ไปให้สุด

เจาะกระดาน : โมนิก้าและทีมงาน

* ภาพการลงทุนไม่ว่าจะเป็นทิศเหนือหรือใต้ต่างดูดีขึ้นเป็นลำดับเหมือนตลาดหุ้นไทยที่ก่อนหน้านี้ตื้อ ๆ ตัน ๆ มาระยะหนึ่งจะถูกทลายลงไปอย่างรวดเร็ว พร้อมกับมีความหวังว่าทุกอย่างจะดีขึ้นกว่าที่เป็นอยู่ ล้วนมาจากสถานการณ์รอบด้านที่ทำให้คิดว่าหุ้นจะไปต่อได้อีกไกล หลังดีดตัวเหนือความคาดหมายด้วยการทะยานขึ้นติดต่อกันทำให้นักลงทุนน้อยใหญ่กลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง

* ประเด็นดังกล่าวสะท้อนเรื่องราวออกมาในมุมของการไล่เคาะซื้อหุ้นเล็กหลาย ๆ ตัว บวกกับพฤติกรรมของกองทุนที่ยังเป็นผู้ซื้อหลัก “โมนิก้า” มองเป็นช็อตที่ทุกคนต้องปรับเปลี่ยนตัวเองให้ทันกับสถานการณ์ เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นเที่ยวนี้เป็นเรื่องของการวัดความกล้ามากกว่าเรื่องอื่น เพราะขณะที่ภาพของการลงทุนดูน่าลุ้นน่ารับไปเสียหมด ยังมีหุ้นบางตัวที่ไม่ตอบรับอยู่ยังไงละคะ

* สิ่งที่ต้องติดตามถัดมาคือ เมื่อสถานการณ์ดังกล่าวทำให้ความเชื่อมั่นในการลงทุนกลับมาอีกครั้งจึงมีการไล่ซื้อหุ้นในราคาสูงต่อไปเรื่อย ๆ ส่งผลให้ดัชนียังคงปรับตัวขึ้นต่อเนื่องจนวานนี้มาลงเอยที่ระดับ 1,654.64 จุด หรือขึ้นไป 3.24 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 3.82 หมื่นล้านบาท ถึงมูลค่าซื้อขายจะเบาบางเพราะหลายคนหยุดเคาะหุ้นไปไหว้เจ้าในเทศกาลตรุษจีนแต่เดี๊ยนยังย้ำหัวหมุดว่ายังมีแรงซื้อเข้ามาอย่างต่อเนื่อง จึงอยากให้แฟนคลับกลับเข้ามาเคาะหุ้นเด่นเน้นหุ้นดีให้ดีก่อนซื้อหรือขายตามคนอื่นเจ้าค่ะ

* อย่างในรายของ ESSO ออกอาการเป๋ครั้งแล้วครั้งเล่า จนภาพของหุ้นอยู่ในลักษณะย่ำอยู่กับที่อย่างชัดเจน วานนี้เห็นราคาขึ้นมาปิดที่ 11.40 บาท บวกไป 0.30 บาท หรือขึ้นไป 2.70% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 452.65 ล้านบาท “โมนิก้า” ยังรู้สึกไม่แฮปปี้สักเท่าไหร่ เพราะหุ้นยังไม่สามารถเปลี่ยนเทรนด์การเคลื่อนไหวเสียที! บรรยากาศการลงทุนถึงยังไม่น่าสนใจนักเจ้าค่ะ

* ในกรณีของ CENTEL ค่อย ๆ ไต่ระดับขึ้นมาจนมาปิดที่ 45 บาท บวกไป 1.75 บาท หรือขึ้นไป 4.05% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 495.21 ล้านบาท ช็อตการเคลื่อนไหวที่เกิดในช่วงหลัง ๆ พลอยทำให้เดี๊ยนอยากเอาใจช่วยให้ราคาวิ่งขึ้นไปแตะไฮเดิมที่แถว ๆ 58 บาท แบบเร็ววันเร็วคืน แต่การเคลื่อนตัวลักษณะนี้ หากยังไม่สามารถถีบตัวให้พ้นแนวต้าน 50 บาทได้คงจะได้ลุ้นกันจนหืดขึ้นคอแน่นอนเจ้าค่ะ

* คล้ายกันกับรายของ BEC ดีดเป็นม้าคึกมา 2 วันติด ล่าสุดมาปิดที่ 6.25 บาท บวกไป 0.55 บาท หรือขึ้นไป 9.65% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 219.59 ล้านบาท การปรับขึ้นในรอบนี้ยังไม่ใช่เรื่องเซอร์ไพรส์สำหรับ “โมนิก้า” เพราะถึงแม้ราคาหุ้นจะวิ่งแรงสักแค่ไหน แต่ผลงานที่ผ่านมายังไม่น่าสนใจ เพราะ 9 เดือนของปี 2561 ยังขาดทุน ราคาหุ้นถึงมีโอกาสทรุดตัวลงมากกว่าขึ้น หรือจะเรียกว่าผลงานยังไม่เข้าตากรรมการยังไงละเจ้าคะ

* อีกหนึ่งรายที่รูปแบบการเคลื่อนไหวคล้ายกัน “โมนิก้า” อยากให้ลองจับตาดูกับรายของ CPT ลักษณะเริ่มมีนัยสำคัญหลังขึ้นมายืนเหนือเส้นค่าเฉลี่ย 50 วันได้สำเร็จ ทำให้สัญญาณเทคนิคเปลี่ยนเป็นขาขึ้น หากราคาสามารถวิ่งขึ้นไปถึง 1.02 บาท คงได้มีโอกาสได้เห็นหุ้นตัวนี้วิ่งอีกยาว ใครที่อยากจะติดขบวนเล็งหุ้นตัวนี้เอาไว้ก็ยังไม่สายเพราะยังมีแก๊ปให้เคาะตามอยู่อีกเจ้าค่ะ

* ส่วนในรายของ BANPU ราคาพยายามจะเด้งกลับขึ้นไปจุดเก่าหลายต่อหลายครั้ง แต่ก็ยังไม่สำเร็จเพราะยังถูกเส้นค่าเฉลี่ย 75 วันขวางไว้ วานนี้ราคาหุ้นถึงได้แค่ขึ้นมาปิดที่ 16.80 บาท บวกไป 0.20 บาท หรือขึ้นไป 1.20% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 290.36 ล้านบาท แต่ประเด็นข่าวควงแขนพันธมิตรญี่ปุ่นเข้าลงทุนในธุรกิจรถยนต์ไฟฟ้า ที่ถือเป็นการแหวกแนวทำพื้นฐานบริษัทน่าสนใจที่ต้องอาศัยจังหวะช่วยหนุนให้ราคาหุ้นกลับมาคึกคักอีกครั้ง

* ด้านหุ้น NER ช่วงนี้ราศีจับโดนใจบรรดาเม่าเล็กเม่าใหญ่อย่างแรง ถึงมีแรงดันหุ้นทะยานขึ้นมาปิดที่ระดับ 2.18 บาท บวกไป 0.16 บาท หรือขึ้นไป 7.92% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 196.20 ล้านบาท แรงสุดในรอบ 2 เดือน เห็นอาการแบบนี้ไม่ได้กินยาผิดซองแต่อย่างใด เพราะเดี๊ยนไปสืบเสาะหาข้อมูลมาแล้วว่าผลงานไตรมาส 4/2561 จะออกมาแจ่มแจ๋วตามปริมาณขายยางและคำสั่งซื้อลูกค้าทะลัก พ่วงผลงานปี 2562-2563 ยังโตต่อเนื่อง เห็นแบบนี้เป้า 4.20 บาท คงไม่ไกลเกินเอื้อมเจ้าค่ะ

* ปิดท้ายกับ AH ขยับไล่ราคาขึ้นมาเรื่อย ๆ จนสุดท้ายทะยานขึ้นมาปิดที่ 24.20 บาท บวกไป 1.30 บาท หรือขึ้นไป 5.68% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 54.08 ล้านบาท มองกันแบบไม่ต้องคิดอะไรให้มากความเพราะเป็นเรื่องของวัฏจักรการเก็งกำไรเพื่อรอผลประกอบการที่คาดว่าจะออกมาหรูหรา แถมยังมีปันผลสวย ๆ สูง ๆ ล่อตาล่อใจกว่า 5% เป็นตัวเพิ่มเสน่ห์อย่างจังไงละคะ…อิอิ