พาราสาวะถี

วันนี้รู้กันกกต.จะเคาะมาแบบไหนปมพรรคไทยรักษาชาติกับแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี แน่นอนว่าเสียงสะท้อนของฟากฝั่งถือหางเผด็จการเรียกร้องให้ “ยุบพรรค” แต่ทั้งหมดขึ้นอยู่กับดุลพินิจขององค์กรอิสระที่จะชี้ทิศทางการเลือกตั้งซึ่งกำลังจะเกิดขึ้น ยังคงเดินบนเส้นทางโปร่งใส ยุติธรรมหรือไม่ อิทธิพร บุญประคอง ประธานกกต.บอกเอง กรณีที่เกิดขึ้นต้องพิจารณารอบคอบและมีความเป็นธรรมมากที่สุด


อรชุน

วันนี้รู้กันกกต.จะเคาะมาแบบไหนปมพรรคไทยรักษาชาติกับแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี แน่นอนว่าเสียงสะท้อนของฟากฝั่งถือหางเผด็จการเรียกร้องให้ “ยุบพรรค” แต่ทั้งหมดขึ้นอยู่กับดุลพินิจขององค์กรอิสระที่จะชี้ทิศทางการเลือกตั้งซึ่งกำลังจะเกิดขึ้น ยังคงเดินบนเส้นทางโปร่งใส ยุติธรรมหรือไม่ อิทธิพร บุญประคอง ประธานกกต.บอกเอง กรณีที่เกิดขึ้นต้องพิจารณารอบคอบและมีความเป็นธรรมมากที่สุด

อย่างไรก็ตาม สถานการณ์การเมืองสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาการแปรอักษรส่งท้ายฟุตบอลประเพณีธรรมศาสตร์-จุฬาฯครั้งที่ 73 ของมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์น่าจะฉายภาพการเมืองว่าด้วยการเลือกตั้ง 24 มีนาคมนี้ได้ดีที่สุด “แบ่งเขตวุ่นวาย โปรยปรายภาษี อีก 125 ที่ ลุงชนะเห็น ๆ พอ 9 โมงกว่าดันมีเซอร์ไพรส์ ประกาศชื่อใหม่ ถึงกับไปไม่เป็น แต่แม่งูเอ๋ย สนุกเป็นบ้า 4 ทุ่ม 55 หักมุมอีกที เดาทางไม่ถูก จะจบแบบไหน ลุ้นกันต่อไป to be…to be continued”

หลังจากได้คำตอบจากกกต.แล้ว คงจะเห็นภาพการเมืองอีกขยักหนึ่ง จากนั้นวันวาเลนไทน์ลุ้นอัยการจะสั่งฟ้อง 3 แกนนำพรรคเพื่อไทยที่แถลงข่าว 4 ปีคสช.ผิดข้อหามาตรา 116 ยุยงปลุกปั่นหรือไม่ เพราะนัยของกรณีนี้จะนำไปสู่การยุบพรรคนายใหญ่ได้ในทันที หากเป็นเช่นนั้น หมายความว่าพรรคของเผด็จการสืบทอดอำนาจและเครือข่ายจะไร้คู่แข่งสำคัญไปโดยปริยาย

ทั้งหมดก็จะเป็นเช่นที่ผู้นำเผด็จการอ้างมาตลอดทุกอย่างว่ากันตามกฎหมาย ส่วนหากเป็นไปในทิศทางแบบนี้จริง จะเกิดกระแสลุกฮืออะไร อย่างไรหรือไม่ คนทั่วไปอาจบอกว่ายากที่จะคาดเดา แต่สำหรับผู้ที่มีอำนาจเบ็ดเสร็จเด็ดขาด ย่อมมั่นใจว่าเอาอยู่ คุมสถานการณ์ได้ เรียกได้ว่า สัปดาห์นี้น่าจะเป็นจุดชี้วัดสำคัญทางการเมืองเลยก็ว่าได้

แต่บทเรียนจากเหตุการณ์ทางการเมืองสุดสัปดาห์ น่าจะเป็นสัญญาณให้ฝ่ายกุมอำนาจได้พึงตระหนักว่า ตลอดระยะเวลาเกือบ 5 ปีที่ผ่านมา ได้แก้ไขปัญหาความขัดแย้งแตกแยกสะเด็ดน้ำแล้วจริงหรือ เสียงเอะอะโวยวาย บางรายถึงขึ้นผรุสวาทด้วยถ้อยคำที่หยาบคาย รุนแรง ถึงขั้นถ่อยสถุน จนทำให้คนที่เป็นกลางอย่างแท้จริงเกิดคำถามตัวโต หากมีรัฐบาลสืบทอดอำนาจโดยไร้กฎหมายพิเศษและมาตราวิเศษแล้ว บ้านเมืองจะเป็นอย่างไร

ไม่เพียงแต่ฝ่ายการเมืองขั้วตรงข้ามของกลุ่มที่ถูกกล่าวหาว่าเป็นพวกระบอบทักษิณเท่านั้น ที่จะใช้กรณีแคนดิเดตนายกฯของทษช.ไปเป็นประเด็นโจมตีเพื่อสร้างคะแนนนิยมในช่วงหาเสียง พรรคสืบทอดอำนาจเองก็หยิบยกเอาประเด็นนี้ไปขยายผลเพื่อเรียกคะแนนให้กับตัวเองเช่นกัน จึงอยู่ที่ผู้นำเผด็จการว่าต้องการจะให้สถานการณ์ของบ้านเมืองเดินทางไปในทิศทางใด

จากนี้ไปทุกแอ็กชั่นทางการเมืองของท่านผู้นำ จะเป็นตัวบ่งบอกว่าการสร้างความปรองดองตลอดระยะเวลาที่ยึดอำนาจมานั้นเป็นเป้าหมายและความตั้งใจอย่างแท้จริง หรือแค่ใช้เป็นเพียงเหตุผลหนึ่งในการสร้างความชอบธรรมต่อการก่อรัฐประหารเท่านั้น หากไม่ตอแยโดยปล่อยให้เรื่องที่เกิดขึ้นเดินไปตามเส้นทางปกติ ทุกอย่างก็จะเรียบร้อยไร้แรงกระเพื่อมใด ๆ

เรื่องของกองเชียร์แต่ละฝ่ายเป็นสิ่งที่ห้ามกันไม่ได้ แต่ประเภทเลยเถิดจนเกินงาม ฝ่ายความมั่นคงโดยเฉพาะชุดที่จับตาพวกจาบจ้วงล่วงเกิน น่าจะเห็นอะไรจากความเคลื่อนไหวในช่วงวันศุกร์ที่ผ่านมา ปากบวกกับการกระทำที่ผ่านมามันสวนทางกับสิ่งที่แสดงออกกันอย่างสิ้นเชิง ตรงนี้คือสิ่งสำคัญที่ท่านผู้นำและคณะต้องตระหนักให้จงมั่น การกระทำของคนเหล่านั้นเป็นพฤติกรรมเลือกที่รักมักที่ชังซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่สมควรหรือไม่

ความเคลื่อนไหวของพรรคการเมืองต่าง ๆ จากสิ่งที่เกิดขึ้น คงต้องหยุดรอดูท่าทีกันอีกซัก 2-3 วัน เพื่อประเมินว่า จะมีผลกระทบหรือเกิดเหตุการณ์อะไรตามมาอีกหรือไม่ แต่ถ้าจะให้เดาต้องบอกว่าไม่น่าจะมีอะไรให้เซอร์ไพรส์กันอีกแล้ว สิ่งเดียวที่พึงตระหนักสำหรับนักท่องโซเชียลทั้งหลายคือ ข่าวที่ได้รับคงต้องคัดกรองกันหลายชั้นพอสมควร

แต่ก็อีกนั่นแหละ บางครั้งขนาดกรองแล้วและเชื่อว่ามันไม่น่าจะเป็นไปแต่ก็เกิดขึ้นได้ เพราะในเชิงตรรกะหลายเรื่องสามารถเทียบเคียงเหตุและผล ความน่าจะเป็นว่าไม่ควรจะเป็นเช่นนั้น แต่ก็คาดไม่ถึง จึงอาจทำให้ต้องคิดกันต่อไปว่า มองการเมืองยุคสมัยนี้นอกจากจะชั้นเดียวเชิงเดียวไม่ได้แล้ว เมื่อมองกันหลายชั้นคงต้องค้นหามุมอื่นกันอีกหลายตลบว่ามันจะพลิกแพลงตะแคงฟ้าอะไรหรือไม่

อย่างที่รู้กัน สุดสัปดาห์ที่ผ่านมามี 2 ข่าวที่ตีคู่กันมาคือกรณีแคนดิเดตของทษช.กับข่าวโคมลอยว่าผู้นำเผด็จการจะแถลงข่าวไม่มีการเลือกตั้ง ซึ่งอย่างหลังนี้ประเมินและฟันธงได้ทันทีว่าปล่อยและสร้างกระแส เพราะรู้กันอยู่แล้ว ทุกองคาพยพที่เคลื่อนกันมาปลายทางคือการอยู่ในอำนาจต่อไปโดยใช้การเลือกตั้งเป็นเครื่องฟอกตัวเท่านั้น แล้วจะมาทำลายสิ่งที่ตัวเองวางแผน เตรียมการกันมาดิบดีได้อย่างไร

อีกประการในห้วงเวลาที่สังคมกำลังสับสนเช่นนี้ คือการปฏิบัติหน้าที่ของสื่อมวลชน เช่นเดิมสื่อเลือกข้างยังทำงานกันอย่างคงเส้นคงวา โจมตีฝ่ายที่ตัวเองเห็นปฏิปักษ์และบางสำนักคงลืมตัวหรือเจตนาก็ไม่ทราบว่า อดีตผู้บริหารของตัวเอง (ในเชิงนิตินัย) ก็ไปสังกัดพรรคการเมือง จึงทำให้สังคมเห็นว่าการเล่นงานบางพรรคการเมืองเพื่อหวังผลให้เกิดประโยชน์กับพรรคของเจ้านายหรือไม่ เรื่องแบบนี้อยู่ที่คนบังคับใช้กฎหมายจะเลือกหลิ่วตาหนึ่งข้างหรือตรงไปตรงมากันแน่

จากที่เก็บตัวเงียบตลอดทั้งวันศุกร์ที่ผ่านมาแต่อาการที่แสดงออกยังอารมณ์ดี เริ่มวันทำงานเราคงจะได้ยินได้ฟังผู้นำเผด็จการออกมาสื่อสารกับสังคมทั้งต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และทิศทางการเมืองของตัวเองหลังตกลงรับแคนดิเดตนายกฯของพลังประชารัฐ งานนี้ถ้าจะอ้างเกรงทำผิดกฎหมายเลือกตั้งหรือข้อครหาวางตัวไม่เป็นกลาง ก็ปิดปากเงียบไปเสีย แต่หากไม่ต้องดัดจริตกันแล้ว ก็ทำตัวเป็นเหมือนที่เคยเป็นมา อย่างไรเสียอำนาจเด็ดขาดก็อยู่ในมือ ถ้าเห็นท่าไม่ดีก็ล้มกระดานเสียให้รู้แล้วรู้รอดไปเลย

Back to top button