สังคมข่าวหุ้น
* ตลาดหุ้นไทยล่าสุดปิดการซื้อขายที่ระดับ 1,655.73 จุด ปรับเพิ่มขึ้น 13.24 จุด มูลค่าการซื้อขายรวม 4.5 หมื่นล้านบาท
นิวส์เวฟ
* ตลาดหุ้นไทยล่าสุดปิดการซื้อขายที่ระดับ 1,655.73 จุด ปรับเพิ่มขึ้น 13.24 จุด มูลค่าการซื้อขายรวม 4.5 หมื่นล้านบาท
* EA เปิดตัวโครงการใหม่เรือไฟฟ้า มูลค่าลงทุนรวม 1,000 ล้านบาท เบื้องต้นจะสร้างทั้งหมด 54 ลำ ถือเป็นอีกหนึ่งสเต็ปก้าวเดินที่น่าสนใจและน่าจับตาเป็นอย่างมาก เอาจริง ๆ ยานพาหนะที่ใช้เชื้อเพลิงด้วยพลังงานไฟฟ้าไม่ได้เป็นเรื่องใหม่ที่เพิ่งเกิดขึ้น และทุกคนล้วนทราบกันดีอยู่แล้วว่าในอนาคตประเทศไทยต้องก้าวไปสู่ยุคที่ยานพาหนะขับเคลื่อนด้วยเชื้อเพลิงไฟฟ้าและมีบทบาทเป็นหลัก
* แต่สิ่งที่ EA แตกต่างกับผู้ประกอบการรายอื่น คือ การตัดสินใจลงมือทำจนเริ่มเห็นภาพเป็นรูปธรรม และเมื่อมาถึงจุดนี้แล้วทางบริษัทก็คงตอบคำถามผู้คนที่เคยสงสัยกันว่า สิ่งที่ EA ประกาศไว้ในอดีตตั้งแต่แผนทำแบตเตอรี่กักเก็บไฟฟ้า รถยนต์ไฟฟ้า จนล่าสุดเรือไฟฟ้าทางบริษัทเอาจริงหรือไม่
* แน่นอนคงไม่มีอะไรการันตีได้ว่าสิ่งที่ EA กำลังก้าวเดินอยู่ในขณะนี้จะประสบความสำเร็จได้อีกครั้ง เหมือนที่เคยทำได้กับธุรกิจไบโอดีเซลและโรงไฟฟ้าโซลาร์ฟาร์มกับพลังงานลมหรือเปล่า แต่อย่างน้อย EA มีความกล้าชัดเจนที่จะมุ่งหน้าทดลองและบุกตลาด พร้อมกับก้าวออกจากกรอบของธุรกิจที่เคยเป็นมา ซึ่งอันนี้คือสิ่งที่น่าปรบมือชื่นชมเพราะเลือกกล้าเป็นผู้นำมากกว่าเป็นผู้ตาม จึงไม่น่าแปลกใจเลยว่า ทำไมผลการดำเนินงานและราคาหุ้นบริษัทถึงมีพัฒนาดีขึ้นทุกปี
* หุ้น AOT ประกาศงบไตรมาสแรกออกมามีกำไรสุทธิ 6,375 ล้านบาท โตขึ้นจากปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 6,219 ล้านบาท แม้กำไรไตรมาสนี้ถือว่าต่ำกว่าที่ภาพรวมตลาดคาดไว้เล็กน้อยแถว 6.5 พันล้านบาท แต่ยังถือเป็นสัญญาณที่ดีเพราะขนาดตลาดนักท่องเที่ยวต่างชาติ (โดยเฉพาะจีน) ยังไม่ได้กลับเข้าสู่ภาวะปกตินัก แต่ทาง AOT กลับเติบโตขึ้นมาได้
* ดูทรงแล้วงวดไตรมาส 2 ถ้าไม่มีปัจจัยลบนอกเหนือการควบคุมกดดัน โอกาสที่งบจะโตขึ้นต่อเนื่องมีอยู่สูงไม่เบา เพราะในช่วงไตรมาสนี้มีทั้งเทศกาลปีใหม่ ตามต่อมาด้วยเทศกาลตรุษจีน จึงเป็นแรงดึงดูดให้นักท่องเที่ยวต่างชาติไหลเข้ามาเที่ยวในไทย แน่นอนเมื่อนักท่องเที่ยวเติบโต AOT ในฐานะด่านแรกและเป็นตัวแทนหุ้นกลุ่มท่องเที่ยวจึงพร้อมได้รับผลบวกจากปัจจัยนี้ไปเต็ม ๆ
* หุ้น NER ช่วงหลังราคาเริ่มพุ่งทะยานกลับขึ้นมาอีกครั้ง โดยหุ้นทำสถิติราคาดีที่สุดตั้งแต่เข้าเทรดในตลาดที่ระดับ 2.52 บาท (เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา) แต่รักษาฐานยืนอยู่ได้ไม่นานเพราะมีแรงขายออกมาเพียบและกดดันให้ราคาหุ้นในกระดานลดลง
* ว่ากันตามความเป็นจริงคงไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรที่จะเกิดแรงขายหุ้น เพราะ NER คือ หุ้นไอพีโออีกหนึ่งรายที่ต่ำหลุดจองเมื่อช่วงเข้าเทรดปลายปี 2561 โดยมีราคาขายไอพีโอ 2.58 บาท ซึ่งในวันเข้าเทรดครั้งแรกทำราคาเปิดต่ำจองที่ 2.22 บาท พร้อมกับปิดตลาดที่ 2.06 บาท และหลังจากนั้นเป็นต้นมายังมีช่วงถอยลงไปต่ำกว่า 2 บาท ด้วยซ้ำไป
* ดังนั้นจะเห็นได้ว่าหุ้น NER ในขณะนี้หลายคนมีต้นทุนต่ำกว่าในกระดาน พอราคาหุ้นขยับขึ้นมาสูงจึงกลายเป็นจังหวะขายทำกำไรหรือบางคนที่เคยติดกันหุ้นกันตั้งแต่สมัยไอพีโอก็ขายตัดขาดทุนออกมาด้วยเหมือนกัน
* ส่วนฝั่ง NER เองก็พิสูจน์ตัวเองได้ชัดเจนด้วยการประกาศงบปี 2561 ฟันกำไรสุทธิโตถึง 486 ล้านบาท พร้อมกับจ่ายปันผลตามมาอีก 13 สตางค์ จนกลายเป็นแรงบวกช่วยสนับสนุนราคาหุ้น
* โดยเฉพาะตัวเงินปันผล 13 สตางค์นี่แหละคือประเด็นหนุนสำคัญ เพราะหากนำมาเทียบราคาหุ้นในกระดานเท่ากับคิดเป็นดิวิเดนด์ยีลด์สูงเกิน 5% และกำหนดแขวน XD นานถึงวันที่ 7 พ.ค. เท่ากับส่งผลให้หุ้นมีแรงดึงดูดคนเข้ามาซื้อหุ้นเพราะเท่ากับมีโอกาสได้รับทั้งกำไรหุ้นควบเงินปันผลไปในตัว ดังนั้นโอกาสที่หุ้นจะวิ่งกลับไปหาฐานไอพีโอจึงยังมีลุ้นไม่เบา แต่คนที่เข้าเก็งกำไรก็ขอใช้ความระมัดระวัง เพราะในเมื่อเป็นโอกาสได้รับแคปปิตอลเกน แต่ในทางตรงข้ามก็เป็นจังหวะขายทำกำไรของใครหลายคนด้วยเช่นกัน