พาราสาวะถี
วันแห่งความรักกับคำถามแบบน้ำเน่าว่าแล้วคนไทยรักกันหรือยัง คำตอบชัดเจนจากปรากฏการณ์ข่าวเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ไม่ต้องรอความหวังถึงรัฐบาลหลังการเลือกตั้ง ผู้มีอำนาจเบ็ดเสร็จที่เข้ามาสร้างความปรองดองเกือบ 5 ปี ยืนยันได้ไหมว่างานด้านนี้สำเร็จลุล่วงหรือล้มเหลวไม่เป็นท่า ปัญหาอยู่ตรงไหนคงเข้าใจกันได้ดี
อรชุน
วันแห่งความรักกับคำถามแบบน้ำเน่าว่าแล้วคนไทยรักกันหรือยัง คำตอบชัดเจนจากปรากฏการณ์ข่าวเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ไม่ต้องรอความหวังถึงรัฐบาลหลังการเลือกตั้ง ผู้มีอำนาจเบ็ดเสร็จที่เข้ามาสร้างความปรองดองเกือบ 5 ปี ยืนยันได้ไหมว่างานด้านนี้สำเร็จลุล่วงหรือล้มเหลวไม่เป็นท่า ปัญหาอยู่ตรงไหนคงเข้าใจกันได้ดี
ที่ผ่านมาไม่ได้มุ่งเน้นที่จะเคลียร์ใจกันทุกฝ่าย หากแต่ตั้งป้อมทั้งจำกัดและกำจัดฝ่ายที่เป็นปฏิปักษ์กับอำนาจเผด็จการ เปลี่ยนสภาพตัวเองจากกรรมการเป็นผู้เล่นเต็มตัว เรื่องความสมานฉันท์ สร้างสามัคคี จึงเป็นเหมือนวาทกรรมลวงโลก เพราะท้ายที่สุดอำนาจอันหอมหวลมันยิ่งใหญ่กว่าเรื่องอื่นใดทั้งปวง จึงมุ่งแต่การสืบทอดอำนาจ มากกว่าจะแก้ไขปัญหาที่ใช้เป็นข้ออ้างในการก่อรัฐประหารอย่างจริงจัง
เห็นได้เด่นชัดว่า องคาพยพหลัง 22 พฤษภาคม 2557 มุ่งเน้นไปที่การเขียนข้อกฎหมาย เพื่อรักษาซึ่งอำนาจ ณ ปัจจุบันของตัวเอง และพุ่งเป้าไปที่การอยู่ต่อในอำนาจ แม้กระทั่งวันนี้ ในจังหวะที่ผู้นำเผด็จการตอบรับเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคสืบทอดอำนาจ ตามกฎ กติกา มารยาท เนติบริกรประจำรัฐบาลให้ข้อชี้แนะแจ่มแจ้ง แต่ก็ยังไม่วายหาช่องทางเพื่อที่จะให้ตัวเองได้เปรียบแบบสุด ๆ
ความพยายามที่จะให้ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ช่วยพรรคพลังประชารัฐหาเสียงได้ คงสร้างความอึดอัดใจให้กับ วิษณุ เครืองาม ไม่น้อย ล่าสุดจึงบอกกับนักข่าวไล่ให้พรรคสืบทอดอำนาจไปถามกกต.เอาเองว่าคนที่เป็นข้าราชการการเมือง มีหัวโขนอันเด่นชัดจะไปทำตัวเหมือนนักการเมืองโดยทั่วไปได้ขนาดไหน ลำพังแค่มีอำนาจเต็มมือและเบ็ดเสร็จเด็ดขาดก็น่าจะเพียงพอแล้ว
สิ่งที่เกิดขึ้นคงเป็นภาพสะท้อนให้เห็นถึงคะแนนนิยมที่ไม่กระเตื้อง แม้ว่าจะมีแคนดิเดตนายกฯที่พรรคหวังว่าเป็นตัวเรียกคะแนนก็ตาม อีสานโพลล่าสุดน่าจะเป็นตัวชี้วัดได้ดี ที่พบว่าคะแนนนิยมของพรรคการเมืองในสายตาคนอีสาน ปรากฏว่าเพื่อไทยสูงในระดับเกือบ 50 เปอร์เซ็นต์ ตามมาด้วยอนาคตใหม่ที่ 20 เปอร์เซ็นต์นิด ๆ ส่วนพรรคสืบทอดอำนาจอยู่ในอันดับ 4 ความชมชอบต่างกันลิบลับในระดับ 7.4 เปอร์เซ็นต์
ไม่เพียงเท่านั้น การแถลงข่าวของท่านผู้นำหลังประชุมครม.ที่บอกว่า บางพรรคเก่งแต่พูดทำงานไม่ได้ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์เลยตอกกลับแบบนิ่ม ๆ ใครกันที่เกือบ 5 ปีที่ผ่านมาพูดมากกว่าใครเพื่อน ที่สำคัญคือนอกจากพูดไม่เก่งแล้ว ยังพบว่าทำงานไม่เป็นอีกต่างหาก แหม ! นี่แหละความเป็นนักการเมืองต้องเปิดใจให้กว้างพร้อมที่จะแลกเปลี่ยนความเห็นกับคนวงการเดียวกันอยู่ตลอดเวลา
ไม่มีอะไรอยู่เหนือความคาดหมาย ก็แค่ดึงจังหวะซื้อเวลา กับมติของกกต.ที่ให้ยุบพรรคไทยรักษาชาติ หลังจากที่มีการอ้างคุณแหล่งข่าวไปเมื่อวันอังคาร ก่อนที่ช่วงค่ำ ๆ ค่อนดึกของวันเดียวกัน จะมีเอกสารข่าวของกกต.บอกว่ายังไม่ได้ข้อยุติ แต่เช้าวันรุ่งขึ้น ก็มีเอกสารข่าวแจกถึงมือสื่อมวลชน มีมติเอกฉันท์ให้ยุบพรรคดังว่า
ไม่รู้จะยื้อเวลากันไปทำไม เพราะในเอกสารดังว่าก็อ้างถึงมติของกกต.ว่าเกิดขึ้นในวันที่ 12 กุมภาพันธ์นั่นแหละ สงสัยเกรงจะถูกครหาว่าเร่งรีบรวบรัด เพราะวันเดียวกันถึงขั้นมีข่าวศาลรัฐธรรมนูญขยายเวลาปิดสำนักงานเพื่อรอเอกสารจากกกต. ช้าไปแค่ 1 วันคงไม่เสียหาย ดีกว่าปล่อยให้สังคมโจมตีว่ารีบเร่งแบบผิดปกติ
ไม่ต้องวิจารณ์อะไรมาก ทุกอย่างเป็นไปตามที่ปรากฏเป็นข่าว ส่วนที่ไม่ยอมแถลงโดยตัวประธานกกต.หรือ 7 เสือกกต. หรือแม้แต่เลขาธิการกกต. พอจะเข้าใจกันได้ ไม่อยากตอบคำถามหลาย ๆ ประการ ที่เกรงว่าจะอธิบายกันยาก ใช้กระบวนการที่มีอำนาจตามกฎหมายส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญทีเดียว พรรคจะมีข้อโต้แย้งอย่างไรค่อยไปว่ากันอีกที
แน่นอนว่า พรรคที่ได้รับผลกระทบ ร้อยโท ปรีชาพล พงษ์พานิช หัวหน้าพรรค ยืนยันให้ฝ่ายกฎหมายไปดำเนินการตามขั้นตอน ขอใช้สิทธิในการดูคำร้องว่าพรรคมีความผิดในข้อหาใด รวมถึงการรับทราบข้อกล่าวหาตามกระบวนการพิจารณาความของศาลรัฐธรรมนูญ เพราะพรรคถือเป็นคู่กรณีหรือคู่ความกับกกต.โดยตรง ส่วนการหาเสียงของพรรค ทีมที่เกี่ยวข้อง ยังคงดำเนินการไปตามปกติ
เรียกได้ว่า มีความเคลื่อนไหวให้กองเชียร์ได้ใจชื้นขึ้นมาบ้างหลังจากเงียบหายกันไปหลายวัน อย่างไรก็ตาม ช็อตต่อไปหากพรรคดังกล่าวถูกยุบและจะเป็นอย่างไรต่อไปนั้น คงต้องดูขั้นตอนการพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญว่าจะดำเนินการเรื่องนี้รวดเร็วมากน้อยขนาดไหน หากเสร็จก่อนหย่อนบัตรทุกอย่างก็จบไปโดยปริยาย แต่หากเสร็จภายหลังก็มีกระบวนการอยู่พอสมควร
จากสิ่งที่เห็นทุกอย่างคงไม่ช้า อย่างที่บอกไปก่อนหน้า ถ้ายุบแค่ไทยรักษาชาติ สถานการณ์การเมืองก็จะเป็นอีกแบบ หากเกินไปและไหลลามไปถึงเพื่อไทยด้วย ยังนึกภาพไม่ออกว่าเหตุการณ์บ้านเมืองจะเป็นอย่างไร แต่ที่แน่ ๆ หากมีใครคาดหวังว่าสิ่งที่ดำเนินการกับพรรคที่ถูกกล่าวหาว่าอยู่ใต้อาณัติของ ทักษิณ ชินวัตร แล้วจะทำให้พรรคสืบทอดอำนาจประสบชัยชนะ คงเลิกคิดกันไปได้
นอกจากจะไม่ชนะแล้ว ผลการเลือกตั้งที่ออกมาอาจจะนำไปสู่ปัญหาหลายประการ โดยเฉพาะความขัดแย้ง แตกแยกของผู้คนในสังคม คงไม่ต้องบอกว่าเพราะอะไร การแสดงความหยาบกระด้างหรือเผยธาตุแท้ของบางคนบางพวกเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา น่าจะเป็นสัญญาณที่ทำให้ผู้มีอำนาจได้สำเหนียกแล้วว่า ใครพวกไหนกันที่เป็นปัญหาของบ้านเมืองอย่างแท้จริง
สิ่งที่หลายคนไม่อยากให้เกิดและคิดว่าคงไม่เกิดอย่างการรัฐประหาร ถามกันตรง ๆ มีใครกล้าการันตีร้อยเปอร์เซ็นต์หรือไม่ แน่นอนว่า ปลายทางเวลานี้อยู่ที่การเลือกตั้ง เช่นเดียวกันยังมีคนจำนวนไม่น้อยคิดว่าจะเดินกันไปถึงจุดหมายในวันที่ 24 มีนาคมนี้หรือไม่ เพราะปัจจัยที่คาดไม่ถึงสามารถเกิดขึ้นได้รายวัน ทุกย่างก้าวเต็มไปด้วยความอ่อนไหว การประกาศวางตัวเป็นกลางของฝ่ายเจ้าหน้าที่รัฐโดยเฉพาะคนที่กุมขุมกำลังหากไม่เป็นไปตามนั้น อีกด้านมันก็คือจุดที่จะเป็นตัวชี้วัดว่าจะชิงลงมือเพื่อยุติปัญหาต่าง ๆ หรือไม่