ย่ำฐานก่อนขึ้น

*อาการยื้อยุดฉุดกระชากของดัชนีในเที่ยวนี้อาจทำให้บางคนมีแนวความคิดด้านลบต่อการเคาะขวาบ้าง ก็คงไม่ใช่เรื่องที่แปลกประหลาดอะไร เพราะดัชนีทำท่าจะมุดหัวลงลูกเดียวตั้งแต่เปิดเทรดตอนเช้า แต่ทันทีที่มีแรงช้อนหุ้นเข้ามาตลอดทั้งวัน จนดันดัชนีขึ้นมายืนปิดที่ 1,624.05 จุด ลบไป 0.98 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 5.17 หมื่นล้านบาท ก็ทำให้สถานการณ์เปลี่ยนไปจากที่คิดไว้มากนะคะ


เจาะกระดาน : โมนิก้าและทีมงาน

*อาการยื้อยุดฉุดกระชากของดัชนีในเที่ยวนี้อาจทำให้บางคนมีแนวความคิดด้านลบต่อการเคาะขวาบ้าง ก็คงไม่ใช่เรื่องที่แปลกประหลาดอะไร เพราะดัชนีทำท่าจะมุดหัวลงลูกเดียวตั้งแต่เปิดเทรดตอนเช้า แต่ทันทีที่มีแรงช้อนหุ้นเข้ามาตลอดทั้งวัน จนดันดัชนีขึ้นมายืนปิดที่ 1,624.05 จุด ลบไป 0.98 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 5.17 หมื่นล้านบาท ก็ทำให้สถานการณ์เปลี่ยนไปจากที่คิดไว้มากนะคะ

*เนื่องจากนักเล่นมองเห็นโอกาสที่ดัชนีจะวิ่งขึ้นไปทดสอบแนวต้านบริเวณ 1,650 จุดยังเปิดกว้างอยู่ จึงใช้จังหวะที่ย่อตัวลงมาเยอะ ๆ ฉวยเก็บหุ้นทีเด็ดไว้ในพอร์ตเป็นจำนวนมาก ซึ่งทำให้โพสิชั่นของตลาดหุ้นอยู่ในลักษณะย่ำฐานก่อนขึ้นอีกรอบ “โมนิก้า” ถึงอยากให้นักเล่นมองหุ้นแต่ละตัวแบบทะลุปรุโปร่ง เพื่อทำให้เห็นจังหวะเล่นรอบเหมือนก่อนหน้านี้ไงล่ะคะ

*ประเด็นนี้ทำให้ “โมนิก้า” ไม่จำเป็นต้องไปกล่าวโทษกองทุนที่ขายหุ้นออกมา 4 พันล้านบาท เพราะในจังหวะดังกล่าวได้เห็นฝรั่งหัวทองโฉบเข้ามารับหุ้นไว้เต็มเหนี่ยว ผสานกับแมงเม่าแท็กทีมซื้อแบบไม่มีกั๊ก ส่งผลให้ภาพรวมของตลาดหุ้นไทยยังดีเหมือนเดิม และถ้ามองถึงประเด็นการฟื้นตัวในอีก 2 เดือนข้างหน้า เดี๊ยนถือจังหวะนี้เป็นช็อตของการทำตัวเป็นชาวสวนนะจะบอกให้

*คล้ายกับการย่อตัวของพี่เบิ้ม PTT ลงมาปิดที่บริเวณ 48.25 บาท ลบไป 0.50 บาท หรือลงไป 1% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 3.94 พันล้านบาท อาจทำให้ทุกคนรู้สึกหวั่นใจอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน แต่ถ้ามองแพตเทิร์นยาว ๆ จะเห็นการเคลื่อนตัวแบบภูเขาสามลูกในทิศทางขาขึ้น “โมนิก้า” ถึงมองเป็นจังหวะของการสวนเข้าไปเล่นในทันที เพราะโมเมนตัมของหุ้นยังดูดีอยู่นะซี

*เช่นเดียวกับในรายของ CPALL หากมองในมุมของการเทรดบริเวณค่า P/E 33 เท่าเป็นประจำทุกปี “โมนิก้า” ก็ไม่แปลกใจที่หุ้นขยับขึ้นมาปิดที่ 78.75 บาท บวกไป 1.25 บาท หรือขึ้นไป 1.60% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 2.71 พันล้านบาท เพราะมันเป็นระดับที่เหมาะสมในตัวของมันเอง แต่ถ้าวิ่งขึ้นไปไกลกว่าเดิมอีกไม่ต่ำกว่า 10% ก็คงเป็นเรื่องที่นักเล่นต้องพิจารณากันเอาเองว่า น่าเล่นไหม ?

*เหมือนกับในรายของ DTAC พอคลายความกังวลเรื่องค่าปรับถูกบันทึกไปหมดแล้วในงบปี 2561 แรงซื้อก็ไหลพรั่งพรูเข้ามาตลอดทั้งวัน จนราคาหุ้นวิ่งขึ้นมายืนปิดที่ 46.50 บาท บวกไป 3.50 บาท หรือขึ้นไป 8.15% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 827 ล้านบาท “โมนิก้า” มองเป็นเรื่องความคาดหวังตัวเลขกำไรในปี 2562 จะเติบโตอย่างมีนัยสำคัญ หลังไม่มีอะไรเป็นตัวถ่วงความสามารถในการทำกำไร แต่เรื่องดังกล่าวจะเป็นจริงแค่ไหน ? ต้องตามดูกันเอาเองนะคะ

*อีกหนึ่งรายที่ต้องเกาะติดกันให้ดีเป็นพิเศษ “โมนิก้า” คงต้องชี้เป้าไปยังหุ้นหอยทาก DDD ทะยานขึ้นมาปิดที่ 24.30 บาท บวกไป 2.30 บาท หรือขึ้นไป 10.45% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 625 ล้านบาท น่าจะเป็นจังหวะที่เหมาะสำหรับพวกใจกล้าบ้าบิ่นเท่านั้น เพราะเมื่อนั่งดีดลูกคิดออกมาแบบจริง ๆ จัง ๆ เขาว่ากันว่า ราคาปิดบริเวณนี้น่าจะโอเคมากสุดแล้วพะยะค่ะ

*ส่วนหุ้นที่เดาใจยากสุดอย่าง BLAND น่าจะเป็นหนึ่งช็อตที่นักเล่นต้องเตรียมตัวเตรียมใจมากหน่อย เพราะการกระชากขึ้นมาปิดที่ 1.69 บาท บวกไป 0.12 บาท หรือขึ้นไป 7.65% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 164 ล้านบาท “โมนิก้า” มองเป็นเรื่องที่หาเหตุผลไม่เจอจริง ๆ ยกเว้นการดันราคาของพวกขาใหญ่เหมือนที่ผ่านมา อันนี้น่าจะเป็นคำอธิบายที่ดูดีสุดในเวลานี้นะตัวเอง

*คล้ายกับกรณีของ TSE พอถึงจังหวะดันแบบสุดลิ่มทิ่มประตู ก็ใส่เกียร์ห้าดันแบบสุดซอย แต่พอถึงจังหวะทุบให้ราบเป็นหน้ากลอง ก็ไม่ปรานีปราศรัยอะไรกันเลย “โมนิก้า” ถึงอยากให้แฟนคลับลองหันไปดูการขึ้นมาปิดที่ 2.80 บาท บวกไป 0.54 บาท หรือขึ้นไป 23.90% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 255 ล้านบาท มันเป็นจังหวะ follow buy เพื่อหาเงินค่าขนมเข้ากระเป๋าได้หรือเปล่า ?

*สำหรับรายที่ออกอาการเริ่มแผ่ว หลังจากทะยานขึ้นอย่างร้อนแรงไปเมื่อวันก่อน “โมนิก้า” คงต้องหันไปมองที่หุ้น ACAP เพื่อทำให้นักเล่นมองเห็นจังหวะที่หุ้นกระชากขึ้นไปทำจุดสูงสุดที่บริเวณ 4.76 บาท ต่อจากนั้นโรยตัวลงมาช้า ๆ ก่อนจะลงเอยที่ระดับ 4.46 บาท บวกไปแค่ 0.28 บาท หรือขึ้นไป 6.70% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 152 ล้านบาท มันเป็นเรื่องที่นักเล่นต้องเริ่มทบทวนยุทธวิธีการเคาะขวารัว ๆ ในวันนี้แล้วล่ะคะ

 

Back to top button