RML แตกไลน์สู่ ‘เฮลท์แคร์’
บริษัท ไรมอน แลนด์ จำกัด (มหาชน) หรือ RML น่าจะเป็นบริษัทอสังหาริมทรัพย์รายล่าสุดที่เห็นการขยับตัว...ด้วยการแตกไลน์ไปทำธุรกิจอื่น ๆ ควบคู่ไปด้วย เพื่อสร้าง Recurring Income ให้กับบริษัท
สำนักข่าวรัชดา
บริษัท ไรมอน แลนด์ จำกัด (มหาชน) หรือ RML น่าจะเป็นบริษัทอสังหาริมทรัพย์รายล่าสุดที่เห็นการขยับตัว…ด้วยการแตกไลน์ไปทำธุรกิจอื่น ๆ ควบคู่ไปด้วย เพื่อสร้าง Recurring Income ให้กับบริษัท
ธุรกิจที่ RML หวังจะฝากผีฝากไข้…ช่วยสร้างรายได้ประจำ (ไม่แน่อาจกลายเป็นรายได้หลักในอนาคต) ก็คือ ธุรกิจสุขภาพ หรือเฮลท์แคร์ เพราะเห็นถึงโอกาสทางธุรกิจที่มีแนวโน้มเติบโต สอดคล้องกับเทรนด์ทั่วโลกที่หันมาใส่ใจสุขภาพมากขึ้น
จึงเป็นที่มาของการทุ่มงบลงทุนกว่า 1,300 ล้านบาท สร้าง “ศูนย์สุขภาพการเจริญพันธุ์” เพื่อให้คำปรึกษาด้านการมีบุตร รวมถึง “ศูนย์เวชศาสตร์การชะลอวัย” เพื่อรองรับความต้องการของผู้รับบริการให้ครอบคลุมรอบด้าน บนเนื้อที่ราว 40 ไร่ ภายในโครงการ “ทอสคานา เขาใหญ่” จังหวัดนครราชสีมา
แต่บอกเลยว่า..โมเดลนี้ไม่ใช่ของใหม่ ก่อนหน้านี้บริษัท มั่นคงเคหะการ จำกัด (มหาชน) หรือ MK ก็ทำมาแล้ว…
โดยแตกไลน์จากธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เข้าสู่ธุรกิจสุขภาพและความงามเช่นกัน เริ่มจากเมื่อต้นปี 2561 ตั้งบริษัท มั่นคงไลฟ์ จำกัด เพื่อพัฒนาโครงการสถานพยาบาลเวชศาสตร์ชะลอวัยและฟื้นฟูสุขภาพแบบครบวงจร โดยจับมือกับบริษัท ไวทัลไลฟ์ จำกัด ในเครือบริษัท โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ จำกัด (มหาชน) หรือ BH เพื่อเจาะกลุ่มลูกค้าระดับพรีเมียมทั้งไทยและต่างประเทศ
นอกจากนี้ ได้ตั้งบริษัทย่อยแห่งใหม่ ภายใต้ชื่อ บริษัท เฮลท์ แอนด์ เวลเนสส์ วิลเลจ จำกัด เพื่อทำธุรกิจที่เกี่ยวกับสถานพยาบาลอีกด้วย
ย้อนกลับไปก่อนหน้านั้น บริษัท ณุศาศิริ จำกัด (มหาชน) หรือ NUSA เอง ก็รุกขยายศูนย์สุขภาพทั้งในไทยและจีน เพราะเห็นโอกาสการเติบโตจากการที่คนเริ่มหันมาใส่ใจสุขภาพมากขึ้นเหมือนกัน
ส่วนบริษัท พฤกษา โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ PSH แม้มีรายได้หลักจากธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ แต่ก็มีธุรกิจโรงพยาบาลวิมุตติเข้ามาเสริม โดยมีแผนเปิดให้บริการปลายปี 2563
คำถามที่ว่า…ทำไมกลุ่มธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ไม่อาจนิ่งเฉย ต้องลุกขึ้นมาสร้าง Recurring Income ให้กับบริษัทนั้น สาเหตุหลักมาจากตลาดเริ่มเข้าสู่สภาวะชะลอตัว ซึ่งมีหลายปัจจัยกดดัน
ตั้งแต่สถาบันการเงินคุมเข้มการปล่อยสินเชื่อที่อยู่อาศัยมากขึ้น กำลังซื้อของผู้ซื้อชาวต่างชาติชะลอตัวลง ขณะที่กำลังซื้อภายในประเทศก็ไม่เติบโตเหมือนในอดีต บวกกับคอนโดมิเนียมในบางทำเล เริ่มมีสัญญาณโอเวอร์ซัพพลาย มิหนำซ้ำยังเจอแบงก์ชาติปรับเกณฑ์คุมสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยใหม่ที่จะเริ่มบังคับใช้วันที่ 1 เม.ย. 2562 นี้อีก
เหล่านี้เป็นปัจจัยเร่งเร้าให้ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ต้องเร่งปรับตัว…
หรือจะเรียกว่า เข้าสู่ภาวะ “ดิ้นหนีตาย” ก็คงไม่ผิดนัก !!!
ยิ่งเห็นภาพชัดเมื่อ “ไลโอเนล ลี” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร RML ยอมรับว่า “ตลาดอสังหาริมทรัพย์ในช่วง 2-3 ปีข้างหน้าจะชะลอตัว…RML จึงหันมามุ่งพัฒนาโครงการที่สร้างรายได้ประจำ ทั้งโรงแรม ศูนย์สุขภาพการเจริญพันธุ์และศูนย์เวชศาสตร์การชะลอวัย และธุรกิจอาหาร เพื่อสร้างรายได้สม่ำเสมอในอนาคต”
ตอกย้ำด้วยงบของ RML ที่ถดถอยลงเรื่อย ๆ จากปี 2558 เคยทำกำไรสุทธิได้สูงถึง 900 ล้านบาท จากรายได้รวม 5,145 ล้านบาท ปี 2559 กำไรสุทธิลดลงมาอยู่ที่ 850 ล้านบาท จากรายได้รวม 5,206 ล้านบาท ขณะที่ปี 2560 กำไรสุทธิลดฮวบอย่างน่าใจหายลงมาอยู่ที่ 192 ล้านบาท จากรายได้ 3,015 ล้านบาท
ซ้ำเติมด้วยงบงวด 9 เดือนแรกปี 2561 ที่พลิกมาขาดทุนสุทธิ 98 ล้านบาท จากรายได้รวมที่ 1,812 ล้านบาท
นี่เป็นคำตอบที่ว่า ทำไม RML ต้องแตกไลน์ธุรกิจ เพื่อสร้าง Recurring Income ในอนาคต และเปิดโครงการใหม่ในปีนี้แค่ 2 โครงการเท่านั้น
…อิ อิ อิ…