พาราสาวะถี

วันสุดท้ายแล้วสำหรับการสมัครส.ส.แบบแบ่งเขต การส่งบัญชีรายชื่อผู้สมัครส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์และบัญชีแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี บรรดาพรรคหัวแถวมีเพียงพลังประชารัฐเท่านั้น ที่รอการตอบรับคำเชิญจากตัวจริงเสียงจริง พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา และเป้าหลอก สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ ซึ่งการดึงจังหวะยื้อเวลาก็เพียงพิธีกรรมที่ไม่รีบด่วนตอบรับให้น่าเกลียดเท่านั้น


อรชุน

วันสุดท้ายแล้วสำหรับการสมัครส.ส.แบบแบ่งเขต การส่งบัญชีรายชื่อผู้สมัครส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์และบัญชีแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี บรรดาพรรคหัวแถวมีเพียงพลังประชารัฐเท่านั้น ที่รอการตอบรับคำเชิญจากตัวจริงเสียงจริง พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา และเป้าหลอก สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ ซึ่งการดึงจังหวะยื้อเวลาก็เพียงพิธีกรรมที่ไม่รีบด่วนตอบรับให้น่าเกลียดเท่านั้น

ขนาดนักข่าวถาม อุตตม สาวนายน หัวหน้าพรรคว่าเผื่อใจสำหรับการปฏิเสธของผู้นำเผด็จการไว้หรือไม่ เจ้าตัวประกาศกร้าวอย่างมั่นใจว่าไม่มี เพราะเชื่อว่าจะมีการเซย์เยสแน่นอน เพียงแต่การอ้างเรื่องขั้นตอนก็คือการเดินเกมเพื่อไม่ให้ถูกครหา ขณะที่ท่านผู้นำยังคงเดินสายต่างจังหวัดเป็นเรื่องปกติด้วยเหตุผลทำงานไม่เกี่ยวกับการเมือง

แต่เนื้อหาที่ปราศรัยกับประชาชนซึ่งไปรอต้อนรับนั้นอย่างที่บอกว่าติดดาบ คาบลูกคาบดอก ชี้ช่องให้ประชาชนเลือกบางพรรคแล้วก็มีการโจมตีบางพรรคด้วยลีลาที่ไม่พูดตรง ๆ ถ้าคนที่ติดตามข่าวสารกันอยู่ตลอดเวลาย่อมรู้ดีว่าหมายถึงใคร ถือเป็นสูตรสำเร็จของผู้นำเผด็จการที่ทุกเวลาจะพูดเรื่องเดิม เนื้อหาเดิม เพิ่มเติมคือพ่วงเอาการเลือกตั้งเข้าไปด้วยโดยการชี้แนะให้ประชาชนเลือกอย่างที่ตัวเองอยากจะให้เป็น

ทั้ง ๆ ที่นโยบายของพรรคการเมือง พรรคไหนทำได้หรือไม่ได้ ใช้เงินงบประมาณจากไหน คงไม่ได้มีแต่คนชื่อประยุทธ์และคณะรัฐบาลเผด็จการเท่านั้นที่ทำเป็นทำได้ พวกที่ได้ชื่อว่านักการเมืองและพรรคการเมืองคงไม่โง่ที่จะคิดอะไรที่ทำไม่ได้ ขายฝันหลอกชาวบ้าน ขณะที่ประชาชนก็รู้ดีว่าจะต้องเลือกอย่างไร ก็ขนาดพวกที่อวดอ้างว่าทำได้ทำดีคนจนยังจะอดตายกันอยู่แล้ว

สิ่งที่แสดงออกเป็นภาพของพวกที่หวงกาง หลงและเหลิงในอำนาจที่ตัวเองมี จึงคิดแต่เรื่องที่ตัวเองจะสืบทอดอำนาจ โดยมองทุกคนทุกฝ่ายเป็นคู่แข่งจะมาแย่งชิงสิ่งที่ตัวเองต้องการครอบครองไม่ได้ คนเหล่านั้นจึงกลายเป็นคนชั่วคนเลว พวกไม่มีความคิด โดยลืมไปว่าสิทธิในการที่จะเลือกนั้นเป็นของประชาชน เช่นเดียวกันกับเสรีภาพที่จะมองและพิจารณาว่าใครดีใครชั่ว โดยไม่ต้องให้ใครมาชี้นำ

การสถาปนาตัวเองว่าเป็นคนเก่ง คนดีไม่มีใครเทียบนั้นเข้าใจได้ว่าเป็นคุณสมบัติอย่างหนึ่งของเผด็จการทั่วโลกที่ต้องแสดงออกเช่นนั้น เช่นเดียวกับการจะอยู่ในอำนาจต่อไป เพียงแต่อย่าได้เที่ยวอ้างหรือสอนสั่งคนโน้นคนนี่ว่าจะต้องคิดและทำอย่างที่ตัวเองคาดหวังไว้ทั้งหมด เพราะนั่นไม่ใช่วิถีของผู้ที่กำลังจะลอกคราบเผด็จการมาเดินบนถนนสายประชาธิปไตย

วันนี้กลายเป็นว่าเมื่อองค์กรที่ต้องดูแลการเลือกตั้งให้การรับรองทุกท่วงท่าของหัวหน้าเผด็จการว่าสามารถทำได้ แม้จะรับคำเชิญนั่งแคนดิเดตนายกฯของพรรคการเมืองใดก็ตาม จึงมีการใช้ความได้เปรียบดังว่านี้แสดงออกในเชิงชี้แนะชี้นำในทุกโอกาสที่ได้พบปะประชาชน การย้ำว่านายกฯและรัฐมนตรีห้ามหาเสียงทุกกรณีโดย วิษณุ เครืองาม จึงเป็นเพียงแค่หมากตัวหนึ่งเท่านั้น เพราะพฤติกรรมที่แสดงออกมันยิ่งกว่าการหาเสียงเสียอีก

เห็นบัญชีรายชื่อส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ของพรรคสืบทอดอำนาจแล้ว มองมิติทางการเมืองภายในพรรคได้หลายประการ โดยเฉพาะสายสัมพันธ์ระหว่างม็อบกปปส.กับผู้มีอำนาจ เห็นได้จากชื่อของ 2 แกนนำอย่าง ณัฏฐพล ทีปสุวรรณ ที่ขึ้นอันดับ 1 และ พุฒิพงษ์ ปุณณกันต์ ที่อยู่ในอันดับ 3 สลับฟันปลากับ สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ และ สมศักดิ์ เทพสุทิน แกนนำกลุ่มสามมิตร

ขณะที่อันดับ 5 และ 6 เป็นสายตรงจากทำเนียบรัฐบาล ทั้ง นฤมล ภิญโญสินวัฒน์  และ สันติ กีระนันทน์ โดยรายแรกนั้นคือผู้อยู่เบื้องหลังบัตรคนจนของรัฐบาลเผด็จการ พิจารณาจากสิ่งที่เห็นทำให้มองไปยังการจัดตั้งรัฐบาลสืบทอดอำนาจคงเกิดการต่อรองกันเข้มข้น ไหนจะเส้นสายภายในพรรค ไหนจะต้องยอมเฉือนกระทรวงใหญ่ให้กับพรรคที่จะเข้าร่วมถ้าพรรคของตัวเองชนะการเลือกตั้งไม่ได้ การไปต่อของผู้นำเผด็จการนั้นไม่ใช่เรื่องยาก แต่การจัดสรรอำนาจเพื่อจะเดินต่อไปต่างหากที่น่าจะยากแสนสาหัส

เสียงจาก สนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ เลขาธิการพรรคเหมือนบ่งบอกอะไรบางอย่าง เชื่อมั่นว่าพรรคจะได้ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อจำนวนมาก ซึ่งนั่นหมายความว่าจำนวนส.ส.เขตจะได้น้อย เพราะตัวเลขของส.ส.สองระบบนี้จะสอดประสานกัน กล่าวคือถ้าพรรคใดได้ส.ส.เขตมาก การคำนวณความน่าจะเป็นของการมีส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ก็จะน้อยตามสัดส่วนด้วยสูตรคะแนนเสียงไม่ตกน้ำ

การพูดเช่นนั้นของเลขาฯพรรคสืบทอดอำนาจ ก็เท่ากับยอมรับไปในตัวว่าผู้สมัครส.ส.แบบแบ่งเขตนั้นชื่อชั้นเป็นรองพรรคคู่แข่ง จึงต้องอาศัยบารมีของพวกบิ๊กเนมที่อยู่ในปาร์ตี้ลิสต์ไปช่วยหนุน แต่ก็อย่าลืมว่าเหตุที่พวกนั้นกระโดดจากสนามแบ่งเขตก็เพราะกลัวสอบตกนั่นเอง ดังนั้น จึงต้องไปลุ้นวัดดวงกันเอาว่าคะแนนเสียงที่ไม่ชนะส.ส.เขตนั้นจะแปรผันมาเป็นคะแนนให้ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ได้กี่มากน้อย

เพราะเข้าใจในระบบที่ถูกออกแบบมาลักษณะนี้เป็นอย่างดี อนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย จึงย้ำอย่างหนักแน่นว่าพรรคต้องการได้ส.ส.เขตให้มากเข้าไว้ เพราะนั่นหมายถึงการกำชัยชนะแบบเบ็ดเสร็จเด็ดขาด ไม่จำเป็นต้องมานั่งลุ้นว่าสัดส่วนของคะแนนที่นำมาคำนวณจะได้ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์กี่เสียง ถึงขนาดที่เสี่ยหนูบอกว่าให้คะแนนส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์เป็น 0 แลกกับการได้ส.ส.เขตก็ยอม

ปี่กลองว่าด้วยการเลือกตั้งยิ่งดังมากขึ้นเท่าไหร่ เราก็จะได้เห็นความเข้มข้นในการหาเสียงเพิ่มมากขึ้นเท่านั้น ยิ่งการที่ผู้นำเผด็จการตอบรับคำเชิญเป็นแคนดิเดตนายกฯของพรรคสืบทอดอำนาจด้วยแล้ว กลายเป็นว่า กระบวนการหาเสียงจะมีทั้งแบบเปิดเผยที่ดำเนินการโดยพรรคการเมือง และการใช้กลยุทธ์อ้างการปฏิบัติงานตามกฎหมาย แต่แฝงด้วยการขายผลงานของตัวเองเพื่อสร้างแรงจูงใจให้คนเลือกบางพรรคการเมืองอย่างแนบเนียน ไหน ๆ ก็ด้านกันอยู่แล้วก็ด้านให้มันสุดลิ่มทิ่มประตูกันไปเลย

ไม่เพียงแต่พรรคการเมืองส่วนใหญ่จะทำได้แค่มองตากันปริบ ๆ เท่านั้น องค์กรที่ดูแลการเลือกตั้งทั้งระบบก็อาจจะตกอยู่ในภาวะใบ้รับประทานหรือเลี่ยงบาลี หาวิธีที่จะอธิบายกับสังคมว่าทำไมถึงไม่จัดการกับสิ่งที่ถูกมองว่าเป็นการกระทำที่เข้าข่ายผิดกฎหมายแต่ได้รับการยกเว้น เวรกรรมของคนรักประชาธิปไตยโดยแท้ เคยมีคณะกรรมการที่ไม่อยากจัดเลือกตั้งมาแล้ว ดันมาเจอกับคณะกรรมการที่จัดการเลือกตั้งแต่เต็มไปด้วยความเกรงใจและเกรงกลัวต่ออำนาจเผด็จการไปเสียฉิบ

Back to top button