วมกับคู่ใจ ฟ่าน หลี และเหวิน จ้ง วางแผนการ 3 อย่าง คือ
1) ฝึกฝนกองกำลังทหารให้เข้มแข็ง เตรียมการ เตรียมพร้อม สร้างกองทัพ
2) พัฒนาด้านกสิกรรมให้เสบียงอาหารพร้อมเพรียง ไม่ขาดตกบกพร่อง กองทัพเดินได้ด้วยท้อง
3) อุบายส่งสาวงามเพื่อให้อู๋อ๋องฟูชา ลุ่มหลงมอมเมา และเพื่อสืบข่าวจนทำให้รัฐอู๋เสื่อมอำนาจ สาวงามที่ยินดีปฏิบัติการ คือ ไซซี (1 ใน 4 สาวงามอมตะ) เจ้าของสมญา “มัจฉาจมวารี” นางผู้รู้ใจของฟ่าน หลี
เหวินจ่ง ก็แนะอุบายแก่โกวเจี้ยนว่า “นกซึ่งบินสูง ตายเพราะอาหารอร่อย ปลาในน้ำลึก ตายเพราะเหยื่อหอม ถ้าท่านประสงค์จะล้างความอัปยศของท่าน ก็พึงคล้อยตามความพึงพอใจของฟูชา”
อู๋อ๋อง เกิดความเย่อหยิ่งลำพองใจ วัน ๆ เอาแต่มั่วโลกีย์กับ “ไซซี” สาวงามที่แคว้นเยว่ส่งมาปรนเปรอ
วันแล้ววันเล่า คืนแล้วคืนเล่า โกวเจี้ยนต้องทนกับสภาวะหน้าชื่นอกตรม เฝ้าคอยโอกาสตลอดเวลาและเพื่อไม่ให้ลืมความขมขื่นในครั้งที่ตก เป็นเชลยรัฐอู๋ โดยได้ทรมานตัวเองด้วยการนอนบนที่นอนที่ปูด้วยกองฟืน และเลียดีขมก่อนนอนทุกวันเป็นเวลาติดต่อกันนานถึง 13 ปี เพื่อพิจารณาตนเอง ตักเตือนตนเอง สั่งสอนตัวเองให้เข็ดหลาบจดจำกับการเป็นผู้แพ้
ภายใต้ข้อเสนอนี้ สินค้าจีนจะไม่ถูกตั้งกำแพงภาษีรุนแรงตามคำขู่คุกคามของทรัมป์และพวก ส่งผลให้ตัวเลขการส่งออกของจีนไม่เสียหายในยามที่กระจายตลาดมากขึ้นในช่วง “พักยก”
ในขณะที่สหรัฐฯ ก็ยังสมารถเปิดตลาดจีนมากขึ้น ยกเว้นตลาดสินค้าเทคโนโลยีที่จีนยังคงมุ่งมั่นพัฒนาตามแผนยุทธศาสตร์หลัก
การค้าที่เติบโตของทั้งสหรัฐฯ และจีน จะทำให้จีนสามารถรักษาความมุ่งมั่นในยุทธศาสตร์เศรษฐกิจของจีน เรื่องเป็นเจ้าเทคโนโลยีของโลกทัดเทียมชาติอื่น ๆ ก้าวข้ามกับดักชาติรายได้ปานกลางไปได้ ซึ่งหากจีนสามารถบรรลุเป้าหมายได้ สหรัฐฯ ก็จะหมดอิทธิพลลงทันทีทั้งทางทหาร และเศรษฐกิจ เกิดภาวะ “กระแสลมพัดกลับบูรพา” ระลอกใหม่ ด้วยการ “โยนทิ้งภาพลวงตา” จากการพึ่งพาเทคโนโลยีดิจิทัลจากภายนอก เพื่อให้บรรลุเป้าหมายเป็นเจ้าโลกใน 10 อุตสาหกรรมเป้าหมาย ตามที่ระบุไว้ในแผนยุทธศาสตร์ Made In China 2025 ที่เชื่อกันว่า เป็นยุทธศาสตร์ที่สหรัฐฯ รู้สึก “ขุ่นเคือง” มากที่สุด เพราะหากจีนบรรลุได้ จะกระเทือนถึงบริษัทอเมริกันโดยตรงถึงรากฐาน
การงัดเอากลยุทธ์เก่าแก่ของเยว่อ๋อง โกวเจี้ยน มาใช้ใหม่นี้ แม้จะไม่มีหลักประกันว่าจะยุติสงครามการค้าโลกได้ แต่ก็ทำให้แรงกดดันจากสหรัฐฯ เบาลง
จะบอกว่าจีนยอมแพ้ก็คงไม่ถูก แค่ยอมงอ ไม่หักดิบทื่อ ๆ ยอมรับการเดินบนเส้นทางสายอ้อม เพราะสายตรงถูกอุปสรรคมากเกิน เท่านั้นเอง