พระเจ้าอยู่ในรายละเอียด (อีกครั้ง)

สถาปนิกชาวเยอรมันชื่อดัง ต้นธารของงานสถาปัตยกรรมสมัยใหม่รุ่นหลังสงครามโลกครั้งที่สอง อาร์ท เดโค เคยให้คำนิยามที่ลุ่มลึกว่า ตึกแท่งสี่เหลี่ยมที่ดูข้างนอกไม่มีอะไรนี่แหละ มีความน่าสนใจอยู่ภายในมากมาย


พลวัตปี 2019 : วิษณุ โชลิตกุล

สถาปนิกชาวเยอรมันชื่อดัง ต้นธารของงานสถาปัตยกรรมสมัยใหม่รุ่นหลังสงครามโลกครั้งที่สอง อาร์ท เดโค เคยให้คำนิยามที่ลุ่มลึกว่า ตึกแท่งสี่เหลี่ยมที่ดูข้างนอกไม่มีอะไรนี่แหละ มีความน่าสนใจอยู่ภายในมากมาย

คำนิยามนี้ สามารถนำไปใช้อธิบายกับสถานการณ์อื่น ๆ ทั่วไปในชีวิตประจำวัน

บางครั้งอาจจะเบี่ยงเบนไปบ้างเช่นว่า ซาตานอยู่ในรายละเอียด ก็ไม่ได้ทำให้สาระสำคัญของนิยามเปลี่ยนไป

เรื่องหุ้นก็เช่นกัน ยามที่หุ้นในตลาดมีราคาถูกมากมาย นักวิเคราะห์พื้นฐานก็พยายามชี้แนะให้ซื้อเก็บสะสมมากหลาย แต่ดูเหมือนว่าสถานการณ์รอบ ๆ ตลาดยังทำให้แรงซื้อไม่หนุนเนื่องเท่าที่ควร ทั้งที่หุ้นพื้นฐานบางรายการมีความโดดเด่นทั้งราคาและสัญญาณเทคนิคครบครัน

โมเดลธุรกิจ และความมุ่งมั่นในการเก็บรายละเอียดของผู้บริหารจะสะท้อนออกมาสอดรับคำนิยามเรื่องพระเจ้า (หรือซาตาน) อยู่ในรายละเอียดชัดเจนเมื่อเวลาผ่านไป ในขณะที่วิศวกรรมการเงินเป็นปัจจัยเสริมเท่านั้น

ในห้วงยามที่เข้าสู่เทศกาลประกาศงบการเงินงวดไตรมาส 4 และงวดสิ้นปี ของปี 2561 รายละเอียดเหล่านี้จะแสดงออกมาให้นักลงทุนพิจารณา

ตัวอย่างที่อยากยกให้เห็นว่ารายละเอียดสำคัญอย่างไร ขอยกกรณีศึกษาหุ้นอาหาร 2 รายการมาเทียบเคียงให้เห็นความชัดเจน

รายแรก เข้ามาระดมทุนในตลาดด้วยเกณฑ์พิเศษมาร์เก็ตแคป ด้วยมาดสวยกับเกมซื้อกิจการร้านอาหารเครือข่ายในและต่างประเทศที่มีแบรนด์รู้จักดีแต่ขาดทุนเรื้อรัง โดยขายแนวคิดว่าเมื่อถึงระดับหนึ่งจะสามารถเทิร์นอะราวด์กลับมากำไรเป็นกอบเป็นกำ

แนวคิดโตทางลัดผ่านเกมวิศวกรรมการเงินนี้ ผู้ถือหุ้นรายใหญ่ไม่ต้องคิดอะไรมาก มอบอำนาจการบริหารจัดการให้หุ้นส่วนรองบริหารรายละเอียด ขณะที่ผู้ถือหุ้นหลักตระเวนสร้างคอนเนกชั่นทางสังคมไปเรื่อย ทั้งเข้าร่วมกลุ่มเรียนวิทยาการจัดการชั้นสูง หรือร่วมวงเฮฮาประสาขาใหญ่มือหนัก ด้วยการชูไอเดียสร้างแบรนด์เพื่ออนาคตอันสวยหรู หากมีคนซื้อแนวคิดนี้ ก็สบช่องตักแบ่งขายหุ้นให้คนที่สนใจ (เรียกว่าเหยื่อ ก็ดูกระไร)

ระหว่างที่ยังไม่มีกำไรเพราะโมเดลธุรกิจยังบ่มเพาะไม่ทันสุกงอม ก็ใช้วิธีการสร้างข่าวขายร้านอาหารเครือข่ายไปเรื่อย ๆ ฆ่าเวลา พร้อมกับคาดหมายรายได้ที่ดี โดยพยายามเลี่ยงพูดถึงกำไรว่าจะเกิดขึ้นเมื่อใด

ผ่านไป 2 ปี การขยายสาขาเครือข่ายร้านอาหารเพิ่มเติมในหลายแบรนด์ ช่วยรักษายอดรายได้ของกิจการให้ทรงตัวหรือเติบโตเล็กน้อยระดับ 2 พันล้านบาท แต่ไม่มีรายละเอียดชี้แจงว่าแบรนด์ไหนรุ่ง แบรนด์ไหนริ่ง รู้แค่ว่ายังมีตัวเลขขาดทุนต่อไปตามปกติ มาร์เก็ตแคปที่เคยมากกว่า 5.7 พันล้านบาท ร่อยหรอลงมาเหลือแค่ 3.5 พันล้านบาท แล้วยังไม่มีคำตอบเรื่องกำไรต่อไป

อีกรายแตกต่างออกไป เข้าไปในตลาดในฐานะเครือข่ายร้านขายเครื่องดื่มและอาหารที่กระจุ๋มกระจิ๋ม ด้วยยอดรายได้ระดับ 900 ล้านบาทต่อปี แต่เติบโตทั้งยอดขายและกำไรต่อเนื่อง แม้ไม่มาก

จุดเด่นของบริษัทนี้อยู่ที่ นอกจากพี/อีที่สูงลิ่วตอนเข้ามาในตลาดใหม่เกือบ 100 เท่า แต่ปัจจุบันลงมาที่ระดับ 33 เท่า อยู่ที่ความมุ่งมั่นกับการเก็บรายละเอียดของการบุกเบิกเมนูอาหารหรือเครื่องดื่มใหม่ ๆ เป็นระยะ ๆ เพื่อลดความซ้ำซากของสินค้า และสร้างช่องทางขายใหม่ เช่นจับมือสายการบินโลว์คอสต์บางแห่ง ให้บริการร่วมกัน ไม่มีแนวคิดเรื่องวิศวกรรมการเงินมานำเสนอเลย

การเลือกโฟกัสที่การเติบโตจากภายในเช่นนี้ ทำให้เสน่ห์ของราคาหุ้นลดลง แต่มีจุดเด่นคือผู้บริหารสามารถเก็บรายละเอียดของงานได้ดี สามารถต่อยอดประสบการณ์ต่อเนื่อง กำไรสุทธิที่โตช้า และตามด้วยกำไรสุทธิต่อหุ้นที่ขึ้นลงตามสถานการณ์ บ่งบอกถึงความแข็งแกร่งภายในที่รอวันสะพรั่ง

ล่าสุดผู้บริหารออกมาให้ข้อมูลเชิงบวกว่า เมนูอาหารและเครื่องดื่มใหม่ที่ได้รับความนิยมอย่างมาก น่าจะทำให้มียอดขายที่ยอดเยี่ยม โดยมีอัตรากำไรสุทธิที่ระดับ 15% น่าจะทำให้รายได้ปีนี้เติบโตก้าวกระโดด

มุมมองผู้บริหารดังกล่าว นักวิเคราะห์ขาเชียร์ระบุว่า ต่ำแบบอนุรักษนิยมเกินไป เพราะจากการประเมิน อัตรากำไรสุทธิของเมนูยอดนิยมมากถึง 30% (เนื่องจากค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานที่ต่ำไม่มีต้นทุนค่าเช่าเพิ่มเติม)

แม้ว่ารายหลังนี้ จะถูกประเมินว่าแนวโน้มธุรกิจปี 2562 ยอดขายสาขาเดิมอาจจะเติบโตไม่น่าตื่นเต้น เนื่องจากภาพภาวะการบริโภคในประเทศยังไม่ดีมากเท่าที่ควร แต่การเปิดตัวเมนูใหม่ ๆ อย่างต่อเนื่อง จะทำให้การขยายสาขาจะเป็นหนึ่งในช่องทางที่เป็นปัจจัยหนุนการเติบโตที่สำคัญในปีนี้

ความแตกต่างของบริษัทเจ้าของหุ้นทั้ง 2 รายที่ว่ามา น่าจะช่วยประกอบการตัดสินใจของนักลงทุนได้ดี ว่าจะซื้อสะสม หรือซื้อเก็งกำไร หรืออยู่ให้ห่างเข้าไว้

รายละเอียดเช่นว่านี้ จะช่วยให้การลงทุนมีความน่าสนใจมากขึ้น แม้ว่านักลงทุนบางรายอาจจะไม่ถือว่าตนเองเป็นวีไอ หรือนักลงทุนเน้นคุณค่าก็ตาม

 

Back to top button