หุ้นเด่นกลุ่มยานยนต์

อุตสาหกรรมยานยนต์ในประเทศมีการเติบโตอย่างน่าประทับใจตลอด 1 ปีที่ผ่านมา โดยตัวเลขยอดผลิตรถยนต์โตได้อย่างน่าประทับใจที่ 2.17 ล้านคัน


เส้นทางนักลงทุน

อุตสาหกรรมยานยนต์ในประเทศมีการเติบโตอย่างน่าประทับใจตลอด 1 ปีที่ผ่านมา โดยตัวเลขยอดผลิตรถยนต์โตได้อย่างน่าประทับใจที่ 2.17 ล้านคัน เพิ่มขึ้น 9.0% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า ซึ่งเป็นตัวเลขยอดการผลิตที่ดีที่สุดในรอบ 5 ปี โดยมีปัจจัยหนุนจากยอดขายในประเทศที่สดใสที่ 1.04 ล้านคัน เติบโตถึง 19.5% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า ในขณะที่ยอดส่งออกรถยนต์ยังคงทรงตัวที่ 1.14 ล้านคัน เพิ่มขึ้น 0.08% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า

ตัวเลขยอดผลิตรถยนต์ในปี 2561 ที่มีการเติบโต 2.17 ล้านคัน โดยมีปัจจัยหนุนจากยอดขายในประเทศที่สดใสมีสาเหตุหลัก ดังนี้

  1. ค่ายรถยนต์มีการทยอยเปิดตัวรถยนต์โมเดลใหม่ ๆ ออกมาอย่างต่อเนื่อง
  2. ภาพรวมเศรษฐกิจในประเทศที่มีแนวโน้มฟื้นตัว
  3. การปลดล็อกของนโยบายรถคันแรกในสมัยปี 2555-2556 ซึ่งตามกฎหมาย ผู้ซื้อรถภายใต้นโยบายรถคันแรกสามารถขายหรือเปลี่ยนมือได้หลังจากถือครองรถยนต์ครบ 5 ปีขึ้นไป ทำให้ในปี 2561 ผู้ซื้อรถในช่วงนโยบายรถคันแรกที่ได้ถือครองรถยนต์ครบ 5 ปี เริ่มมีการเปลี่ยนเป็นรถยนต์คันใหม่เป็นครั้งแรก
  4. ราคาสินค้าเกษตรที่มีแนวโน้มดีขึ้น

ส่วนด้านยอดส่งออกเองยังมีแนวโน้มทรงตัว โดยมีการเติบโตเล็กน้อย มีสาเหตุมาจากความต้องการรถยนต์ในประเทศออสเตรเลีย เอเชีย อเมริกากลาง และแอฟริกา ที่นำเข้ารถยนต์จากไทยมีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่อง

ขณะที่ยอดผลิตรถยนต์เดือนธันวาคม 2561 อยู่ที่ 169,355 คัน โต 7.7% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน ผลิตเพื่อขายในประเทศ 83,743 คัน เพิ่มขึ้น 11.3% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน และผลิตเพื่อการส่งออกที่ 85,612 คัน เพิ่มขึ้น 4.4% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน

เนื่องจากยอดขายรถยนต์ในประเทศช่วงเดือนธันวาคม 2561 ปรับตัวขึ้นเด่นสูงสุดรอบ 60 เดือน แตะ 113,581 คัน โต 8.9% เมื่อเทียบกับงวดเดียวของปีก่อน หลังได้แรงหนุนจากงานมหกรรมยานยนต์ ซึ่งช่วยชดเชยยอดส่งออกที่ลดลง 0.5% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน แตะ 95,407 คัน จากเศรษฐกิจคู่ค้าที่ชะลอตัว

ทั้งนี้ด้วยยอดผลิตรถยนต์ที่เพิ่มขึ้นในปี 2561 ประกอบกับยอดขายรถยนต์ในเดือนธันวาคมที่เพิ่มขึ้น มองเป็นผลบวกต่อธุรกิจเกี่ยวข้อง โดยเฉพาะในส่วนของ “ผู้ผลิตชิ้นส่วนยานยนต์” เติบโตควบคู่ไปกับยอดผลิตรถยนต์ที่เพิ่มขึ้น ซึ่งทำให้เชื่อว่ายอดการผลิตชิ้นส่วนยานยนต์หรืออุปการณ์ เติบโตโดดเด่นไม่แพ้กับยอดผลิตรถยนต์ที่โตในปี 2561 นั่นเอง

ดังนั้นคาดว่าบริษัทที่จะเติบโตคู่กับยอดผลิตรถยนต์ที่โตน่าประทับใจ…น่าจะเป็น บริษัท สมบูรณ์ แอ๊ดวานซ์ เทคโนโลยี จำกัด (มหาชน) หรือ SAT ซึ่งผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ เป็นกลุ่ม รถยนต์นั่ง รถกระบะ รถบรรทุกและอุตสาหกรรมเครื่องยนต์การเกษตร โดยกลุ่มลูกค้าหลักได้แก่ผู้ประกอบยานยนต์ ทั้งในประเทศและต่างประเทศ ซึ่งมีการทำสัญญาซื้อขายระยะยาว และผู้ค้าชิ้นส่วนอะไหล่

ขณะเดียวกัน ทางนักวิเคราะห์ประเมินกำไรปกติไตรมาส 4/2561 ที่ 247 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 36% จากงวดเดียวกันของปีก่อน และ 2% จากไตรมาสก่อน และยังคงเติบโตได้ดีกว่าภาพรวมอุตสาหกรรมยานยนต์ เนื่องจาก SAT มีรายได้จากคำสั่งซื้อใหม่เพิ่มต่อเนื่องตั้งแต่ไตรมาส 1/2561-ไตรมาส 2/2561 และไตรมาส 4/2561 ยังมีคำสั่งซื้อใหม่ Axle Shaft ที่ส่งออกไปยังสหรัฐฯ

นอกจากนี้ คาดว่า SAT จะมีผลการดำเนินงานที่ดีกว่าอุตสาหกรรม จากคำสั่งซื้อใหม่ที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง และยังได้ผลบวกจากกลุ่มเครื่องจักรกลการเกษตรและรถบรรทุกที่ยังขยายตัวได้ดี ยังแนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมายใหม่ 21 บาท

เช่นเดียวกับ บริษัท ไทยสแตนเลย์การไฟฟ้า จำกัด (มหาชน) หรือ STANLY ซึ่งเป็นผู้ผลิตอุปกรณ์ส่องสว่างยานยนต์ ได้แก่ หลอดไฟ ชุดโคมไฟ และแม่พิมพ์ โดยเป็นผู้ผลิตรถยนต์และรถจักรยานยนต์ทั้งในประเทศและต่างประเทศ

ขณะเดียวกัน ทางนักวิเคราะห์มองว่าส่วนยอดขายของ STANLY ในไตรมาส 3/2561/2562 (งวด ต.ค.-ธ.ค. 2561) จะยังเด่น 450 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 6% จากงวดเดียวกันของปีก่อน และมีแนวโน้มจะเติบโตเด่นกว่าอุตสาหกรรมยานยนต์ จากมีจุดเด่นและแข็งแกร่งในเรื่องเทคโนโลยี ได้รับคำสั่งซื้อใหม่ต่อเนื่อง ขยายการลงทุนเพิ่มกำลังการผลิต จะหนุนผลประกอบการปี 2562-2563 เติบโตเด่นต่อเนื่อง

เนื่องด้วยในอนาคตจะมีการพัฒนากล้องติดรถยนต์ ระบบเซ็นเซอร์ต่าง ๆ มาติดที่ไฟหน้ารถยนต์ ล่าสุดได้ประกาศลงทุนเพิ่มโรงงานผลิตโคมไฟที่ 8 มูลค่าลงทุน 1.5 พันล้านบาท เพื่อขยายกำลังการผลิตและเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต คาดจะเริ่มก่อสร้างในปี 2562 นี้ อีกทั้งมีการประมาณการผลการดำเนินงานแบบอนุรักษนิยมของปี 2561/2562 (เม.ย. 2561-มี.ค. 2562) ว่า STANLY จะมียอดขาย 14,212 ล้านบาท เติบโต 7.5% และมีกำไรสุทธิ 1,836 ล้านบาท เติบโต 10.7% คงแนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 300 บาท

ทั้งนี้ SAT และ STANLY ยังคงเลือกเป็น Top Pick ของกลุ่มยานยนต์ แม้ สอท.ตั้งเป้ายอดผลิตรถยนต์ปี 2562 ที่ 2.15 ล้านคัน ทรงตัวจากปี 2561 แต่ด้วยยอดผลิตที่เกิน 2.0 ล้านคัน ก็เชื่อว่า “ผู้ผลิตชิ้นส่วนยานยนต์” จะรับประโยชน์ต่อเนื่อง

อีกทั้งการเลือกตั้งจะเป็นตัวสร้างความเชื่อมั่นในด้านเศรษฐกิจ เนื่องจากการเลือกตั้ง 3 ครั้งหลังสุดของประเทศไทย ยอดขายรถยนต์มีการปรับตัวสูงขึ้นภายหลังการเลือกตั้งทุกครั้ง แสดงให้เห็นถึงความเชื่อมันของนโยบายและสภาพเศรษฐกิจของประเทศในอนาคต

ดังนั้นเชื่อว่ายอดขายรถยนต์ในประเทศจะยังเติบโตได้อย่างน่าประทับใจต่อ!!!

Back to top button