พาราสาวะถี
เข้าสู่โหมดเลือกตั้งเต็มรูปแบบหลังผู้สมัครของทุกพรรคการเมืองได้ไปยื่นใบสมัครกันอย่างคับคั่งเมื่อวันวานเป็นวันแรก จากนี้ก็อยู่ที่การจับผิด เอ๊ย ! จับตาความเคลื่อนไหวของแต่ละคนแต่ละพรรค จะมีการหาเสียง เปิดปราศรัยเป็นการเมืองสร้างสรรค์หรือสาดโคลน น้ำเน่าแบบเดิม ๆ ดูแนวโน้มแล้วคงเป็นการเมืองยุคใหม่ได้ยาก
อรชุน
เข้าสู่โหมดเลือกตั้งเต็มรูปแบบหลังผู้สมัครของทุกพรรคการเมืองได้ไปยื่นใบสมัครกันอย่างคับคั่งเมื่อวันวานเป็นวันแรก จากนี้ก็อยู่ที่การจับผิด เอ๊ย ! จับตาความเคลื่อนไหวของแต่ละคนแต่ละพรรค จะมีการหาเสียง เปิดปราศรัยเป็นการเมืองสร้างสรรค์หรือสาดโคลน น้ำเน่าแบบเดิม ๆ ดูแนวโน้มแล้วคงเป็นการเมืองยุคใหม่ได้ยาก
ขนาดคนที่อ้างเข้ามาเพื่อปฏิรูปและชูทำการเมืองสร้างสรรค์ เป็นอดีตรัฐมนตรีร่วมรัฐบาลเผด็จการที่อ้างทั้งความปรองดองสมานฉันท์และความเปลี่ยนแปลงช่วงเปลี่ยนผ่าน พอมีหัวโขนเป็นเลขาธิการพรรคสืบทอดอำนาจอย่าง สนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ ก็หนีไม่พ้นวังวนเดิม ๆ มีการพูดพาดพิงพรรคการเมืองคู่แข่ง ตอกย้ำภาพของความขัดแย้งที่ผ่านมาอยู่ตลอดเวลา
ถ้าท่านผู้นำเผด็จการตอบรับคำเชิญเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคการเมืองนี้ สิ่งแรกที่ต้องรีบทำเลยคือสะกิดหรือสั่งให้ทั้งแกนนำและลูกพรรคหาเสียงเชิงสร้างสรรค์ หรือว่าลองทำแล้วมันไม่ได้คะแนน แต่ถ้าคิดว่าวิธีการที่ใช้อยู่มันได้ผล ก็ให้ลองย้อนกลับไปถึงผลการเลือกตั้งเมื่อปี 2554 ที่ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ก็พาดพิงถึง อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นรัฐบาลรักษาการอยู่แท้ ๆ ทำไมถึงแพ้เลือกตั้ง
ประชาชนต่างต้องการให้บทเรียน พวกที่ดีแต่พูด พรรคที่ดีแต่สร้างภาพแต่ไม่ได้ทำให้ประชาชนอยู่ดีกินดี ยากที่จะประสบชัยชนะในสนามเลือกตั้ง ครั้งนี้ก็เหมือนกันความได้เปรียบของพรรคพลังประชารัฐอยู่ที่อำนาจเบ็ดเสร็จเด็ดขาด บวกกับกระสุนดินดำที่มีไม่อั้นและการปฏิบัติหน้าที่ขององค์กรที่จะกำกับดูแลการเลือกตั้งเท่านั้น เรื่องอื่น ๆ ไม่มีอะไรโดดเด่นให้เป็นที่พึ่งที่หวังของประชาชนได้แม้แต่น้อย
ปากก็บอกว่าทำการเมืองใหม่ เป้าหมายก็อ้างการปฏิรูปให้เกิดความเปลี่ยนแปลงทางการเมือง แต่พฤติกรรมที่แสดงออกมันสวนทางอย่างสิ้นเชิงตั้งแต่การใช้พลังดูดด้วยสารพัดวิธี นี่มาเล่นการเมืองสกปรกที่ตัวเองเที่ยวกล่าวหาเขาไปทั่ว หากคิดว่าคนยุคนี้เหมือนยุคที่ใช้ข่าวลือข่าวปล่อยทำลายคู่แข่งได้ก็ลองดู แล้วจะรู้ว่านรกมีจริง
สิ่งที่ผู้มีอำนาจในปัจจุบันไม่ได้คำนึงถึงแม้แต่น้อยคือ มารยาททางการเมือง ไม่ได้เอ่ยถึงกรณี 4 รัฐมนตรีเพราะไม่มีความหมายใด ๆ ที่จะพูดถึง สปิริตที่ยกมาอ้างก็ไม่มีใครมองเห็นเพราะมันช้าไปจนการไขก๊อกที่เกิดขึ้น ไม่ได้แสดงให้เห็นถึงจริยธรรมทางการเมืองที่สูงส่งกว่านักการเมืองชั่วนักการเมืองเลวที่องคาพยพของตัวเองกล่าวหามาตลอดตั้งแต่การยึดอำนาจแต่อย่างใด
แต่ส่วนที่จะพูดถึงมารยาททางการเมืองที่เห็นว่าผู้กุมอำนาจปัจจุบันมองข้ามก็คือ การใช้สถานที่อย่างทำเนียบรัฐบาล ทั้งเป็นที่สุมหัวคิดในการก่อตั้งพรรคสืบทอดอำนาจและเจรจากับนักการเมืองเพื่อดึงมาร่วมงาน ใครเป็นใครบ้างก็ลองไปไล่เรียงดูรายชื่อคนที่อยู่ในปาร์ติ้ลิสต์ของพรรคการเมืองดังว่าได้ พวกอันดับต้น ๆ ล้วนแล้วแต่เป็นคนที่เคยดอดเข้าทำเนียบฯ ไปพบ สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ แล้วก็อ้างว่าเป็นการหารือเรื่องการแก้ปัญหาของบ้านเมืองทั้งสิ้น
ล่าสุด ที่ทำให้เห็นเป็นที่ประจักษ์แม้จะโชว์ความโปร่งใสโดยเปิดให้สื่อเข้าติดตามได้อย่างเปิดเผยคือการที่อดีต 4 รัฐมนตรีเข้าส่งเทียบเชิญผู้นำเผด็จการเป็นแคนดิเดตนายกฯ ของพรรคสืบทอดอำนาจ ที่หลายคนวิจารณ์ว่าน่าจะใช้สถานที่ที่เป็นส่วนตัวกับกิจกรรมที่เป็นเรื่องของพรรคการเมืองและเป็นเรื่องทางการเมืองของผู้นำที่คิดจะสืบทอดอำนาจ
อย่างที่ สมชัย ศรีสุทธิยากร ผู้สมัครส.ส.สมุทรสาคร พรรคประชาธิปัตย์ ทักท้วง การใช้สถานที่ราชการเพื่อสนับสนุนพรรคการเมืองใดพรรคการเมืองหนึ่งถือเป็นการกระทำที่ไม่เหมาะสมและไม่ถูกต้อง แม้จะอ้างว่าการมาเชิญที่ทำเนียบฯ เป็นเพราะต้องการให้เกียรติกับพลเอกประยุทธ์ แต่กรณีนี้จะต้องใช้เจ้าหน้าที่ของรัฐในการอำนวยความสะดวกแก่เจ้าหน้าที่ของพรรคดังกล่าวด้วย
ข้อทักท้วงพร้อมเสียงแนะนำจากอดีตกกต.รายนี้คงไม่มีผล ต่อการที่อยากให้กกต.ชุดปัจจุบันส่งสัญญาณเตือนว่าการกระทำดังกล่าวไม่เหมาะสม เห็น ๆ กันอยู่ว่าคนในองค์กรอิสระแห่งนี้ปฏิบัติหน้าที่กันแบบระมัดระวังตัวเป็นที่สุด ยังไม่รู้เลยว่าตลอดเส้นทางการหาเสียงจนไปถึงวันเลือกตั้ง จะได้เห็นผลงานความเที่ยงธรรม โปร่งใสจากองค์กรแห่งนี้กี่มากน้อย
บอกมาตลอดคุณสมบัติหน้าทนคือเผด็จการ ยิ่งมีพวกหัวหมอคอยชี้แนะชี้นำยิ่งไปกันใหญ่ กรณีเล่นละครส่งเทียบเชิญถึงทำเนียบฯ เช่นเดียวกัน ไม่จำเป็นต้องแสดงอะไรให้ประชาชนเห็นเพราะเขารู้กันอยู่แล้ว อย่างที่ จาตุรนต์ ฉายแสง ว่า กินอยู่กับปาก อยากอยู่กับท้อง ก็ใครหน้าไหนกันที่สั่งการให้รัฐมนตรีของตัวเองไปตั้งพรรคการเมืองขึ้นมาตั้งแต่ต้น
ตามมาด้วยการเขียนกติกาต่าง ๆ ให้พรรคการเมืองที่มีอยู่เดิมเสียเปรียบ มีโอกาสเป็นรัฐบาลน้อยลง ใช้ชื่อพรรคการเมืองซึ่งเป็นนโยบายสำคัญของรัฐบาลที่ลดแลกแจกแถมไม่หยุด ทั้งหมดนี้ก็เพื่อให้ผู้นำเผด็จการเป็นนายกฯ โดยมีพรรคสืบทอดอำนาจเป็นกำลังสำคัญ หนีความจริงยังไงก็หนีไม่พ้น และคนก็รู้ว่าเป็นอย่างไร
สิ่งที่น่าสนใจคงเป็นเรื่องที่ว่า ถ้ารับคำเชิญแล้ว การวางตัวของบิ๊กตู่จะเป็นแบบเดิมหรือทำตัวเหมือนนายกฯ รักษาการ เพราะถ้ายังเหมือนเดิมก็เท่ากับว่าเป็นการเอาเปรียบพรรคอื่นในการเลือกตั้งครั้งนี้ และจะทำให้การเลือกตั้งไม่เสรีและไม่เป็นธรรม หากเป็นนักการเมืองที่หน้าบางก็จะอับอายจนสู้หน้าใครไม่ได้ ซึ่งจาตุรนต์บอกว่าเว้นแต่ว่าคนที่จะสืบทอดอำนาจขาดความละอาย
อย่างไรก็ตาม ความเห็นของ ชัยเกษม นิติสิริ กับการเลือกตั้งหนนี้ก็น่าคิดอยู่ไม่น้อย สิ่งที่รัฐบาลและ กกต.ซึ่งเป็นผู้คุมกฎแต่มาจากการแต่งตั้งของคสช.ทำขอให้แฟร์กับทุกฝ่าย มิเช่นนั้น ก็จะอาจเป็นประวัติศาสตร์ที่การเลือกตั้งไม่ชอบมาพากลหรือมีการโกงเกิดขึ้น ซึ่งเวลานี้หลายฝ่ายก็กังวลใจอยู่ว่า จะมีอะไรเกิดขึ้น เพราะเหตุที่คสช.มีอำนาจมากและแต่งตั้งองค์กรที่คุมการเลือกตั้งจึงแฟร์ยาก ของพรรค์นี้อยู่ที่จิตสำนึกล้วน ๆ